ความรู้ เกร็ดความรู้ สารานุกรม สารานุกรมออนไลน์ ความรู้รอบตัว ความรู้ทั่วไป พจนานุกรม เกมส์ เพลงใหม่ เพลง

โรคหัดเยอรมัน (Rubella), โรคหัดเยอรมัน (Rubella) หมายถึง, โรคหัดเยอรมัน (Rubella) คือ, โรคหัดเยอรมัน (Rubella) ความหมาย, โรคหัดเยอรมัน (Rubella) คืออะไร
| เปิดอ่าน 0 | ความคิดเห็น 1
โรคหัดเยอรมัน (Rubella)

          โรคหัดเยอรมัน (Rubella) เป็นโรคไข้ออกผื่นชนิดหนึ่ง ซึ่งมีอาการไม่รุนแรงในเด็กแต่เป็นโรคที่มีความสำคัญ เพราะถ้าสตรีมีครรภ์เป็นโรคหัดเยอรมันในระยะ 3-4 เดือนแรก เชื้อไวรัสจะผ่านไปยังทารกในครรภ์ ทำให้เกิดความพิการทางหู ตา หัวใจ และสมอง โรคหัดเยอรมันสามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน

สาเหตุโรคหัดเยอรมัน

          ไวรัส Rubella เป็น RNA ไวรัส ซึ่งจัดอยู่ในตระกูล Togaviridae และในกลุ่ม Rubivirus

ระบาดวิทยา

          โรคหัดเยอรมันติดต่อกันได้โดยการสัมผัสโดยตรง เชื้อที่อยู่ใน nasopharynx ออกมาทางการไอ จาม เข้าสู่ทางระบบการหายใจ ประมาณร้อยละ 20-50 ของผู้ติดเชื้อจะไม่มีอาการ ระยะที่ติดต่อกันได้มากคือ 2-3 วัน ก่อนมีผื่นขึ้นไปจนถึง 7 วันหลังผื่นขึ้น สำหรับทารกที่ติดเชื้อตั้งแต่ในครรภ์ (Congenital rubella) เชื้อไวรัสจะอยู่ในลำคอและขับถ่ายออกมาทางปัสสาวะได้นานถึง 1 ปี จึงนับเป็นแหล่งแพร่โรคที่สำคัญ

          ในระยะก่อนที่จะมีวัคซีน โรคหัดเยอรมันมักจะเกิดการระบาดเป็นระยะๆ ทุก 6-9 ปี และส่วนใหญ่จะเป็นกับเด็ก ผู้ใหญ่ที่ไม่มีภูมิคุ้มกันเป็นได้และรุนแรงมากกว่าเด็ก และที่สำคัญคือถ้าเป็นในหญิงมีครรภ์ จะทำให้ลูกเป็น Congenital rubella ได้ตั้งแต่ร้อยละ 25-40 ทั้งนี้แล้วแต่ระยะของการตั้งครรภ์

          ระยะฟักตัวของโรคระหว่าง 14-21 วัน เฉลี่ย 16-18 วัน

 



การวินิจฉัยโรคหัดเยอรมัน

           จากการแยกเชื้อไวรัสจากน้ำมูก swab จากคอ จากเลือด ปัสสาวะ และน้ำไขสันหลัง ใน Congenital rubella เชื้อจะอยู่ได้นานเป็นปี โอกาสแยกเชื้อจึงเป็นไปได้สูง การตรวจหาระดับ antibody ในเลือด โดยวิธี HAI ปัจจุบันใช้วิธีตรวจหา IgM antibody โดยวิธี ELISA ในการวินิจฉัยโรค


อาการและอาการแสดงโรคหัดเยอรมัน

          1) ในเด็กโต จะเริ่มด้วยต่อมน้ำเหลืองที่หลังหู ท้ายทอย และด้านหลังของลำคอโต และเจ็บเล็กน้อย เด็กโตจะรู้สึกไม่สบาย ปวดหัว ไข้ต่ำๆ มีอาการคล้ายเป็นหวัด เจ็บคอร่วมด้วย 1-5 วัน ประมาณวันที่ 3 ผื่นจะขึ้นเป็นสีชมพูจางๆ กระจายอยู่ห่างๆ เป็นแบบ Macular rash เริ่มขึ้นที่หน้าแล้วลามไปทั่วตัวอย่างรวดเร็วภายใน 24 ชั่วโมง ผื่นเห็นชัดเจนบริเวณแขนขา และจะหายไปในเวลา 1-2 วัน และสีผิวหนังจะกลับเป็นปกติ ถ้าเป็นในผู้ใหญ่จะมีไข้สูงกว่าในเด็ก บางรายอาจมีอาการปวดข้อหรือข้ออักเสบร่วมด้วย โดยเฉพาะในผู้หญิง

          2) Congenital rubella อาการแตกต่างกันแล้วแต่ระยะที่แม่ติดเชื้อ ถ้าแม่เป็นในระยะ   ตั้งครรภ์ 1-4 สัปดาห์ จะพบทารกมีความพิการได้ถึงร้อยละ 30-50 สัปดาห์ที่ 5-8 พบได้ร้อยละ 25 และสัปดาห์ที่ 9-12 พบพิการได้ร้อยละ 8 ความพิการที่พบได้บ่อยคือ ความพิการทางตา (พบเป็น ต้อกระจก  ตาเล็ก ต้อหิน) ความพิการที่หัวใจ หูหนวก ความผิดปกติทางสมอง สมองและหัวเล็ก แรกเกิดจะพบมีตับ ม้ามโต มีอาการตัวเหลือง มีจ้ำเลือดตามตัว และเกล็ดเลือดต่ำ อาการผิดปกติเหล่านี้พบได้ในความรุนแรงต่างกัน และอาจพบได้หลายอย่างร่วมกัน



การแยกผู้ป่วย

          เด็กที่ติดเชื้อทั่วไป แยกจนครบ 7 วันหลังผื่นขึ้น   ใน Congenital rubella อาจมีเชื้ออยู่ได้นานถึง 1 ปี จึงต้องแยกจากเด็กอื่นๆ เป็นเวลา 1 ปี     นอกจากว่าจะติดตามตรวจแยกเชื้อไวรัสใน nasopharynx และในปัสสาวะเมื่ออายุ 3-6 เดือนแล้วไม่พบเชื้อไวรัส

การป้องกันโรคหัดเยอรมัน

          หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ป่วย โดยเฉพาะหญิงมีครรภ์ วิธีที่ดีที่สุดคือให้วัคซีนป้องกันในรูปของวัคซีนหัดเยอรมันอย่างเดียว (R)  หรือวัคซีนรวมกับหัดและคางทูม (MMR) โดยให้ 1 ครั้ง ฉีดเข้าใต้ผิวหนัง ภูมิคุ้มกันจะเกิดขึ้นร้อยละ 90 และอยู่ได้นาน ถ้าใช้รวมกับวัคซีนหัด เริ่มเมื่อ 9-12 เดือน และให้ซ้ำเมื่อเข้าเรียนชั้นประถมปีที่ 1


การรักษาโรคหัดเยอรมัน

เป็นการรักษาตามอาการ

โรคหัดเยอรมัน (Rubella), โรคหัดเยอรมัน (Rubella) หมายถึง, โรคหัดเยอรมัน (Rubella) คือ, โรคหัดเยอรมัน (Rubella) ความหมาย, โรคหัดเยอรมัน (Rubella) คืออะไร

ร่วมเป็นแฟนเพจเรา บน Facebook..ได้ที่นี่เลย!!

คำยอดฮิต

Sanook.commenu