ลิลิตโองการแช่งน้ำ เป็นวรรณคดีไทยยุคกรุงศรีอยุธยาตอนต้น ลักษณะคำประพันธ์เป็นโคลงห้าสลับร่ายดั้น แต่งในสมัยพระเจ้าอู่ทอง สันนิษฐานว่าคงให้พวกพราหมณ์แต่งขึ้น รัชกาลที่ ๕ สันนิษฐานว่า “ลิลิตโองการแช่งน้ำ” น่าจะเป็นเรื่องที่แปลหรือลอกมาจากเมืองที่ถือไสยศาสตร์และกล่าวว่าเป็นพระราชพิธีใหญ่สำหรับแผ่นดินมีสืบมาแต่โบราณ ไม่มีเวลาว่างเว้น มีคำอ้างว่าเป็นพิธีระงับยุคเข็ญของบ้านเมือง
ลิลิตโองการแช่งน้ำ จึงเป็นวรรณกรรมทางการเมืองที่เก่าแก่เรื่องหนึ่ง สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของพระมหากษัตริย์ในสมัยโบราณ ในการที่จะพิทักษ์พระราชอำนาจและเป็นวรรณกรรมที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นเครื่องมือทางการเมือง เพื่อมุ่งให้ผู้ถือน้ำเกิดความเกรงกลัวและยึดมั่นในคำสัตย์สาบานของตน
เนื้อเรื่องโดยย่อ
ลิลิตโองการแช่งน้ำ เป็นวรรณกรรมเก่าแก่ ใช้สำหรับอ่านหรือสอนใน พระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา ซึ่งเป็นพิธีที่ประกอบขึ้นเพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดีของ ข้าราชการและขุนนาง เชื่อกันว่าลิลิตโองการแช่งน้ำแต่งขึ้นในสมัยอยุธยาตอนต้นคือรัชสมัยของพระรามาธิบดี ที่ ๑ เนื่องจากมีข้อความตอนหนึ่งว่า “ผู้บดีบซื่อใครใจคอใจคด ขบถเจ้าผู้ผ่านเกล้าอยุธยา สมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาจักพรรดิศรราชาธิราช ท่านมีอำนาจ มีบุญ”
ความเชื่อและประเพณี
โองการ แปลว่า คำศักดิ์สิทธิ์ คำประกาศของกษัตริย์ สันนิษฐานว่ามาจากคำว่า โอมการ หมายถึง อักษรโอม โอม คือคำย่อ ที่ใช้กล่าวนำในการสวดของพราหมณ์ ย่อมาจาก อ. อุ. ม. (อ่านว่า อะ - อุ - มะ)
อ. หมายถึงพระศิวะหรือพระอิศวร
อุ. หมายถึงพระวิษณุหรือพระนารายณ์
ม. หมายถึงพระพรหม
ประกาศแช่งน้ำเป็นโองการที่พราหมณ์ใช้อ่านหรือสวดในพิธีศรีสัจจปานกาลหรือพิธีถือน้ำพระพิพัทธ์สัตยา คำว่า พัทธ น่าจะมาจากภาษาสันสกฤต แปลว่า ผูกมัด และคำว่า สัตยา น่าจะได้จากคำว่า สัตฺยปาน ในภาษาสันสกฤต แปลว่า น้ำสัตยสาบาน (สัจจปานเป็นรูปบาลี) ต่อมาคำว่า พิพัทธ์สัตยา เปลี่ยนไปเป็น พิพัฒน์สัตยา
พระราชพิธีเกิดจากความเชื่อเรื่องคำสัตย์สาบาน และความเชื่อเรื่องเทพเจ้า การล้างโลก การสร้างโลก ตามคติทางศาสนาพราหมณ์ ประกอบกับความจำเป็นด้านการปกครองบ้านเมือง เนื่องจากสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ ทรงสถาปนากรุงศรีอยุธยาขึ้นเป็นครั้งแรก ต้องการความซื่อสัตย์สามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของบรรดาข้าราชบริพารทั้งหลายทำให้ต้องมีพระราชพิธีดื่มน้ำสาบานตนขึ้น
ที่มา https://www.baanjomyut.com
ตัวอย่างบางตอน
โอมสิทธิสรวงศรีแกล้ว แผ้วมฤตยู เอางูเปนแท่น แกว่นกลืนฟ้ากลืนดิน บินเอาครุฑมาขี่ สี่มือถือสังข์จักรคทาธรณี ภีรุอวตาร อสูรแลงลาญทัก ททัคนี (ทักขิณ) จรนายฯ...
...พ่อเสวยพรหมานฑ์ ใช่น้อย
ประถมบุณยภาร ดิเรก
บูรพภพบรู้กี่ร้อย ก่อมาฯ...