พระราชดำรัส
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
พระราชทานแก่คณะบุคคลต่างๆ ที่เข้าเฝ้าฯ ถวายชัยมงคล
ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา
ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา
วันเสาร์ที่ 11 สิงหาคม 2550
ข้าพเจ้าขอขอบใจท่านนายกรัฐมนตรี ผู้นำของหน่วยราชการต่างๆ ด้านบริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการ ทหาร ตำรวจ พลเรือน ผู้แทนขององค์กรภาครัฐและเอกชนทั้งหลาย ตลอดจนกลุ่มประชาชนทั่วพระราชอาณาจักรที่มาร่วมอวยพร และแสดงไมตรีจิตต่อข้าพเจ้า เนื่องในโอกาสคล้ายวันเกิดครบ 75 ปีบริบูรณ์ ณ ศาลาดุสิดาลัย ในวันนนี้ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรีได้เป็นผู้แทนกล่าวอวยพรเป็นกำลังใจอย่างยิ่งแก่ข้าพเจ้า ท่านนายกฯ สุรยุทธ์ ได้ให้กำลังใจแก่ข้าพเจ้าหลายอย่าง เช่น ที่ภาคใต้ 3 จังหวัดภาคใต้ เวลาที่เจ้าหน้าที่ทหาร ได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่ตำรวจถึงแก่ชีวิตไป ท่านนายกรัฐมนตรี ก็พยายามช่วยเหลือตั้งทุนช่วยเหลือครอบครัวของผู้ที่รับใช้ประเทศชาตินี้ เป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าชื่นใจ ดีใจ ที่สุด ดีใจแทนทหาร ตำรวจ ที่ปฏิบัติในที่ยากลำบากและอันตราย นายกรัฐมนตรีผู้เป็นผู้บริหารประเทศทราบข้อนี้ดี ก็พยายามดูแล ทะนุบำรุงผู้ที่เสียชีวิตไป คือครอบครัวของเขาที่น่าสงสารจะต้องแตกแยกไป และก็ประสบกับความไม่มั่นคงของชีวิต แต่ท่านนายกฯ สุรยุทธ์ ก็ก้าวเข้ามาช่วยตั้งทุน พึ่งเริ่มก็จริงอยู่ แต่ว่า คิดว่าทุนนี้ ต่อไปก็จะเป็นกำลังใจ และเป็นทุนที่ทำให้เด็กเล็กๆ ทั้งผู้หญิงผู้ชายมีอนาคตที่มั่นคงแน่นอน อย่างน้อยในการศึกษาเล่าเรียนได้เต็มที่ นอกจากจะขอบใจทุกท่านที่มาร่วมชุมนุม ณ ที่นี้แล้ว ข้าพเจ้าต้องขอขอบใจผู้ที่อวยพรข้าพเจ้าผ่านทางโทรทัศน์ วิทยุ และหนังสือต่างๆ เป็นจำนวนมาก ทุกวันนี้ข้าพเจ้าดูโทรทัศน์อยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะรายการอวยพรข้าพเจ้ายิ่งตั้งใจดูเป็นพิเศษ ดูมานานหลายวันแล้วด้วย เช่น ทางช่อง 11 มีตั้ง 200 กว่าคณะ ที่มากล่าวอวยพร บางคนก็ส่งพานพุ่มดอกไม้มาที่สวนจิตรลดา เป็นกำลัใจให้ข้าพเจ้าล่วงหน้า ข้าพเจ้าซาบซึ้งขอขอบคุณทุกๆ คนมาก ต่อไปก็ขอกล่าวขอบใจผู้ที่ทำประโยชน์เพื่อสังคม ประกอบคุณงามความดี และบำเพ็ญกุศลนานาประการเพื่อข้าพเจ้า เช่น หลังจาก พ.ศ.2540 มีประชาชนตกงานกันมาก ข้าพเจ้าได้ขอให้ทางสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดเลี้ยงอาหารแก่ผู้ตกทุกข์ได้ยาก ทำนองเดียวกันกับสมัยพุทธกาล ซึ่งข้าพเจ้าชอบอ่าน ชอบค้นอ่านดู สมัยพุทธกาลทำกันอย่างไรบ้าง ที่มีผู้ใจบุญจัดตั้งโรงทานเลี้ยงอาหารคนยากคนจน สภาสังคมสงเคราะห์ได้ช่วยมากกว่าสมัยพุทธกาล คือ ไปให้การสงเคราะห์ด้านอื่นๆ อีกด้วย เช่น เชิญแพทย์มาตรวจสุขภาพ มีนักกฎหมายมาให้คำแนะนำปรึกษาเรื่องกฎหมาย มีบริษัทห้างร้านมารับสมัครงาน มีบริการตัดผมให้ สภาสังคมสงเคราะห์ตั้งชื่อโครงการนี้ว่า โครงการน้ำพระทัยพระราชทาน มีผู้ใจบุญมาร่วมงานมาก บางคนมีกำลังทรัพย์ ก็ช่วยบริจาคทรัพย์สิ่งของ ที่มีกำลังสติปัญญา ก็มาให้ความรู้ ให้คำปรึกษา ที่อุทิศกำลังกายเข้ามาช่วย มาประกอบเกี่ยวกับทำอาหาร มาล้างจานก็มี ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าชื่นใจ และชื่นชมในความมีน้ำใจ ไม่ทอดทิ้งราษฎรในยามทุกข์ยาก ของคนไทย และโครงการนี้ก็ยังดำเนินการสืบเนื่องมาจนทุกวันนี้ มีประชาชนได้รับความช่วยเหลือไปแล้วหลายแสนคน คณะแพทย์และพยาบาล ของโรงพยาบาลรามาธิบดี ได้จัดทำโครงการเปลี่ยนถ่ายไขกระดูกช่วยเหลือเด็กยากจน ที่ป่วยเป็นโรคร้ายในกลุ่มโรคเลือด และโรคต่อมน้ำเหลืองหลายโรค ตั้งแต่ พ.ศ.2547 มาจนถึงปัจจุบัน โดยอุทิศแรงกายแรงใจ ทำงานกันอย่างอดทน เพราะแต่ละโรครักษายากทั้งนั้น โรงพยาบาลเอกาชนหลายแห่ง เข้าร่วมโครงการผ่าตัดหัวใจเด็กเฉลิมพระเกียรติ ช่วยเหลือเด็กยากจนที่ต้องรอการผ่าตัดจากโรงพยาบาลของรัฐ นานเป็นปีๆ และให้ล่นระยะเวลาเข้ามาจนเหลือเวลารอรอนานประมาณ 3-4 เดือน เพื่อไม่ให้สุขภาพของเด็กทรุดโทรมมาก หรือเกิดโรคแทรกซ้อนขึ้นมาเสียก่อน เท่าที่ทราบมีเด็กได้รับการผ่าตัดไปแล้ว 200 กว่ารายแล้ว นี่เป็นเพียงตัวอย่างบางส่วนของน้ำใจที่คนไทยมีให้แก่กัน และนับเป็นของขวัญวันเกิดที่ล้ำค่าสำหรับข้าพเจ้า ขอขอบใจแทนคนไทยทุกคน ที่ได้รับน้ำใจ และความกรุณาจากท่านทั้งหลาย และขออนุโมทนาในจิตอันเป็นกุศลของทุกท่าน หวังว่าทุกคนคงจะหายเหนื่อยทันทีที่เห็นคนไข้หายป่วย หรือคนยากคนจนหายหิว อันนับเป็นกุศลที่ตอบสนองน้ำใจงดงามของท่าน อย่างทันตาเห็น
ข้าพเจ้าขอโทษด้วย ที่เสียงบางทีก็แหบ บางทีก็หายไป พอกลับจากไปต่างประเทศ ก็เป็นไข้หวัด พอเสร็จจากไข้หวัดก็เป็นหลอดลมอักเสบ ตอนนี้ยังไม่หายอักเสบดี เสียงก็เลยแหบเป็นเป็ดหน่อย
ต่อไปจะเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ท่านทั้งหลายฟัง เริ่มด้วยเมื่อเดือนที่แล้ว วันจันทร์ที่ 2 กรกฎาคม 2550 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ข้าพเจ้าเป็นผู้แทนพระองค์ไปเยือนสหพันธรัฐรัสเซีย อย่างเป็นทางการ ตามคำกราบยังคมทูลเชิญของประธานาธิบดีปูติน แห่งสหพันธรัฐรัสเซีย ระหว่างวันที่ 2-11 กรกฎาคม 2550 ตรงกับโอกาสที่รัฐบาลรัสเซีย จัดงานฉลองครบ 110 ปี ความสัมพันธ์ของไทยและรัสเซีย ซึ่งเริ่มตั้งแต่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แสดงพระราชดำเนินไปทรงเยือนรัสเซีย เมื่อพุทธศักราช 2440 ข้าพเจ้าได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น ตั้งแต่วันแรกที่ไปถึง มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาภูมิภาคสหพันธรัฐรัสเซีย เป็นผู้แทนรัฐบาลรัสเซียไปคอยต้อนรับ และยังมีอธิบดีกรมพิธีการทูตคอยดูแลแนะนำข้าพเจ้า ระหว่างที่มีพิธีการต้อนรับ มีการตรวจแถวมีพิธีการสวนสนามของกองทหารเกียรติยศ ซึ่งทหารรัสเซียเดินอย่างสง่างามเป็นระเบียบ ท่าทางเข้มแข็ง ประธานาธิบดีจัดให้ข้าพเจ้าพักในพระราชวังเคิมลิน
วันอังคารที่ 3 กรกฎาคม 2550 ข้าพเจ้าได้ไปยังอนุสรณ์สถานทหารนิรนามสงครามโลก ครั้งที่ 2 วางพวงมาลา เพื่อแสดงความเคารพทหารนิรนาม ที่เสียชีวิตในสงครามโลก ครั้งที่ 2 เมื่อวางพวงมาลาแล้ว ก็มีพิธีสวนสนามของทหารเกียรติยศด้วย ต่อจากนั้นก็ไปยังจตุรัสแดงและวิหารเซ็นเปเซล จตุรัสแดงเป็นสถานที่ที่สำคัญ เป็นลานหินยาวตั้งอยู่ใจกลางกรุงมอสโค บริเวณโดยรอบมีวิหารเซ็นเปเซล ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่มีชื่อเสียงมากของรัสเซีย สร้างด้วยอิฐสีแดงมีโดมทรงหัวหอม และยังเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์วีรบุรุษของรัสเซีย มีหอคอยที่สูงที่สุดของพระราชวังเคิมลิน และก็ไปดูพิพิธภัณฑ์ ในพระราชวังเคิมลิน ซึ่งมีโบสถ์อัสสัมซัน มีภาพเขียนบนฝาผนังสวยงามและพิพิธภัณฑ์สารตราวุธ อันได้ชื่อว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของรัสเซีย เป็นที่เก็บสมบัติล้ำค่าของพระเจ้าแผ่นดินรัสเซียทุกสมัย เป็นที่รวบรวมเครื่องเพชรนิลจินดา เครื่องราชอิสริยาภรณ์ เครื่องราชกุกุธภัณฑ์ เครื่องราชูปโภค ฉลองพระองค์ รถม้าทรง และพระแสงสารตราวุธ ต่างๆ ไปดูพระคลังมหาสมบัติ ซึ่งเก็บพระมหามงกุฎ เครื่องเพชรของพระราชวงศ์ ซึ่งปกติยังไม่มีการอนุญาตให้มีการถ่ายภาพใดๆ แต่ก็ได้อนุญาตเป็นกรณีพิเศษ ให้ถ่ายภาพและทำข่าวได้ในครั้งนี้
วันพุธที่ 4 กรกฎาคม ไปดูหอศิลป์เตติยาคอฟ เป็นที่แสดงงานศิลปะที่มีชื่อเสียงขอรัสเซีย ซึ่งเป็นงานศิลปะที่เล่าถึงประวัติศาสตร์ของรัสเซีย และภาพวาดของจิตรกรที่มีชื่อเสียงชาวรัสเซีย ข้าพเจ้าได้พบคนไทยและนักเรียนไทยที่พำนักอยู่ในรัสเซีย โดยเฉพาะนักเรียนไทยหลายคนได้ไปประจำอยู่ที่พักของข้าพเจ้าเพื่อช่วยในการติดต่อ เพราะภาษารัสเซียเป็นภาษาที่ยากพอใช้ นักเรียนไทยก็เลยไปช่วย และอยู่ช่วยทุกตึกที่คณะของข้าพเจ้าไปพักอยู่ นักเรียนไทยของเราเก่งมาก ภาษารัสเซีย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รับสั่งกับข้าพเจ้าว่า เป็นภาษาที่ยากที่สุด แต่นักเรียนไทยเก่ง ขยัน สติปัญญาดี ได้เหรียญทองได้เกียรตินิยม ซึ่งเป็นที่ประทับใจของคนรัสเซียมาก อย่างนักเรียนไทยไปได้เหรียญทองที่หนึ่งเลยของนักเรียนในมหาวิทยาลัยนั้นๆ ซึ่งเป็นที่น่าชื่นชม คนรัสเซียบอกว่าคนไทยเก่งมาก ฉลาดมาก ข้าพเจ้าเชื่อเพราะว่า ภาษารัสเซียยากที่สุด พระเจ้าอยู่หัว รับสั่งอย่างนั้น ตอนค่ำ ได้ไปดูบอลเล่ย์ ชุดสวอตเลค อันมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกของรัสเซีย ที่โรงละครชบอลซอยเธียเตอร์
วันพฤหัสบดีที่ 5 กรกฎาคม 2550 ประธานาธิบดีเลี้ยงอาหารค่ำอย่างเป็นทางการในพระราชวังเคิมลิน พิธีการต้อนรับของประธานาธิบดีโก้มาก ข้าพเจ้าเดินเข้าไปพบกับประธานาธิบดีตรงกลางห้องพอดี ซึ่งมีธงชาติของทั้งสองประเทศ เรียกว่า ต่างคนต่างเดินมาคนละมุม แล้วมาพบกันตรงกลางห้อง ที่มีธงชาติของทั้งสองประเทศ ข้าพเจ้าได้นำตัวแทนนักเรียนศิลปาชีพจากแผนกต่างๆ รวม 5 คน พร้อมผลิตภัณฑ์ศิลปาชีพ เช่น เรือทองคำ สปครับจำหลักไม้จำลอง นกยูงทองคำ ขันถมทองใบใหญ่ เรือพระที่นั่งศรีสุพรรณหงษ์จำลอง ไปจัดแสดงที่ห้องมะลาไครท ให้ประธานาธิบดีและแขกที่ได้รับเชิญมางานเลี้ยงได้รับชมด้วย
เมื่อคราวเดือนตุลาคม 2546 ประธานาธิบดีปูตินได้มาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ และแสดงความสนใจขอชมโรงฝึกศิลปาชีพที่สวนจิตรลดา ใช้เวลาชื่นชมอยู่กว่าชั่วโมง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เป็นผู้นำชม พอพบกับข้าพเจ้าที่งานพระราชทานเลี้ยงที่พระที่นั่งจักรี ประธานาธิบดีปูตินก็หันมาพูดกับข้าพเจ้าว่า ที่ท่านตั้งมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพขึ้นเพื่อต่อสู้กับความยากจนใช่ไหม ข้าพเจ้าบอกใช่ เพราะว่า เมืองไทยเดี๋ยวนี้ประชาชนมากเหลือเกิน 65 ล้าน แล้วก็รอบๆ ตามชายแดนก็ยังมีคนที่ยากจนมาก จึงคิดว่าต้องพยายามหาอาชีพให้เขาทำ ให้ทุกคนมีงามทำ โดยเสริมสร้างให้เขามีความรู้ความชำนาญการทำศิลปะหลายอย่างที่กำลังจะสูญหายไปจากประเทศไทย ซึ่งเป็นของไทยแท้ๆ ไม่มีที่อื่นในโลก ข้าพเจ้าก็คิดว่า พวกสมาชิกศิลปาชีพได้ทำสำเร็จโดยสิ้นเชิงแล้ว เพราะเวลานี้ของเหล่านี้ได้ไปแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ที่มิวลิก ประเทศเยอรมนี และได้รับข่าวว่ามีคนเข้าไปชมเป็นจำนวนมากตลอดเวลา ก็ทำให้นักเรียนศิลปาชีพซึ่งข้าพเจ้าชวนไปด้วย ได้ไปเห็นผลงานของเขา ที่ตั้งใจรักษาศิลปะของประเทศให้คงอยู่นั้น บัดนี้เป็นผลสำเร็จแล้ว ด้วยฝีมือของคนไทยแท้ๆ ชาวต่างประเทศที่ได้ชมฝีมือของศิลปาชีพ ก็จะถามว่า ฝีมือเหล่านี้สำเร็จด้วยจากนักเรียนมหาวิทยาลัยศิลปะหรือ? ข้าพเจ้าตอบว่าเปล่าเลย คนเหล่านี้เป็นลูกชาวไร่ ชาวนาที่ยากจนที่สุด และข้าพเจ้าเลือกมาเป็นพิเศษ เลือกจากความยากจน ครอบครัวไหนยากจนที่สุด และมีลูกมากที่สุด จะเลี้ยงตัวเองไม่ได้ ข้าพเจ้าจึงเลือกมา และมาอยู่ในพระบรมมหาราชวังที่ตึกเก่าๆ ที่ดังเดิมเป็นที่อยู่ของเจ้านายต่างๆ มากมายกร่ายกอง ข้าพเจ้าก็ให้เขาอยู่ที่นั่น และก็มาทำการฝึกฝนที่จิตรลดา เรื่องการถมทอง แล้วก็การแกะสลักแบบไทยต่างๆ และคร่ำ ฝีมือคร่ำ ข้าพเจ้าเกิดมาก็ไม่เคยได้ยินชื่อเลย ปรากฏว่าไปพบคนแก่มากแล้ว 70 ที่วังหลวงที่ทำคร่ำบนดาบ และแกอายุ 70 กว่าแล้ว และก็พยายามสอนแต่มีความคิดเห็นขัดแย้งกับข้าพเจ้ามาก ลุงจะบอกว่าพระราชินี แปลกจริง คร่ำเขาทำบนเหล็กที่ดาบเท่านั้นเอง พระราชินี จะให้ทำแต่งที่โน้นแต่งที่นี่ต่างๆ ท่านแปลกจริงๆ เราก็เห็นว่าลุงแกแปลง ทำไมถึงไม่พยายามรักษาวิชาการคร่ำ จะทำเฉพาะที่ดาบอยู่อย่างนี้ ก็ทะเลาะกันอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดแกก็ยอม
วันศุกร์ที่ 6 กรกฎาคม 2550 เป็นวันที่ข้าพเจ้าเดินทางจากกรุงมอสโค ไปยังนครเซ็นปีเตอร์เบิร์ก มีพิธีส่งอย่างเป็นทางการ ที่สนามบิน ตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ และมีการสวนสนาม ข้าพเจ้ารู้สึกซาบซึ้งในการสวนสนาม รู้สึกว่าสง่าเหลือเกิน และงดงามมาก ไม่ทราบว่าทหารหน่วยใด แต่คอยมาต้อนรับเวลาแขกเมืองมาเยี่ยมประเทศรัสเซีย หลังจากเสร็จการอื่นแล้ว เขาก็จะเชิญแขกเมืองมายืนอยู่ในที่ๆ เพื่อเกียรติยศ และทหารรัสเซียก็จะเดินสวนสนามซึ่งโก้เหลือเกิน โก้มาก ไม่เคยพบเคยเห็นที่ไหน มีการสวนสนามเช่นตอนมาถึงโดยมีผู้แทนรัฐบาลคนที่มารับก็คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาภูมิภาคเป็นผู้แทนรัฐบาลมาส่ง ซึ่งท่านเป็นผู้ดูน่ารักที่สุด และคอยระมัดระวัง คอยแนะนำข้าพเจ้าให้ยืนตรงไหน คอยกระซิบ และหนหนึ่งลมแรงเหลือเกิน ข้าพเจ้าซึ่งก็อ้วนขนาดนี้ ก็ยังเซ รัฐมนตรีรีบเอื้อมมือมาประคองกลัวจะล้มลงไป เมื่อถึงนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ผู้ว่าการนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เป็นผู้หญิง ชื่อ มิสซิสวาเลนตินา อินเนิฟนามัถยินเวนนโก มาคอยรับ และก็ได้ทราบข่าวว่า ผู้ที่มารับข้าพเจ้าที่เป็นผู้ว่าราชการนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ต่อไปก็มีหวังอาจจะเป็นประธานาธิบดีหญิงของรัสเซียก็เป็นได้ นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เคยเป็นเมืองหลวงของรัสเซียมาก่อน นับได้ว่าเป็นเมืองที่สวยงามที่สุดเมืองหนึ่งของยุโรป และได้รับการยกย่องจากยูเนสโก ให้เป็นมรดกโลกด้วย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ ได้เคยเสด็จพระราชดำเนินไปประทับ ณ พระราชวังปีเตอร์ฮอร์บ ข้าพเจ้าได้ดูแต่ข้างนอกและได้ทรงฉายพระบรมฉายาลักษณ์คุ๋กับพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2440 ซึ่งมีความสำคัญต่อประเทศไทยอย่างยิ่ง ในประวัติศาสตร์ทางการทูต จากสนามบินข้าพเจ้าเดินทางไปยังอนุสรณ์สถานวีรชนผู้ปกป้องกรุงเลนินกราด ซึ่งเป็นที่ระลึกถึงทหารและประชาชนผู้เสียสละชีวิตปกป้องกรุงเลนินกราด ก็คือเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อวางกระเช้าดอกไม้ ข้าพเจ้าจะเดินอยู่ตรงกลางข้างหลัง และมีทหารซึ่งโก้มากเลย 2 คน เชิญกระเช้าดอกไม้ โชว์ขึ้นระดับอกของเขา และก็เดินไปกับเพลงเป็นพิเศษของเขาตามจังหวะสง่างามมาก และข้าพเจ้าก็เดินอยู่ข้างหลังของทหารนี้ พอถึงที่หมายทหารเขาก็จะไปวางกระเช้าดอกไม้ หรือช่อดอกไม้อะไรก็ตามที่หน้าอนุสาวรีย์แล้วก็ถอยมาให้ข้าพเจ้าเดินเข้าไปแตะที่กระเช้าดอกไม้นั้น และถอยหลังมายืนสงบระลึกถึงวีรกรรมของทหารและประชาชนที่เสียสละชีวิตปกป้องกรุงเลนินกราด ที่นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก นี้ ทางรัฐบาลรัสเซีย ให้ข้าพเจ้าพักแนสเรอร์คอนเพรสแพริส
วันเสาร์ที่ 7 กรกฎาคม 2550 ผู้ว่าการนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เลี้ยงอาหารค่ำข้าพเจ้าที่พระราชวังปีเตอร์ฮอร์บ โดยพยายามจัดบรรยากาศในงานเลี้ยงให้เหมือนครั้งที่พระเจ้า ซาร์ส นิโคลัส ที่ 2 ถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ ทั้งโต๊ะอาหาร ผู้เสิร์ฟอาหาร แต่งกายเหมือนในสมัยนั้น โดยเฉพาะอาหารเป็นอาหารอย่างเดียวกันไม่มีผิด ดนตรีก็เล่นเพลงชุดเดียวกัน เรียกว่าทุกอย่างย้อนยุคไป 110 ปี เลยทีเดียว อาหารก็อร่อยมาก ข้าพเจ้าชอบมากคือ เนื้อเป็นนกชนิดหนึ่ง กับตับเป็ด อร่อยมา ซึ่งถวายเลี้ยงรัชกาลที่ 5 ซึ่งเข้าใจว่าคงจะเห็นว่าอร่อยเช่นเดียวกัน ก่อนงานเลี้ยงผู้ว่าการนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ได้นำข้าพเจ้าชมห้องต่างๆ ของพระราชวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ห้องที่จัดแสดงสิ่งของส่วนพระองค์ ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ ทรงใช้ในที่ประทับระหว่างเสด็จเยือนรัสเซียเมื่อ 110 ปี มาแล้ว โดยที่ทางรัสเซียยังเก็บรักษา และนำมาให้ข้าพเจ้าดูอย่างน่าชื่นชม หลังจากงานเลี้ยงที่บริเวณอุทยาน ก็มีอุทยานน้ำพุ มีการแสดงระบำชุดต่างๆ การแสดงแสง สีประกอบน้ำพุ และมีดอกไม้ไฟและพลุบนท้องฟ้า น่าชมมาก แต่มันไม่ค่ำเลยอาจจะเห็นพลุน้อยไปหน่อย ที่ข้าพเจ้าอยู่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ตี 4 ยังสว่างจ้า เลยต้องดูกันอย่างนั้น
วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม 2550 ไปวางพวงมาลายังที่ฝังพระบรมศพ พระเจ้าซานิโคลัส ที่ 2 ณ ปอลปีเตอร์ และพอล พวงมาลานี้เป็นพวงมาลาดอกพุฒตาล ทำด้วยทอง นาค และเงิน เป็นฝีมือนักเรียนศิลปาชีพ สวยงามมาก นักเรียนศิลปาชีพเป็นคนทำพวงมาลานี้ และข้าพเจ้าได้โอกาสไปเยี่ยมชมเรือรบหลวงออโรร่า ซึ่งเป็นเรือสำคัญที่เคยมาเข้าร่วมพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ภายในเรือมีสิ่งของพระราชทานและตราประจำพระองค์ด้วย ข้าพเจ้าได้ไปชมพิพิธภัณฑ์เฮอร์มิเทจ มิวเซียม หรือพระราชวังฤดูหนาว ซึ่งเป็นที่เก็บศิลปวัตถุล้ำค่ามากที่สุดแห่งหนึ่งของรัสเซียและโลก โดยสมเด็จพระจักรพรรดินีแคทรีน เดอร์เกรช มหาราชินี ได้ทรงรวบรวมศิลปวัตถุที่พระราชวงศ์โรมันนอฟเก็บสะสมไว้เป็นอันมาก ตั้งแต่สมัยสมเด็จพระจักรพรรดิปีเตอร์ ที่ 1 มหาราช ในพิพิธภัณฑ์นี้ มีทั้งงานจิตรกรรม ประติมากรรม เหรียญตรา รวมทั้งหนังสือมากมาย ขนาดที่ข้าพเจ้ากำลังชมพิพิธภัณฑ์อยู่นี้มีผู้นำโทรศัพท์มาให้ข้าพเจ้า บอกว่า ประธานาธิบดีปูตินขอพูดโทรศัพท์กับสมเด็จพระนางเจ้าฯ ข้าพเจ้าก็รับโทรศัพท์ ท่านประธานาธิบดีปูตินก็ถามว่า ทรงพระสำราญดีไหม ทรงได้ทอดพระเนตรสิ่งที่สนพระทัยหรือเปล่า น่ารักมาก ข้าพเจ้าไม่นึกว่า ประธานาธิบดีปูตินจะรับเสด็จอย่างเป็นกันเองและน่ารัก ทราบแต่ว่า ประธานาธิบดีปูตินสนิทกับท่านนายกฯ สุรยุทธ์ เพราะฉะนั้นคอยดูแลข้าพเจ้าแทนท่านนายกฯ มีโทรศัพท์ถามมาว่า เรียบร้อยไหม ทรงพระสำราญไหม ได้ชมเชิงเทียนทองคู่รูปหงส์ และพานแว่นฟ้าทอง 2 ชั้นบนหงส์ เป็นของที่ระลึก ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระเจ้าซานิโคลัส ที่ 2 เมื่อครั้งทรงดำรงพระยศ เป็นมงกุฏราชกุมาร และเสด็จมาเยือนประเทศสยาม เมื่อ พ.ศ.2434 และยังได้ไปเสด็จประทับกับ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่พระราชวังบางปะอิน ชมนาฬิกามยุราคือ นาฬิการูปนกยูงทองคำ อันนี้สวยมากน่าตื่นตาตื่นใจ สร้างโดยนายช่างชาวอังกฤษ ในศตวรรษที่ 18 ซึ่งกลไกยังทำงานได้ดี นกยูงตัวเกือบเท่าตัวจริง นูกยูงตัวจริง แต่อยู่ในตู้กระจกใหญ่เชียว กลไกยังทำงานได้ดี นกยูงสามารถรำแพนหาง และหมุนได้ตามเวลาที่กำหนด เวลาค่ำกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ไทยประจำนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เขาเลี้ยงอาหารค่ำข้าพเจ้า ที่พระราชวังคอนสแตนติน มีการแสดงระบำพื้นเมืองรัสเซียสวยเหลือเกิน จนบัดนี้ก็ยังไม่ทราบว่า เขาทำท่าไหนดูเท้าเขาก็ยืนบนพื้นเนี้ยะ แต่ดูเหมือนว่าลอยเลื่อย เคลื่อนไหวประหลาดพวกเราถามว่า เอ๊ะนี้เขาทำยังไง ผู้หญิงที่ดูแต่งตัวแบบชาวบ้าน ของเซนปีเตอร์สเบิร์ก ทำไมดูเหมือนกับว่าไม่ได้เดินไม่ได้อะไรเลย แต่ทำไมดูเหมือนลอยอยู่อย่างนี้ ดูเหมือนกับว่าไม่ได้เดินไม่ได้อะไรเลย แต่ทำไมดูเหมือนลอยอยู่ การแสดงระบำพื้นเมืองชุดนี้ประธานาธิบดีได้สั่งการด้วยตนเอง ให้ส่งคณะนาฏศิลป์ของสำนักประธานาธิบดีมาแสดงให้ชม
วันจันทร์ที่ 9 กรกฎาคม 2550 มหาวิทยาลัยแห่งนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ซึ่งปัจจุบันมีอธิการบดีเป็นผู้หญิง ก็มอบปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขา ภาษาและวัฒนธรรมตะวันออกแก่ข้าพเจ้า เนื่องในภารกิจการที่ว่าช่วยต่อสู้แก้ปัญหาความยากจนเพื่อประชาชน การส่งเสริมสันติภาพโลก และมิตรภาพระหว่างประเทศ การพัฒนาอาชีพ และการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นของไทย มหาวิทยาลัยนี้ เป็นสถาบันการศึกษาระดับสูงแห่งแรกในรัสเซีย และเป็นสถาบันแห่งการศึกษาที่เก่าแก่แห่งหนึ่งของโลก ประธานาธิบดีปูติน รวมทั้งบุคคลสำคัญหลายคนของรัสเซีย ก็สำเร็จการศึกษามาจากมหาวิทยาลัยนี้ มีประเพณีปฏิบัติของมหาวิทยาลัยที่อธิการบดีจะต้องตั้งคำถามผู้ที่จะได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิต ต้องคำถาม 3 ข้อ คือ 1 .ท่านพร้อมที่จะส่งเสริมสันติภาพ และมิตรภาพระหว่างมนุษยชาติหรือไม่ 2.ท่านพร้อมที่จะดำเนินการอย่างเต็มกำลังในการสนับสนุนให้เยาวชนที่มีความสามารถได้บรรลุจุดมุ่งหมายทางวิทยาศาสตร์หรือไม่ 3.ท่านสมัครใจที่จะรับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ของมหาวิทยาลัยแห่งนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก หรือไม่ และเจ้าหน้าที่เขาสอนข้าพเจ้าก่อนแล้วที่จะมีคำถามนี้ ทีแรกเขาขอให้ข้าพเจ้าตอบเป็นภาษาไทย และจะมีล่ามพูดภาษารัสเซีย แต่ตอนหลังเขาขอร้องว่าขอให้ข้าพเจ้ารับคำว่า yes เป็นภาษารัสเซีย 3 หน ซึ่งก็ไม่ยาก พูดว่า "ด้ะ ด้ะ" แต่ข้าพเจ้าไป "ด้ะ" ผิดจังหวะ เขาคงหัวเราะกันครืน งานที่ข้าพเจ้าทำนั้น เป็นการสนองพระราชดำริสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เพื่อช่วยเหลือประชาชนให้สามารถเลี้ยงตนเองได้อย่างยั่งยืน และปริญญานี้ ข้าพเจ้าเห็นว่าไม่เพียงแก่ให้เกียรติข้าพเจ้าเท่านั้น ยังเป็นการให้เกียรติแก่ประเทศไทย และประชาชนชาวไทยทั่วประเทศด้วย ไปชมพิพิธภัณฑ์มานุษวิทยาและชาติพันธุ์ คุณคาเมลา พอเขียนภาษาไทยก็อ่านไม่ออกเสียอีก ที่มิวเซียมพิเศษของเขา สร้างในสมัยสมเด็จพระจักรพรรดิปีเตอร์ที่ 1 มหาราช ซึ่งทรงรวบรวมสิ่งของที่มีความสำคัญทางด้านสังคมวิทยา วัฒนธรรม มานุษยวิทยา จากทวีปต่างๆทั่วโลกไว้ได้กว่า 2,000,000 ชิ้น พิพิธภัณฑ์นี้ เก็บรักษาสิ่งของที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ พระราชทานแก่พระเจ้าซาร์ส นิโคลัส ที่ 2 เมื่อครั้งดำรงพระยศมกุฏราชกุมาร และเสด็จมาเยือนประเทศสยาม ใน พ.ศ.2434 เช่นพระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ 5 กับสมเด็จพระพันวษาอัยยิกาเจ้า พระฉายกระจุก ประทับตราพระปรมาภิไธย จปร. พระแสงดาบหัวนาคและหัวช้าง พระแสงกริช รวมทั้งสมุดภาพเก็บพระฉายาลักษณ์พระเจ้าซานิโคลัส ที่ 3 กับบรรยากาศคราวที่เสด็จเยือนสยามในครั้งนั้น น่าชื่นชมที่เขาเก็บรักษาไว้อย่างดี เวลาหยิบจับสิ่งของทุกชิ้น เจ้าหน้าที่ของพิพิธภัณฑ์จะต้องสวมถุงมือและจับอย่างระมัดระวัง
เวลาค่ำไปชมวังยูซูปอฟ ซึ่งเป็นที่ประทับของเจ้าชายเฟรลิก ยูซูปอฟ ที่ 2 ผู้ร่วมในแผนสังหารลาสปูติน นักบวชผู้ทรงอิทธิพลในปรายสมัยราชวงศ์โรมานอฟ และยังได้ชมบัลเล่ย์ที่โรงละครเล็กในวังยูซูปอฟ โดยคณะบัลเล่ย์ชั้นนำของนครเซ็นปีเตอร์สเบิร์ก ข้าพเจ้าเห็นบัลเล่ย์ชุดนี้แล้ว ซึ่งเขาบอกเป็นชุดเล็กๆ ซึ่งเดี๋ยวนี้เซ็นปีเตอร์สเบิร์ก ไม่ใช่เมืองหลวงแล้ว แต่ข้าพเจ้าตะลึง เห็นสวยเหลือเกิน สวยอย่างจับใจไม่หาย บัดนี้ก็ยังไม่หาย อยากจะขอให้ท่านนายกฯ ช่วยขอท่านปูติน ขอให้นักบัลเล่ย์คณะนั้นช่วยมาเต้นถวายทอดพระเนตร สวยเหลือเกิน ซึ่งเขาทำ เขาแสดงภาพฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งเราก็เคยเห็นแล้วมันจะกลายเป็นสีน้ำตาลปนแดงๆ ร่วงหลุดคว้างมาโดนลม หลุดคว้างมาที่พื้นดิน แต่แสดงโดยผู้หญิง นักบัลเล่ย์ผู้หญิงกับผู้ชายรัสเซีย ซึ่งแต่งเป็นสีใบของใบไม้สมัยฤดูใบไม้ร่วง แล้วท่าที่เต้นสวยเหลือเกิน เล่นคว้าง หมุนคว้างลงมา เกิดมาจน 75 ยังไม่เคยเห็นการเต้นบัลเล่ย์ที่ไหนสวยเท่านี้เลย ที่นี่สวยเหลือเกิน ไม่กล้าพูด แต่ต้องบอกความจริง สวยกว่าบอชอยอีก ซึ่งเขาเป็นคู่ปรับกัน สวยเหลือเกิน เขาเต้นอีกชุด ซึ่งข้าพเจ้าเคยดูชุดนี้มาที่ยุโรปตั้งหลายครั้ง ชุดการตายของหงส์ ของนางหงส์ ดายเนอร์ออฟเดอะสวอน ดูแล้วโอ้โหตาย อะไรช่างสวยงามปานนั้นไม่ทราบ ตั้งแต่หัวจรดเท้าเลย มือนี้ ปลายนิ้ว สวยเหลือกำลัง สวยติดตาติดใจอยู่จนบัดนี้
วันอังคารที่ 10 กรกฎาคม ก็ไปชมมหาวิหารเซนไอแซก ซึ่งเป็นวิหารใหญ่ที่สุดของรัสเซีย สร้างด้วยศิลปะคลาสสิคผสมกับ บาร์ร็อค โดยสถาปนิคชาวอิตาลี และฝรั่งเศส ใช้เวลาก่อสร้างนานนับ 100 ปี ที่นั่นข้าพเจ้าก็ได้ไปพบกับนักเรียนไทย บางคนไปรอพบข้าพเจ้าที่นั่น แล้วเค้าก็บอกว่า แหมเค้าชื่นใจเหลือเกินที่ข้าพเจ้าคิดแบบไทย แบบชุดไทยขึ้นเนี้ยะ เค้าเวลาเห็นใครใส่ชุดนั่น เค้าก็เดินตรงรีบไปทักทายได้ รู้ว่าเป็นคนไทย ไม่อย่างนั่นแล้วก็ไม่กล้าไปทัก ไม่ทราบว่าเป็นชาติไหน ทีหลังเค้าไปชมบริษัทอัญมณีอานานอฟ ซึ่งมีนายอันเดร อันนานอฟ เป็นเจ้าของเป็นหัวหน้านักออกแบบอัญมณี ที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่ง ของรัสเซียในปัจจุบัน เค้าได้รับรางวัลระดับนานาชาติเป็นอันมาก ช่างของบริษัทอานานอฟ สามารถสร้างไข่ประดับอัญมณี และเครื่องลงยาได้งดงาม คล้ายคลึงมากกับผลงามของ คาฟาแบเช่ ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในปลายราชวงศ์โรมานอฟ ไม่ใช่มีชื่อเสียงที่รัสเซีย หรือที่ยุโรป มีชื่อเสียงไปทั่วโลกหมดเลย ซึ่งการลงยาของเขาสมัยนี้ ก็ยังไม่มีใครสามารถลงยาได้เช่นนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ยังทรงสั่งให้ฟาแบเช่ลงยาเกี่ยวกับ พระบรมรูปพระราชโอรส พระราชธิดาของพระองค์ ซึ่งเป็นเข็มกลัด ซึ่งข้าพเจ้าก็ยังมีอยู่ในปกของตัวข้าพเจ้าเองเลย สมัยนั้นรัชกาลที่ 5 ทรงซื้อผลงานของ ฟาแบเช่ไว้หลายชิ้น เมื่อคราวที่ท่านประธานาธิบดีปูติน ไปเยือนประเทศไทยก็มาขอดู ที่รัชกาลที่ 5 ทรงสั่งซื้อเอาไว้ โดยฝีมือของฟาแบเช่นี้ นายอานานอฟมีน้ำใจอนุญาต ให้นักเรียนศิลปาชีพที่ติดตามข้าพเจ้าไป เข้าชมขั้นตอนการผลิตเครื่องลงยา และอัญมณีของบริษัทอานานอฟด้วย ไปชมพระราชวังสมเด็จพระจักรพรรดิดีนี แคททรีน ที่ 2 มหาราชินีที่เราได้ยิน ที่ได้อ่านตามหนังสือต่างๆ ต่างประเทศว่า แคชทรีนเดอะเกรซ พระราชวังนี้ตกแต่งอย่างงดงามอลังการ ห้องที่งดงามที่สุดเป็นห้องอำพัน อำพันนี้ข้าพเจ้าก็ไม่ทราบว่าคืออะไร แต่ตอนหลังเขาก็อธิบายให้ฟังว่า อำพัน หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า แอมเบอร์ คือยางไม้ เป็นไม้สมัยเมื่อหมื่นปี หลายพันปี จึงแข็ง มีสีเหลือง 2 สีเหลือง สีเหมือนเมดซะจี้ และเหลืองแจ่มใสอีกเหลืองนึง มีค่าที่ว่า เป็นยางไม้ธรรมดาแล้วอยู่จนกระทั่งแข็งตัวเป็นก้อน อันนี้แปลกมาก จากนั้นข้าพเจ้าได้ไปนั่งรถม้าชมสวนของพระราชวังนี้ ซึ่งสวยงามมาก แล้วตลอดทางก็มีผู้คนรัสเซียที่นำข้าพเจ้าไปด้วย แล้วก็มีนักเรียนไทยที่เป็นผู้แปลภาษารัสเซีย นักเรียนไทยผู้หญิง เก่งมาก แปลอย่างละเอียดละออ ข้าพเจ้าเชื่อแล้วว่า คนไทยของเราเก่ง เพราะว่า ผู้หญิงคนนี้ เด็กผู้หญิงคนนี้แปลอย่างลึกซึ้งให้ข้าพเจ้าเข้าใจอย่างลึกซึ้งมาก ซึ่งก็ทราบกันว่า ภาษารัสเซียยาก ยากแต่เพราะ แค่ด๊ากคำเดียว ข้าพเจ้ายังพูดผิดพูดถูกเลย ผิดจังหวะไปหน่อย แต่เขาก็ดี เขาน่ารัก ไม่ตั้งใจหัวเราะเยาะ แต่มันอดขำไม่ได้ ด๊ากผิดจังหวะ
วันจันทร์ที่ 16 กรกฎาคม ข้าพเจ้าจึงได้อำลาประเทศรัสเซีย มีการส่งเสด็จอย่างงดงาม มีการสวนสนามอย่างเดิม ซึ่งข้าพเจ้าชื่นชมมาก นายทหารรัสเซียที่สวนสนาม สง่ามาก สง่างามมากเลย วิธีที่เขาเชิดหน้าขึ้นไป ที่เขาเดิน โอ้โห เขาเชิดหน้าขึ้นไปแต่ตาเขาเหลือบมองข้าพเจ้า ทุกคนลืมตา แล้ววันจันทร์ข้าพเจ้าก็ลาเพื่อนๆ รัสเซียออกเดินทางไปกรุงเบอร์ลิน อันนี้ข้าพเจ้าได้ขอพระราชทานอนุญาตและขอร้องไว้แล้วกับ ดร.จิรายุ ว่าขอไปพักที่ซาลซ์บูร์ก ก่อนที่จะไปเยอรมัน ข้าพเจ้าไปที่ออสเตรียก่อน ที่ซาลซ์บูร์ก ไม่ว่าไปที่ไหนคนไทยจะมารับมากมายก่ายกอง อย่างที่ซาลซ์บูร์ก นี่ก็คนไทย ผู้หญิงไทย มารับ และก็แสดงความจงรักภักดี ลงหมอบกราบและถวายดอกไม้ ร้องไห้สะอึกสะอื้น ข้าพเจ้าก็กระซิบ แต่กระซิบมานานแล้ว ตั้งแต่ข้าพเจ้าไปเนเธอร์แลนด์ ตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ผู้หญิงไทยที่แต่งกับชาวเนเธอร์แลนด์ ก็ลงกราบพระบาทสมเด็๗พระเจ้าอยู่หัวฯ และข้าพเจ้า และร้องไห้ ข้าพเจ้าก็บอกว่าอย่าลงกราบซิ เดี๋ยวฝรั่งเขาว่าเอา ผู้หญิงไทยนั้นก็พูดว่า "ฝรั่งมันจะว่าอะไรก็ช่างหัวมัน" สำเนียงเด็ดขาดมากเลย นี่ก็เหมือนกัน ข้าพเจ้าบอกว่าอย่าลงกราบ เขาบอกใหญ่เลย "ช่างหัวมันประไร ขอกราบที" เขาบอกว่าเห็นหน้าท่านก็คิดถึงบ้านเมืองของตัวมาก ข้าพเจ้าเองไม่เคยคิดว่ามีผู้หญิงไทยแต่งงานกับคนเยอรมันมากเช่นนี้ และแสดงความรักกันอย่างเต็มที่ เอาดอกไม้มาให้ ฝรั่งตกตะลึงตาค้าง เห็นคนไทยมาแสดงความรักความชื่นชมก็นับเป็นบุญของข้าพเจ้า เพราะบางครั้ง คนของประเทศนั้นๆ เอง ก็มาโห่ร้องประมุขของประเทศเขาเองเหมือนกัน แต่ของข้าพเจ้ามาแสดงความรัก มาจูบมือ มากอด
ข้าพเจ้าก็ไปพัก