เห็ดนางฟ้า
เป็นเห็ดนางรมชนิดหนึ่ง มีถิ่นกำเนิดแถบภูเขาหิมาลัยซึ่งมีอากาศชื้นและเย็น ในธรรมชาติจะขึ้นอยู่กับต้นไม้ที่ผุพัง บางครั้งพบว่าขึ้นกับต้นไม้ที่เป็นๆ มีดอกหนาปานกลาง เนื้อแน่น ขนาดไม่ใหญ่และสีไม่คล้ำเท่ากับเห็ดเป๋าฮื้อ รสชาติดี สามารถเป็นอาหารทดแทนโปรตีนได้ เป็นเห็ดที่ใช้อาหารแทบทุกประเภทที่เป็นเซลลูโลสได้อย่างกว้างขวาง เช่น ขี้เลื่อย ซังข้าวโพดละเอียด กากอ้อย ขุยมะพร้าว ฟาง เป็นต้น ควรเพาะเลี้ยงในหน้าหนาว
เห็ดนางรม
มีพื้นเพเดิมมาจากสหรัฐและยุโรป ซึ่งมีรูปร่างลักษณะคล้ายกับเห็ดมะม่วง เห็ดขอนขาว ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ตามต้นไม้ที่เน่าเปื่อย ผุพัง ซึ่งมักจะเกิดดอกอ่อน ๆ มาบริโภคอย่างแพร่หลายทั่วทุกภาคในฤดูฝน แต่เห็ดนางรมสามารถเพาะให้เกิดดอกได้ตลอดทั้งปี ทั้งยังเป็นเห็ดที่มีคุณค่าทางอาหารสูง คือประกอบไปด้วย ธาตุอาหารประเภท คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน รวมทั้งแร่ธาตุและวิตามินที่อยู่ในเห็ดนางรมหลายชนิด
เห็ดนางฟ้าภูฐาน หรือ เห็ดนางรมภูฐาน
เป็นเห็ดที่เกิดขึ้นบนต้นไม้เนื้ออ่อนที่ตายแล้ว เจริญเติบโตได้เร็วมาก ซึ่งพบที่ประเทศภูฐาน เป็นเห็ดตระกูลเดียวกับเห็ดนางฟ้า ทำการคัดเลือกโดยอาจารย์อานนท์ เอื้อตระกูล เมื่อครั้งที่ไปดำรงตำแน่งผู้เชี่ยวชาญเห็ดขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ ณ ประเทศภูฐาน ท่านได้รับเชิญจากองค์การอาหารแห่งสหประชาชาติให้เป็นผู้เชี่ยวชาญเห็ดประจำประเทศภูฐาน ได้รวบรวมและคัดเลือกส่งกลับเมืองไทยเพื่อให้ทดลองซ้ำให้แน่ใจอีกครั้งหนึ่ง ความดีเด่นของเห็ดนางฟ้าภูฐาน คือเส้นใยเจริญได้ดี และเร็วมาก ทั้งในอาหารวุ้นและหัวเชื้อเมล็ดธัญพืช เส้นใยเจริญบางในระยะแรกแล้วจะรวมตัวกันหนาขึ้นเดินเต็ม แต่หัวเชื้อบริสุทธิ์ จะมีการอ่อนตัวเร็วมาก หากทำการต่อเชื้อบ่อย ๆ ครั้ง และสิ่งที่เด่นกว่าเห็ดชนิดอื่นคือการออกดอกเห็ดเร็ว ระยะช่วงห่างของการออกดอกสั้น มีความสามารถในการใช้อาหารสูง ถ้าใส่อาหารมากผลผลิตก็มาก มีความต้านทานราสีเขียวและราสีดำสูงสามารถเพาะได้ตลอดปี
เห็ดเป๋าฮื้อ
เป็นเห็ดตระกูลเดียวกับเห็ดนางฟ้าและเห็ดนางรม โดยธรรมชาติเห็ดชนิดนี้จะเกิดขึ้นทั่วไป ในสภาพอากาศร้อนชื้น เช่น ประเทศไทย จีน พม่า ลาว และภูฐาน เนื่องจากเห็ดเป๋าฮื้อมีโครงสร้างที่แน่นมีรสชาติคล้ายเนื้อสัตว์ ในปี พ.ศ 2515 บริษัทอาหารสากล ได้นำผู้เชี่ยวชาญ และเชื้อเห็ดเป๋าฮื้อมาจากประเทศไต้หวัน ทำการเพาะเห็ดชนิดนี้เพื่อส่งโรงงานกระป๋องของบริษัทได้สำเร็จเป็นครั้งแรกของประเทศไทย เห็ดชนิดนี้จึงถูกจำหน่ายทั่วไปในตลาดสด ของลำปาง และเชียงใหม่
่ในเวลานั้นเห็ดเป๋าฮื้อจะมีราคาสูงมาก คือประมาณกิโลกรัมละ 80-100 บาท เนื่องจากราคาเห็ดชนิดนี้สูง จึงทำให้มีผู้ต้องการผลิตเห็ดชนิดนี้เป็นจำนวนมากขึ้นจึงทำให้ราคาถูกลงมา และทำให้เห็ดเป๋าฮื้อแพร่หลายยิ่งขึ้น จนมีผู้ลงทุนขนาดใหญ่ขึ้นเป็นลำดับในปัจจุบันในแถบภาคอีสานตอนบน
อ้างอิงจาก อาจารย์ปรีชา รัตนัง มหาวิทยาลัยแม่โจ้
การเพาะเลี้ยงเห็ดตระกูลนางรม
สูตรอาหารเพาะเลี้ยงเห็ดตระกูลนางรม
สูตร 1
• ขี้เลื่อยไม้ยางพารา,ไม้เนื้ออ่อน 100 กก.
• รำละเอียด 5 กก.
• ดีเกลือ 0.2 กก.
• ปูนขาว 1 กก.
• น้ำ 80 เปอร์เซ็นต์
สูตร 2 การใช้ฟางหมัก
1. นำฟางแห้งมาสับยาวประมาณ 4-6 นิ้ว และแช่ฟางให้ชื้นหมาด นำปุ๋ยยูเรียมาใส่ผสมให้เข้ากันแล้วหมักใน แบบพิมพ์หรือตั้งกองเป็นรูป หมัก 3 วัน ฝาชีสูงประมาณ 1.20เมตร ขึ้นไป แล้วคลุมกองด้วยพลาสติกเพื่อป้องกันการระเหยของความชื้น
2. เมื่อหมักครบ 3 วัน ให้ทำการกลับกองหรือกระจายกองฟาง เพื่อระบายแก็สแอมโมเนียม และใช้ปูนขาว 1 กก. ผสมลง ไปเพื่อปรับ สภาพอาหารหรือฟางหมักและคลุมกองฟางด้วย หมัก 3 วัน พลาสติก ให้เหลือส่วนปลายของกองไว้ประมาณ 30 ซม. เพื่อเป็นช่องระบายอากาศ
3. กระจายกองฟางอีกรอบเพื่อระบายความร้อนและเติม ดีเกลือลงไป 0.2 กก. หมัก 3 วัน
4. ครั้งสุดท้ายกระจายกองฟางอีก 1 ครั้ง และระบายอากาศ โดยไม่ต้องเติมอะไรลงไปอีก เมื่อฟางหมักเย็นตัวดีแล้ว ทำ การกองฟาง เป็นรูปฝาชีเหมือนเดิมและคลุมด้วยพลาสติก ทิ้งไว้อีก 3 วัน จึงนำไปใช้ได้ การใช้ฟางหมักเพาะเห็ดสกุลนางรม โดยใช้ฟางหมัก 100 กก. ผสม รำละเอียด 5 กก. ความชื้น 75-80 เปอร์เซ็นต์ แล้วนำไปกรอกลง ในถุง พลาสติกต่อไป
วิธีการเพาะ
1. ผสมวัสดุเพาะทั้งหมดเข้าด้วยกัน และทดสอบความชื้นให้พอเหมาะโดยจะมีความชื้นประมาณ 75-80%
2. บรรจุวัสดุเพาะลงในถุง ถ้าเป็นวัสดุเพาะเป็นขี้เลื่อยใช้ถุงขนาด 6.5x12.5 นิ้ว หนัก 800 - 1,000 กรัม ถ้าวัสดุเพาะเป็นฟางหมักควรใช้ถุงขนาด 7x13 นิ้ว แล้วอัดวัสดุให้แน่น แต่ละถุงจะมีน้ำหนักประมาณ ถ้าเป็นฟางหมัก 6-8 ขีด ถ้าเป็นขี้เลื่อยประมาณ 600 - 800 กรัม เสร็จแล้วใส่คอขวดรัดด้วยยางรัดปิดด้วยจุกสำลี
3. นำถุงก้อนเห็ดที่บรรจุแล้วไปนึ่งฆ่าเชื้อ โดยใช้หม้อนึ่ง 2 แบบ คือ
3.1 หม้อนึ่งฆ่าเชื้อแบบลูกทุ่ง หรือหม้อนึ่งไม่อัดความดัน โดยใช้ถัง 200 ลิตร บรรจุครั้งละ 100 ถุง นึ่งนาน 1.5-2 ชั่วโมง หรือหม้อนึ่งที่ประกอบด้วยเหล็กแผ่นเป็นรูปสี่เหลี่ยมบรรจุถุงได้ตั้งแต่ 500-5,000 ถุง โดยใช้ระยะเวลาในการนึ่งประมาณ 4-10 ชั่วโมง
3.2 การนึ่งแบบมีความดัน จะเป็นถังที่สามารถทนความร้อนสูงได้ 121 องศาเซลเซียส และมีความดันประมาณ 15-18 ปอนด์/ตารางนิ้ว ใช้เวลาในการนึ่งประมาณ 2-3 ชั่วโมง
การปลูกเชื้อเห็ดลงถุง
เปิดจุกสำลีออกแล้วใช้เชื้อเห็ดในเมล็ดธัญพืชหยอดลงไปประมาณ 20 เมล็ด แล้วปิดด้วยกระดาษนำไปบ่มให้เส้นใยเห็ดเดินต่อไป ระยะเวลาการบ่มเส้นใย เห็ดนางรมและนางฟ้าภูฐาน จะใช้เวลาประมาณ 25-30 วัน ส่วนเห็ดนางฟ้าและเห็ดเป๋าฮื้อ จะใช้เวลา ประมาณ 45-50 วัน
การเปิดดอก
เมื่อเส้นใยเห็ดเดินเต็มถุงหรือใช้เวลาในการบ่มได้ที่แล้ว นำถุงก้อนเชื้อเห็ดเข้าในโรงเรือนเปิดดอกและดึงกระดาษที่ปิดหน้าถุงออก เพิ่มความชื้นภายในโรงเรือนให้ได้ ประมาณ 80-85% โดยการฉีดพ่นน้ำ เป็นละอองฝอย วันละ 2-3 ครั้ง จากนั้นประมาณ 7-10 วัน ดอกเห็ดก็จะเริ่มออกและเก็บได้ ก่อนเก็บผลผลิต ควรงดการให้น้ำเพราะเห็ดจะเปียกชื้นไม่เป็นที่ต้องการของตลาด
การเก็บเกี่ยว
ทำการดึงดอกเห็ดที่ออกจากหน้าถุงเมื่อโตเต็มที่อยู่ในระยะที่ยังไม่บาน สังเกตจากขอบดอกเห็ดยังงุ้มอยู่ โดยดึงดอกเห็ดให้หลุดออกจากถุงทั้งกลุ่มไม่ให้เหลือโคนติดที่ถุง เพราะจะทำให้หน้าถุงเน่าทำให้มีเชื้อราอื่นหรือมีแมลงหวี่เข้าทำลาย