โรคริดสีดวงทวาร
ริดสีดวงทวาร หมายถึง การโป่งพองหรือการขอดของกลุ่มหลอดเลือดดำ บริเวณปลายสุดของลำไส้ใหญ่ และขอบรูทวารหนัก
แบ่งออกเป็น 2 ชนิด
ชนิดภายใน : เกิดขึ้นเหนือทวารหนักขึ้นไป ปกติจะไม่โผล่ออกมาให้เห็น คลำไม่ได้ มักจะไม่เกิดอาการเจ็บปวด รายได้เสริมหลังเลิกงาน/หลังเลิกเรียน รายได้ 5 หมื่น บ/ด ขั้นต่ำ อ่านด่วน www.abc.321.cn
ชนิดภายนอก : เกิดขึ้นที่ทวารหนักบริเวณรอยย่นของขอบ ทวารหนัก สามารถมองเห็นได้ และมีอาการเจ็บปวด
สาเหตุ
ยังไม่ทราบถึงสาเหตุที่แน่ชัดของการเกิดโรค แต่มักจะพบว่าสัมพันธ์กับปัจจัยหลายๆ ประการ อาทิเช่น
-กรรมพันธุ์ พบว่าบุตรของบิดาหรือมารดาที่เป็นโรคนี้ จะมีโอกาสเป็นสูงกว่าบุคคลทั่วไป
-ความผิดปกติที่บริเวณส่วนปลายสุดของลำไส้ใหญ่ และรูเปิดทวารหนัก ตลอดจนหลอดเลือดบริเวณนั้น
-การยืนหรือนั่ง ติดต่อกันเป็นเวลานานๆ
-ผู้ป่วยเป็นโรคตับแข็ง หรือมีความดันโลหิตสูงในระบบหลอดเลือดดำของตับ
-ท้องผูกและการเบ่งถ่ายของอุจจาระนานๆ การเบ่งถ่ายอุจจาระแรงๆ หรือนานๆ ช่วยเร่งการเกิดริดสีดวงทวารหนักได้
-ท้องเดินเป็นประจำ
อาการ
-มีหยดเลือดสีแดงออกมาทางทวารหนัก ระหว่างหรือภายหลังถ่ายอุจจาระ นอกจากนั้นยังอาจจะมีเลือดเคลือบก้อนอุจจาระออกมาได้
-มีติ่งเนื้อหรือก้อนเนื้อยื่นออกมาขณะถ่ายอุจจาระ โดยที่ระยะแรกสามารถที่จะหดกลับเข้าไปในรูทวารหนักได้ แต่ถ้าเป็นมากขึ้น ก้อนที่ยื่นออกมาจะไม่หดเข้าไปเอง
-มีอาการอักเสบบริเวณรอบทวารหนัก ได้แก่ อาการบวม ปวด หรือแสบร้อนตลอดเวลา
-มีอาการคันบริเวณของทวารหนัก และอาจจะมีผื่นที่ผิวหนังได้ เนื่องจากเยื่อบุทวารหนักที่ยื่นออกมาก่อให้เกิดความชื้นแฉะ และไม่สะดวกในการทำความสะอาด
ริดสีดวงทวารหนัก แบ่งเป็น 4 ระยะ ดังนี้
ระยะที่ 1 : หากหัวริดสีดวง อยู่ในรูทวารหนักตลอดเวลา (ทั้งในเวลาปกติ และเวลาที่เบ่งถ่ายอุจจาระ)แต่ถ้าส่องกล้องเข้าไปทางปลายทวารหนักก็จะพบเส้นเลือดโป่งพอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาท้องผูก
ระยะที่ 2 : หัวริดสีดวงโผล่ออกมาพ้นทวารหนัก เวลาเบ่งอุจจาระ ซึ่งสามารถหดกลับเข้าไปได้เอง
ระยะที่ 3 : หัวริดสีดวงโผล่ออกมาเวลาเบ่งอุจจาระ ไอ จาม หรือยกของหนักหัวริดสีดวงไม่สามารถที่จะหดกลับเอง อาจจะต้องใช้นิ้วดันจึงจะกลับเข้าไปได้
ระยะที่ 4 : เนื่องจากหัวริดสีดวงทวารหนักโผล่ออกมาภายนอก และถูกรัดด้วยหูรูดจึงก่อให้เกิดอาการบวม หรือ อาการอักเสบ ทำให้ไม่สามารถถูกดันกลับเข้าไปได้
การรักษาพยาบาล
ถ้ามีอาการน้อยมีเลือดออกเวลาที่ท้องผูก แก้ไขโดยการปฏิบัติตนให้ถูกต้อง โดยการแก้ไขอาการท้องผูก ได้แก่ การรับประทานอาหารที่มีกากมากขึ้น เช่น ผัก ผลไม้ และดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เป็นต้น นอกจากนี้ ผู้ป่วยบางรายอาจต้องใช้ยาระบายร่วมด้วย
หากมีเลือดออกมากเวลาถ่ายอุจจาระ หรือริดสีดวงทวารโผล่ออกมาเวลา ถ่ายอุจจาระ (ระยะ 1,2) มีวิธี เช่น การฉีดยาเข้าที่หัวริดสีดวง การใช้หนังยางรัด การจี้ด้วยความเย็น การฉายแสงอินฟาเรด มีวิธีการรักษาด้วยยา เช่น การใช้ยาแก้อักเสบ และลดการโป่งพองของหลอดเลือดดำบริเวณทวารหนัก หรือใช้ยาสอดเข้าทางทวารหนักโดยตรง หรือใช้หลายวิธีดังกล่าวข้างต้นร่วมกัน
สำหรับริดสีดวงทวารหนัก ระยะที่ 3,4 ถือเป็นข้อบ่งชี้สำหรับการผ่าตัดซึ่งจะได้ผลดีที่สุด
การผ่าตัดรักษา ช่วยให้หายจากริดสีดวงทวารหนักระยะที่ 3,4 แต่อาจเกิดโรคซ้ำได้หากยังมีอาการท้องผูกอยู่เป็นประจำในระยะหลังผ่าตัด ดังนั้นวิธีการที่จะช่วยให้หายขาดจากริดสีดวงทวารหนักคือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพให้เหมาะสม ขจัดสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคนี้ออกไปให้มากที่สุดดังรายละเอียดที่จะอธิบายต่อไป
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด
-เตรียมผิวหนังเฉพาะที่ โดยพยาบาลจะโกนขนบริเวณ ทวารหนัก
-ทำความสะอาดร่างกายทั่วไป โดยอาบน้ำ สระผม ตัดเล็บให้สั้น รวมไปถึงทำความสะอาดปาก และฟัน
-พยาบาลจะสวนอุจจาระ เพื่อทำความสะอาดลำไส้ใหญ่
-งดอาหารและน้ำหลังเที่ยงคืนก่อนวันผ่าตัด
-นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
-เก็บเครื่องประดับ ของมีค่า และฟันปลอม ก่อนไปห้องผ่าตัด
-ถ่ายปัสสาวะก่อนไปห้องผ่าตัด เพื่อให้กระเพาะปัสสาวะว่าง
การปฏิบัติตัวหลังผ่าตัด
-นอนราบ 8