
ถ้าตื่นมาตอนเช้าแล้วรู้สึกว่าหน้าดูอืดๆ บวมๆ เสื้อผ้าคับ ท้องอืด แหวนคับนิ้ว รองเท้าคู่เล็กลง
คุณรู้สึกอึดอัดอย่างแรงแสดงว่าอาการบวมน้ำถามหาคุณแล้วล่ะ
โดยปกติแล้ว ร่างกายของเรา จะสามารถรักษาระดับความสมดุลของน้ำในร่างกายได้ตามธรรมชาติ แต่บางทีหากรับประทานอาหารรสเค็มจัด ดื่มจัด ช่วงขี้เกียจไม่ลุกจากเตียงหรือช่วงวันนั้นของเดือน ก็อาจมีผลให้ร่างกายทำงานเขวไปบ้าง อาการข้อเท้าบวม และน้ำหนักขึ้นกะทันหัน คือ สัญญาณเตือน แต่อย่าเพิ่งกังวลไปอาการบวมน้ำรักษาเองได้ไม่ยากอย่างที่คิด
ใช้น้ำรักษาน้ำ :
การออกกำลังกายในสระว่ายน้ำ สามารถช่วยบรรเทาได้ เพราะน้ำในสระจะเป็นแรงดันน้ำส่วนเกินจากเนื้อเยื่อ แนะนำให้ออกกำลังในน้ำที่มีอุณหภูมิประมาณ 27-32 องศาเซลเซียส แต่ถ้าคุณตั้งครรภ์ หลีกเลี่ยงน้ำที่มีอุณหภูมิเกิน 37 องศาเซลเซียส
เลี่ยงยาขับปัสสาวะ :
แม้ยาขับปัสสาวะ จะช่วยกำจัดน้ำส่วนเกิน สำหรับผู้มีปัญหาโรคไต ตับ หรือหัวใจ แต่ถ้าใช้อย่างต่อเนื่องอาจกระตุ้นฮอร์โมนที่เกี่ยวกับการบวมน้ำ ซึ่งหากหยุดยาเมื่อไหร่ อาการก็จะกลับมาอย่างรวดเร็ว
ลดเกลือ :
พยายามเลี่ยงอาหารรสเค็ม เนื่องจากความเค็ม จะกระตุ้นให้ร่างกายกักเก็บน้ำไว้จนกว่าไตจะทำการขับน้ำออก ซึ่งอาจใช้เวลาถึง 24 ชั่วโมง
ออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ :
การออกกำลังช่วยกระตุ้นระบบหายใจ ระบบปัสสาวะ และขับน้ำส่วนเกินออกมากับเหงื่อ หากคุณต้องนั่งนานๆ ให้ลุกขึ้นมาขยับแข้งขาทุกๆ ชั่วโมง ขยับนิ้วเท้าขึ้นลงหรือยืดแขนขึ้นเหนือศีรษะ
ดื่มน้ำให้มากขึ้น :
บางคนอาจยังสงสัยอยู่ว่า การดื่มน้ำเพิ่มเข้าไปในร่างกายจะช่วยลดอาการบวมน้ำได้อย่างไร น้ำที่ดื่มจะไหลเวียนเข้าไต และระบบปัสสาวะช่วยเจือจางความเค็ม ซึ่งน้ำจะถูกขับออกมาได้ง่ายขึ้นในรูปของปัสสาวะ
จิบชาสมุนไพรสักนิด :
สมุนไพรส่วนใหญ่มีสรรพคุณช่วยขับปัสสาวะ โดยเฉพาะขึ้นฉ่าย ดื่มซักประมาณวันละ 2-3 แก้ว ช่วยบรรเทาอาการบวมน้ำได้
นอนยกเท้าขึ้นสูง :
ช่วยให้น้ำที่ขังอยู่ตามขาไหลกลับเข้าระบบไตเพื่อขับออกมาได้ง่ายขึ้น
ถ้าวิธีต่างๆ เหล่านี้ ยังไม่ช่วยบรรเทาอาการบวมน้ำ หรือถ้าคุณมีอาการกดไปตามผิวหนังแล้วมีอาการบุ๋มไม่กลับสภาพเดิม แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ค่ะ
ที่มาข้อมูล bloggang.com
ที่มารูปภาพ ladytoday.com