กีฬาโอลิมปิคมีกำเนิดมาเป็นเวลานานแล้วโดยได้มีการบันทึกถึงกีฬาโอลิมปิคครั้งแรกว่า เกิดขึ้นในปี 776 B.C. และได้มาสิ้นสุดลงในปี 393 A.D. เมื่อจักรพรรดิโรมัน Theodosius ได้ประกาศยกเลิก
โอลิมปิค
จนกระทั่งปี 1892 นักศึกษาชาวฝรั่งเศส Pierre de Coubertin ได้ฟื้นฟูกีฬาโอลิมปิคขึ้นมาใหม่ แนวความคิดของ Coubertin เกี่ยวกับการรื้อฟื้นกีฬาโอลิมปิคนี้ได้ก่อตัวเป็นรูปร่างขึ้นเมื่อมีการประชุมสหภาพกีฬาสมัครเล่น แนวความคิดเกี่ยวกับกีฬาได้กระจายออกไปทั่วยุโรป และในที่สุดในปี 1894 แนวคิดเรื่องกีฬาโอลิมปิคสากลก็ได้เป็นความจริงขึ้นมา
ในปี 1896 ผู้แทนนักกีฬาจากหลายประเทศได้เดินทางมาร่วมแข่งขันกีฬาโอลิมปิคสากลแนวใหม่ในครั้งนี้ รวมทั้งได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการโอลิมปิคสากลขึ้นเพื่อดูแลและจัดการแข่งขัน
ในการรื้อฟื้นกีฬาโอลิมปิคขึ้นมาใหม่ในครั้งนี้ Coubertin ได้พยายามให้ทุกคนเห็นความสำคัญของการมีส่วนร่วม สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตคนไม่ใช่ชัยชนะแต่เป็นการต่อสู้ เพราะฉะนั้นมนุษย์จึงควรมีวิธีการที่ถูกต้องในการต่อสู้มีความเป็นนักกีฬา
แนวความคิดของ Coubertin ได้ถูกพิสูจน์อยู่ตลอดมา ไม่ว่าจะเป็นการบอยคอต การคดโกงในการแข่งขันด้วยวิธีต่าง ๆ ความโลภมากของผู้เกี่ยวข้อง
บันทึกการแข่งขัน
Athens
โอลิมปิคเกมส์ ครั้งที่ 1 ที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ ระหว่างวันที่ 6-15 เมษายน 1896 (พ.ศ.2439)
กีฬาโอลิมปิคสมัยใหม่ได้ถูกจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ.1896 หลังจากที่การแข่งขันโอลิมปิคเกมส์ยุคเก่าได้หยุดไปเป็นเวลานาน โดยการเริ่มต้นใหม่ได้จัดขึ้นที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ ที่สนามกีฬา Olympic Stadium ซึ่งได้เคยถูกทำลายไป โดยทหารฝรั่งเศสในอดีตและมีการปรับปรุงขึ้นมาใหม่ มี 14 ชาติเข้าร่วมแข่ง 9 ชนิดกีฬา 43 เหรียญทองที่มีการชิง จากนักกีฬาทั้งหมด 245 คน และเป็นการเล่นของนักกีฬาชายล้วน ๆ และเหรียญทองเหรียญแรกเป็นของนักกีฬาสหรัฐอเมริกา เจมส์ บี. คอนนัลลีย์(James B. Connolly) ที่ชนะการเขย่งก้าวกระโดด ในวันที่ 6 เมษายน 1896 ถือว่าเป็นแชมป์โอลิมปิคเกมส์คนแรกในยุคสมัยใหม่ และการเป็นเจ้าภาพจัดแข่งขันในหนแรกครั้งนี้นับเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของชาวกรีซไม่ใช่แค่เพียงได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคครั้งแรกนี้เท่านั้นแต่เพราะนักกีฬากรีกได้นำชัยชนะมาให้กรีซในการแข่งขันวิ่งมาราธอนซึ่งถือเป็นกีฬาสัญลักษณ์ของโอลิมปิค
ชัยชนะของนักกีฬากรีกในครั้งนั้นโดยเฉพราะอย่างยิ่ง สไปรีดอน หลุยส์ (Spyridon Louis) ผู้ชนะในการวิ่งแข่งขันมาราธอน ได้กลายเป็นขวัญใจของคนทั้งประเทศ และ ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจกระตุ้นให้ประเทศต่าง ๆ ต้องการเป็นผู้จัดกีฬาโอลิมปิคเกมส์ในครั้งต่อ ๆ ไปบ้างรวมทั้งเป็นรากฐานให้บรรดานักกีฬาทั้งหลาย เกิดความทะเยอทะยานที่จะเป็นขวัญใจของคนทั้งประเทศด้วยการนำชัยชนะมาสู่ประเทศของตน
กีฬาที่จัดแข่งขัน 9 ชนิดกีฬาคือ ยิมนาสติก, ว่ายน้ำ, ฟันดาบ, ยิงปืน, กรีฑา, มวยปล้ำ, เทนนิส, จักรยาน และ ยกน้ำหนัก
Paris 1900
โอลิมปิคเกมส์ ครั้งที่ 2 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 14 กันยายน - 28 ตุลาคม 1990 (พ.ศ.2443)
จริง ๆ แล้วในช่วงเริ่มต้นได้มีความพยายามที่จะให้มีการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคขึ้นในกรีซ เพียงแห่งเดียวเท่านั้น แต่ เดอ คูแบร์แตง (Coubertain) ซึ่งเป็นผู้ให้กำเนิดกีฬาโอลิมปิคสมัยใหม่ขึ้นได้ ยืนยันเจตนารมณ์เดิมที่จะให้มีการแข่งขันเวียนไปตามประเทศต่าง ๆ ที่มีส่วนร่วมในการแข่งขันกีฬา จึงได้ลงที่ฝรั่งเศส มี 24 ชาติเข้าร่วมแข่ง และมีจำนวนนักกีฬา 1,225 คน เป็นนักกีฬาหญิงที่เข้าร่วมแข่งขันเป็นครั้งแรกจำนวนรวม 19 คน ซึ่งจากการบันทึกนั้นนักกีฬาหญิงคนแรกที่ได้เหรียญทองจากโอลิมปิคเกมส์ คือ
ชาร์ล็อตต์ คูเปอร์ (Charlotte Cooper) จากเกาะอังกฤษในกีฬาเทนนิส
การแข่งขันในครั้งนี้ชัยชนะในกีฬาประเภทต่าง ๆ กระจายกันไปในหมู่นักกีฬาจากประเทศต่าง ๆ จากที่เจ้าภาพฝรั่งเศสนั้น จัดแข่งมากถึง 18 ชนิดกีฬา ประกอบด้วย ฟุตบอล, โปโล, เรือใบ, รักบี้ฟุตบอล, ยิมนาสติก, คริกเก็ต, ว่ายน้ำ, ฟันดาบ, ชักเย่อ (Tug of War), ยิงธนู, เรือพาย, ยิงปืน, กรีฑา, เทนนิส, จักรยาน กอร์ฟ,ขี่ม้า, และ Croquet(การตีลูกลอดห่วง)
St. Louis 1904
โอลิมปิคเกมส์ ครั้งที่ 3 ที่เซนต์หลุยส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 1 กันยายน