ดาราชื่อก้องโลก ผู้ได้ผ่านการแต่งงานถึงสี่ครั้งมีผู้ชายเป็นคู่นอนนับไม่ถ้วนเวลาที่มีชีวิตอยู่ บัดนี้ร่างที่ไร้วิญญาณของเธอนอนนิ่งอย่างโดดเดี่ยวตามลำพัง เรื่องอื้อฉาวคาวโลกีย์ของเธอ ที่ผ่านมามีเรื่องของประธานาธิบดี จอห์น เอฟ เคเนดี พัวพันอยู่ด้วยเช่นกัน เธอมีลูกเมื่ออายุเพียง 15 ปี ความรักของเธอไม่มีใครจะมาเทียบได้ เธอมีชื่อจริงว่า นอร์มา เจน มอร์เทนสัน เกิดเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 1926 ลอสแองเจลลิส มารดามีอาชีพตัดต่อฟิลม์หนัง บิดาไม่ทราบแน่ชัดว่าคือใคร เนื่องจากเอ็ดเวิร์ด มอร์เทนสัน ได้รับอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซด์คว่ำจนเสียชีวิต บางทีอาจเป็น ซี.แสตนซี กิฟฟอร์ด นายจ้างของมารดาเธอก็ได้ 12 วันหลังจากเธอลืมตาดูโลกมารดาเธอก็นำไปให้สถานสงเคราะห์เลี้ยง หลังจากที่พยายามยกเธอให้เพื่อนไปเลี้ยงแต่ถูกปฏิเสธ มาริลีนใช้เวลาถึง 15 ปี ในสถานสงเคราะห์นั้นต่อมามีผู้รับเธอไปอุปการะเธอเร่ร่อนไป ๆ มา ๆ อยู่บ้านนั้น บ้านนี้จนสับสนต่อสภาพแวดล้อมที่เธอได้รับจนกลายเป็นคนค่อนข้างเก็บตัวขี้อายและเป็นโรคประสาทอ่อน ๆ เธอถูกข่มขืนจนมีเด็ก จากนั้นจึงย้ายไปอาศัยกับป้า ลูกชายของเธอคลอดออกมา ป้าเธอนำไปเลี้ยงและจับตัวของเธอให้แต่งงานกับเด็กผู้ชายข้างบ้าน “เหมือนถูกเตะที่หัวอย่างจังเลย” เธอบอก “ฉันขอร้องป้าว่าอยากเลี้ยงลูก แต่เค้าบอกว่าฉันยังเด็กเกินไปที่จะเลี้ยงเขา” จากนั้นเธอก็ไม่ได้พบกับลูกชายคนแรกของเธออีกเลย เธอใช้ชีวิตกับจิม ดอทเออร์ที โดยการเป็นแม่บ้านแต่เธอไม่ชอบเอาเลย พอดีเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 สามีเธอถูกเรียกไปเป็นทหารต่อมาเธอเข้าไปทำงานในบาร์และเริ่มรู้จักวิธีหาเงินโดยการตามพวกผู้ชายไปเป็นครั้งคราว เธอพูดกับจีน่า เพพิโทน เพื่อนของเธอว่า “ฉันปล่อยให้จิมทำตามความต้องการของเค้าอย่างที่เขาต้องการ แล้วฉันก็ทำอย่างที่ฉันต้องการเพราะฉันไม่เคยรักเขา แล้วเขาก็ไม่ได้รักฉัน มันจะแตกต่างกันเช่นไรล่ะ?” ภายหลังที่จิมกลับมาจากสงคราม เธอจึงเปลี่ยนงานใหม่ จนพบกับนายหน้าธุรกิจภาพยนต์ เขาเห็นว่าเธอมีอนาคตทางด้านนี้ เธอทำอย่างที่ไม่มีใครคิดมาก่อนคือทำผมใหม่แต่งชุดขาว ไม่ใส่ชุดชั้นในเหมือนคนอื่น ๆ ที่อยากเป็นดาราชื่อดังโดยไปงานเลี้ยงที่ฮอลลีวู๊ดโดยมีบัตรเชิญ โจ เชงค์ แห่งทเวนตี้ เซ็นจูรี่ฟ็อกซ์ อายุ 70 ปี สนใจในเรือนร่างของเธอ ต่อมาเธอร่วมหลับนอนกับแฮรี่ โคน ผู้อำนวยการของโคลัมเบียฟิลม์ เธอใช้เวลาไม่นานสำหรับความสำเร็จทางการแสดง กับลีน่า เพื่อนร่วมห้องของเธอมาริลินพูดไว้ว่า “ถ้าฉันทำให้คนดูมีความสุขแล้ว ทำไมจะทำไม่ได้ละ” มันไม่มีความเจ็บปวดในเรื่องของความรักสักหน่อย ก็ฉันชอบเห็นพวกเขายิ้มนี่” โปรดิวเซอร์ บิลลี่ ไวล์เดอร์ บอกว่า “หน้าอกของเธอเหมือนหินแกรนิต หัวสมองอ่อนนุ่มเหมือนเนยคุณคงรู้นะว่ามันหมายถึงอะไร” ในความเป็นจริงเธอหา ได้เป็นเช่นนั้นไม่เพราะแม้แต่ อัลเบิร์ต ไอสไทน์ เป็นเพื่อนที่สนิทสนมกันอยู่พักหนึ่งก็เป็นเพียงแค่คนแก่ธรรมดาคนหนึ่ง มาริลิน เคยบอกว่า “ไม่มีอะไรจะเปลี่ยนกาลเวลาได้ แต่อัลเบิร์ต ไอสไตน์ ยังดูหนุ่มกว่าที่ฉันคิดไว้เสียอีก” หลังจากที่เธอเสียชีวิตแล้วนั้นได้พบรูปถ่ายขนาดใหญ่ใบหนึ่งเป็นรูปของ อัลเบิร์ต ไอสไตน์ พร้อมมีลายเซ็นต์กำกับไว้ว่า “สำหรับมาริลินด้วยความรักและขอบคุณ, อัลเบิร์ต” มีเพื่อนของเธอบางคนเปิดเผยว่าเธอเคยแสดงภาพยนต์ลามก จนผู้อำนวยการและผู้จัดการส่วนตัวของเธอต้องสั่งห้ามเธอแสดงหนังพวกนั้น เพื่อตัวเธอเองและส่วนรวม แต่เธอก็ฝ่าฝืนด้วยเหตุผลว่าจะหาเงินไปจ่ายค่าเช่าห้องพัก ดิ แมคคิโอ สามีคนที่สามของเธอเกลียดการกระทำเช่นนั้น เขาบอกว่าเธอมีสิทธิ์แสดงบทโป๊ได้กับเขาเท่านั้นเวลาอยู่กันสองต่อสอง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะช่วยกันทำให้ความเป็นอยู่ดีขึ้น จากนั้นอีกเก้าเดือน ทั้งสองก็แยกทางกันเดินโดยเหตุผลที่ว่า “จะเป็นดาวโป๊ที่ดีได้เช่นไร ถ้ามีสามีเป็นตัวเป็นตน” เธอเคยมีความสัมพันธ์กับอาเธอร์ มิลเล่อร์นักเขียนบทภาพยนต์ที่มีชื่อคนหนึ่ง แต่ไม่อาจอยู่กันได้นานก่อนที่จะมาแต่งงานกับ โจ ดิ แมคคิโอ “ฉันรักอาเธอร์มากกว่าผู้ชายที่ฉันเคยนอนด้วยทั้งหมด” แต่เธอมีความสุขกับเขาได้แค่หกอาทิตย์เท่านั้น เนื่องจากเธอไม่อาจมีลูกให้เขาได้ เมื่อมิลเลอร์ทราบเช่นนั้น จึงได้เก็บตัวเงียบ ก้มหน้าก้มตาเขียนหนังสือ โดยไม่เหลียวแลใส่ใจเธออีกต่อไป ไม่ว่ามาริลินจะทำตัวดีขึ้นเพื่อเขาสักเท่าไหร่ก็ไม่มีประโยชน์ เวลานั้นเธอมีงานที่จะต้องแสดงหลายต่อหลายเรื่อง เธอเปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อย ๆ และได้แสดงบทบาทที่อาเธอร์ มิลเลอร์เขียนไว้ตอนนั้น เธอสนิทสนมกับคล้าก เกเบิ้ล เธอใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือยเมื่อคลาด เกเบิ้ล สิ้นชีวิตเธอหันกลับไปหาอดีตสามีแต่ถูกปฏิเสธต่อมามีเพื่อนชายคนใหม่ ฮาน เลมบอร์น ซึ่งใช้ชื่อใหม่ในเวลาต่อมาว่า เดนนิส เอ็มพี เธอเคยบอกว่า “ฉันไม่รู้หรอกว่าเรื่องบนเตียงนะฉันทำได้ดีหรือเลวเพียงไร ฉันเป็นคนขี้เหล้าชอบโกหกหลอกลวง หลายครั้งที่อยากตายแต่ไม่กล้าพอ” เธอเติบโตมาจากสถานที่เลี้ยงเด็กเช่นเดียวกับมารดาและตาของเธอในหนังสือ “ความเป็นมาริลิน มอนโร ของลีน่าบอกไว้ว่า เธอดูแก่มากเวลาไม่แต่งหน้า สกปรก น้ำไม่ชอบอาบ ผมยุ่งเป็นสังคะตัง ผ่านผู้ชายมามาก และบอกว่ารักพวกเขาทุกคน แฟรงค์ ซิเนตร้า นักร้องชื่อดังตกลงปลงใจแต่งงานกับเธอแต่อยู่ด้วยได้ไม่นาน เพราะเธอเสพยาเสพติดนอกเหนือจากการดื่มไป มีอยู่ครั้งหนึ่งเธอเมาหนักจนถอดเสื้อผ้าเดินโทง ๆ รอบบ้านรอให้แฟรงค์ สามีของเธอกลับบ้านในยามบ่าย แต่แฟรงค์ กลับพาเพื่อนฝูงมาเล่นโป๊กเกอร์กันที่บ้าน ทุกคนแลเห็นสภาพเปลือยเปล่าของเธอ แฟรงค์โกรธมากบอกเสียงกร้าว “เลิกทำตัวเป็นลาอ้วนเสียทีแล้วขึ้นไปข้างบนซะ” ด้วยความโกรธและความอายที่เธอทำขายหน้า แฟรงค์ตัดสินใจเลิกอยู่ร่วมกับเธอ ปล่อยให้มาริลินอกหักต่อมาเธอมีโอกาสพบกับครอบครัวของเคนเนดี้ ความสนิทสนมมีเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ ประธานาธิบดี จอห์น เอฟ เคนเนดี้ ภายหลังได้นั่งทานอาหารกันสองต่อสองกับมาริลิน เขาเล่าเรื่องสัปดนให้เธอฟังพลางใช้มือลูบไล้ขาอ่อนต่อมาพบว่าเธอไม่ได้ใช้ชุดชั้นใน เขาชักมือกลับอย่างรวดเร็ว “เขาไม่อาจซุกซนเกินกว่านั้น” เธอบอก ในปีสุดท้ายของชีวิตเธอมีความรู้สึกเกลียดชังตัวเอง จนไม่อาจทนได้ทุกอย่างหย่อนยานเคลื่อนคล้อยตามกาลเวลา “ฉันไม่อาจเป็นเหมือนก่อนได้อีกต่อไปแล้ว” เธอชอบพูดถึงเรื่องในวัยเด็กที่ผ่านมากับบรรดาเพื่อน ๆ ว่า “เมื่อชั้นอายุเก้าขวบมีผู้ชายบังคับให้ทำอะไรบางอย่างมันแย่มากเลย เมื่อฉันโกรธหรืออารมณ์เสียมันเกิดจากเรื่องนั้น” อีกสองเดือนต่อมาเธอก็เสียชีวิต เจ้าหน้าที่ตำรวจพบขวดยาเปล่าวางอยู่ข้างโต๊ะ มีคำถามว่าใครเป็นคนฆ่าเธอ ? มาริลิน มอนโร ฆ่าตัวตายหรือ? มันเป็นอุบัติเหตุใช่ไหม? เธอตายขณะกำหูโทรศัพท์อยู่แน่น มาริลินติดต่อไปถึงใคร? ช่วงนั้นเธอสนิทสนมกับครอบครัวเคนเนดี้ และมีเพื่อนสนิทอีกคนหนึ่ง โรเบิร์ต สแลทเซอร์ เธออาจจะมีนัดก่อนเสียชีวิตก็เป็นได้ เป็นเรื่องติดต่อกับทนายประจำตัวส่วนอีกเรื่องหนึ่งคืองานทำหนังสือ สำหรับเรื่องหนังสือสแลทเซอร์ทราบว่าเธอจะพิมพ์เรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับครอบครัวเคนเนดี้อย่างเปิดอกทุกแง่ทุกมุม ในตอนเช้าเวลา 8 โมงเช้า ปีเตอร์ ลอร์ฟอร์ดโทรมาไต่ถามสารทุกข์สุขดิบเขาเป็นพยานว่า “เธอบอกลา ประธานาธิบดี บอกลาแพท บอกลาผมด้วย เธอบอกว่าผมเป็นคนดีคนหนึ่งเหมือนกันนะ” เอ็ดการ์ด ฮูเวอร์ แห่งเอฟบีไอ เป็นผู้ลงมือสอบสวนสาเหตุด้วยตนเอง เขามีความเห็นหลายประการแต่ไม่อาจระบุลงไปอย่างแน่ชัดว่าเป็นด้วยสาเหตุใด รวมถึงเรื่องอื้อฉาวคาวโลกีย์ของเธอด้วยเช่นกัน บางทีอาจเป็นเรื่องของแก๊งซ์มาเฟียก็ได้ ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่า มาริลิน มอนโร พยายามจะติดต่อใคร จากการชันสูตรศพพบว่าเธอมียาเสพติดในตัวถึง 50 เม็ด โดยไม่มีน้ำอยู่ในกระเพราะเลย ทางตำรวจปักใจเชื่อว่า เธอถูกฆาตรกรรมโดยถูกจับกรอกยา แต่เป็นฝีมือใคร? เนื่องจากอะไร? ความลับยังคงมือดำตราบจนทุกวันนี้………………/เรื่องอื้อฉาวประจำศตวรรษ
ข้อมูลจาก: https://www.geocities.com
