เบลล์ ไชน่าดอลล์ (China Dolls) หรือ สุภัชญา ลัทธิโสภณกุล
ชื่อ - นามสกุล : สุภัชญา ลัทธิโสภณกุล
ชื่อเล่น : เบลล์
วันเกิด : 17 มีนาคม 2524
สถานะ : โสด
อายุ : 27 ปี
การศึกษา : มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
งานอดิเรก : ดูหนัง, เต้น, ช้อปปิ้ง
สีที่ชอบ : ฟ้า, ขาว
กีฬาที่เล่น : ว่ายน้ำ, บาสเกตบอล
แนวเพลงที่ชอบ : ป๊อป, แดนซ์
ศิลปินที่ชอบ : The Calling, Britney Spears, TLC, Backstreet Boys, Linkin Park
นิสัยส่วนตัว : รักความสนุกสนาน รักอิสระ
คติประจำใจ : จงฝันให้สูงสุด และอย่าหยุดเมื่อสิ้นหวัง
ผลงานที่ผ่านมา :
- ปี 2542 อัลบั้ม "หมวยนี่คะ"
- ปี 2543 อัลบั้ม ไชน่า มอร์
- ปี 2544 อัลบั้ม "ติ๊งหน่องมาแล้วค่ะ"
- ปี 2545 อัลบั้ม "China แดง"
- ปี 2543 อัลบั้มพิเศษ "ไชน่าก๊วน"
- ปี 2545 อัลบั้ม 2002 ราตรี
ข้อมูลจาก : ซุบซิบดอทคอม
บทสัมภาษณ์ เบลล์ ไชน่าดอลล์
นักร้องหมวยอินเตอร์ ""เบลล์ ไชน่าดอลล์"" เผยวิกฤตชีวิตที่เกือบไม่ได้ลืมตาดูโลกนี้อีกต่อไป อันเนื่องมาจากความเครียดที่ได้รับจากบุคคลที่ไว้ใจ แต่กลับหักหลังกันได้ลงคอ หวั่นงานชิ้นใหญ่พัง เสียทั้งชื่อเสียงและเงินทอง
เปิดใจถึงเรื่องราวที่ทำให้เกือบคิดสั้นมาแล้วสำหรับ ""เบลล์ ไชน่าดอลล์"" หรือ ""เบลล์ สุภัชญา ลัทธิโสภณกุล" หลังจากถูกเพื่อนรุ่นพี่ไฮโซนามสกุลดัง เชิดเงินไป 5 แสนบาท พร้อมทิ้งให้เผชิญชะตากรรมอย่างไม่ดูดำดูดี จากงานที่วางจะทำร่วมกันกับโครงการจัดงานมหกรรมศิลปะรอยสักนานาชาติ ครั้งที่ 2 ในประเทศไทย จากที่ครั้งแรกงานชิ้นนี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี แต่ครั้งที่สองกลับไม่เป็นตามคาด ที่ทำให้ ""เบลล์"" ต้องกินน้ำตาแทนข้าว เพราะถูกหักหลังจากหุ้นส่วนที่ไว้ใจ จนเกือบขาดสติคิดจากโลกนี้ไป
โดยเรื่องนี้ ""เบลล์"" เผยว่าเกิดขึ้นมาได้ระยะหนึ่ง ซึ่งนับเป็นช่วงชีวิตที่ตกต่ำและดูเหมือนจะหาทางออกไปได้ แต่ก็ได้เพื่อน ครอบครัว ทุกคนทำให้เธอผ่านมาได้และรู้ว่ายังมีคนรักเธออีกมากมาย
ใจชื้น งานกำลังดำเนินไปได้ด้วยดี
""จริงๆ ตอนนี้เข้ารูปเข้ารอยแล้วนะคะ ตอนนั้นมีความคิดว่ากลัวงานจะไม่ทัน แล้วเราจะทำยังไง เราตั้งใจกับการทำงานมาก สปอนเซอร์จะว่ายังไง ผู้ใหญ่ที่นับถือกันทุกคนจะว่ายังไง ไม่อยากให้เสียเครดิต เครียดมาก ผ่านมาได้สักพักแล้ว ได้ครอบครัว ได้เพื่อนเป็นกำลังให้ กลับมาทำงานอีกครั้ง ประมาณ 1-2 สัปดาห์แล้ว ตอนนี้ก็โอเคลุย ก็ต้องทำงานเยอะแทบทุกวัน เพื่อให้งานทันตามกำหนด""
ไม่คิดว่าชีวิตจะเจอเหตุการณ์แบบนี้
""ไม่คิดว่าจะเจอแบบนี้ ในชีวิตไม่คิดว่าจะเจอคนแบบนี้ ไม่คิดเป็นแบบนี้เลย จนเราเครียดรู้สึกเจ็บใจ บีบจนเราไม่มีเวลา ไม่มีทางเลือกที่จะทำ เพราะเวลาก็เร่งขึ้นมาทุกที""
ไม่กล้าปรึกษาใคร เพราะกลัวทุกคนเป็นห่วง
""ตอนนั้นไม่ได้บอกพ่อบอกแม่เพราะกลัวเขาคิดมาก ก่อนหน้านี้มีอะไรจะบอกพ่อกับแม่ ก็จะมีคนช่วยตลอดเพราะเบลล์ก็ลูกคนเดียว แต่ตอนนั้นเหมือนเราไม่มีทางออก ไม่กล้าคุยไม่กล้าเล่าอะไร จะคุยกับเพื่อนที่สนิทมากกว่าเพราะงานนี้ เบลล์กับจอย (จอย หว่อง เพื่อนซี้ทายาทปรมาจารย์งานศิลปะบนผิวหน้าจัดงานงานมหกรรมศิลปะรอยสักนานาชาติ) ก็จะหนัก ส่วน แชลวี แดนซ์ ก็บอกให้หญิง (รฐา โพธิ์งาม) ช่วยดูแลไปก่อน""
เชื่อใจเพราะนามสกุลดัง
""เขาเป็นผู้หญิงค่ะ นามสกุลตำรวจดัง ตอนนั้นเขาชวนไปเปิดบริษัทด้วยกันกับอีกหลายๆ หุ้น แต่ไม่มีใครออกเงินเพื่อจะเปิดบริษัทเลย จะเอาเงินที่สปอนเซอร์ให้มาเปิดบริษัท และเขาก็พูดให้เรารู้สึกว่าเขาเป็นคนดี หลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อ เพราะเขาเงียบไป จนใกล้เวลาบีบเข้ามา เขาก็อีเมลมาหา เราจะเรียกค่าเสียหายในเมื่อเขาทำงานให้เราไม่ได้ แล้วทำไมต้องมาเรียกค่าเสียหาย ก็รู้สึกว่าสุดแล้วทนไม่ไหว ไม่ได้ต้องการเรียกร้องอะไรแค่ต้องการความยุติธรรมเท่านั้น""
จ่ายเงิน 5 แสนไปเพราะความเชื่อใจ
""5 แสนเป็นเงินของเรา ให้เขาไปจัดงาน ทำทุกด้าน เราจะได้เงินจากสปอนเซอร์มาจัดงาน ซึ่งเขาจะเป็นคนหาสปอนเซอร์ ส่วนเราก็บินไปต่างประเทศ ไปทำในอีกส่วนหนึ่ง เราก็เชื่อเขา เพราะเขานามสกุลดัง แต่พอกลับมาไม่เห็นอะไรสักอย่าง แล้วยังมาถามเราว่าปีที่แล้วเราติดต่อสปอนเซอร์ใครไปบ้าง เราก็อึ้ง กลายเป็นเราต้องหารายชื่อสปอนเซอร์ให้กลับไปติดต่อให้เรา จนเรื่องติดต่อที่พัทยาเพื่อจัดงานขอเขาดูจดหมายเขา ก็ไม่ให้ดู จนต้องติดต่อไปเอง จนเห็นจดหมายจ่าหน้าถึงบริษัท เขาก็งง และรู้สึกว่าไม่โปร่งใสแล้ว ก็ปรึกษาทนาย ตอนส่งจดหมายไปไม่ได้คิดอะไรเลย จนเขาเงียบไปและจะเรียกค่าเสียหายก็เลยตัดสินใจบอกนักข่าว อยากให้เขามาชี้แจ้งว่าเขาต้องการอะไร แทนที่เบลล์จะบอกเลิกจ้าง ทางฝ่ายโน้นกลับขอยกเลิกทำงานกับเบลล์ ตอนนั้นก็โล่งใจจะได้จบกันไป และได้เรียกขอเงิน 5 แสนบาทคืน แต่อีกฝ่ายไม่คืนให้ แถมยังมาเรียกเงินค่าเสียหายจากเบลล์อีก 180,000 บาท""
เข้ามาเป็นคนดีมาก ช่วยเหลือทุกอย่าง แต่ทุกอย่างกลายเป็นแค่ภาพลวงตา
""เขาเข้ามาในลักษณะพี่สาวไม่คิดเป็นแบบนั้นเลย ชวนไปโน่นไปนี่ ซื้อหมาให้ด้วย ไม่คิดจริงๆ จนเกิดเรื่องตอนนั้นนอนไม่หลับ คิดตลอดเวลา นอนไม่ได้ ทำงานไม่ได้ ก็ไปกันใหญ่ พักผ่อนไม่พอก็เริ่มไม่ไหว เบลอร์""
เกือบปลิดชีวิตด้วยยานอนหลับ
""ตอนนั้นกินเยอะสุด แผงหนึ่ง ก็รู้เลยว่าจิตเรามันไม่หลับ ต่อให้มียามันก็ไม่หลับ เพราะกังวลตลอดเวลาคิดว่าเราไม่ผิด ทำไมต้องโดนแบบนี้ เบลล์รักพ่อรักแม่ แต่ตอนนั้นรู้ แต่ว่าถ้าทำงานนี้ไม่สำเร็จจะมีหน้าเดินบนโลกนี้ได้ยังไง เราบอกผู้ใหญ่ไปหมดแล้ว ทั้ง ททท. และ การบินไทย สนับสนุนเรามาเป็นอย่างดี ถ้าเราทำไม่ได้ก็จะรู้สึกแย่มากๆไม่ได้อยากตายเพราะไร้เหตุผล ยังรักพ่อรักแม่ แต่ตอนนั้นมันสุดๆ ว่าจะทำยังไงต่อไป แต่ตอนนี้ดีขึ้นว่าตัวเราทำได้ แต่กว่าจะตั้งสติได้ก็เกือบแย่""
สภาพจิตใจตอนนี้ดีขึ้น ห่วงเร่งทำงานให้เสร็จตามกำหนด
""สภาพจิตใจดีขึ้น ห่วงเรื่องงาน เพราะตอนนี้งานเดินได้ เพื่อนก็ให้กำลังใจ เบลล์พูดกับจอยตลอดว่างานนี้สำคัญมาก ร้องเพลงเบลล์ก็ไม่เคยเบี้ยว เพราะเบลล์เป็นคนรับผิดชอบสูง เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เงินทำงานก็แทบไม่พออยู่แล้ว เพราะต้องทำเองตั้งแต่ต้น ตอนนี้ก็เร่งทำงานให้เสร็จแทบไม่เจอหน้าพ่อแม่เลย เพราะบ้านเบลล์อยู่รังสิต ก็ไกล ก็เลยมาอยู่ที่แชลวี แดนซ์ เลย พ่อแม่ก็มาหาบ้าง วันนี้ก็พาไปทานข้าว เขาเห็นข่าว เขาก็ตกใจ แต่เขาจะรู้ว่าเบลล์เครียดมาตลอด เพราะพักหลังสุขภาพเริ่มไม่ค่อยดี เริ่มหงุดหงิดกลับบ้านก็โมโหง่าย จนเบลล์ยังหงุดหงิดตัวเองว่าที่บ้านไม่รู้เรื่องอะไร ทำไมเราต้องไปลงที่เขาด้วย""
ขอบคุณทุกคนที่ยังรักกัน
""ต้องขอบคุณเพื่อนๆ แฟนคลับ เด็กๆ นักเรียนโทร.มาให้กำลังใจเยอะมาก ดีใจที่มีคนรักเรามากขนาดนี้ ตอนนี้งานเกือบ 100 % แล้วด้านพีอาร์อาจารย์ที่สอนปริญญาโทก็ช่วยจัดการเรื่องนี้ให้ ในตอนนั้นเราคิดว่าเรามีพาร์ตเนอร์ที่จะช่วยเราแล้ว แต่ผิดคาด และเราก็คิดว่าเราทำยังไง ทำอะไรก็ไม่ทัน แต่เราไม่ได้มองว่ายังมีคนรอบข้างพ่อแม่ เพื่อน ครูอาจารย์ที่ยังพร้อมจะช่วยเราด้วยในจริง""
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าอย่าด่วนตัดสินใจเชื่อคนแบบง่ายอีก
""อย่าตัดสินอะไรสั้นๆ เพราะเรายังเด็กคิดว่ารับผิดชอบงานใหญ่ๆ ได้ เพราะเราก็เคยผ่านมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่ครั้งนี้มองคนพลาดไป อาจจะพลาดไปจุดนี้""
ข้อมูลจาก : สยามดารา
