ความรู้ เกร็ดความรู้ สารานุกรม สารานุกรมออนไลน์ ความรู้รอบตัว ความรู้ทั่วไป พจนานุกรม เกมส์ เพลงใหม่ เพลง

เป้ย ปานวาด, เป้ย ปานวาด หมายถึง, เป้ย ปานวาด คือ, เป้ย ปานวาด ความหมาย, เป้ย ปานวาด คืออะไร
| เปิดอ่าน 0 | ความคิดเห็น 0
เป้ย ปานวาด

ทำงานอยู่กับบ้าน ผ่าน net 100% รายได้ 5 หมื่น บ/ด ขั้นต่ำ ขอย้ำว่าขั้นต่ำ สมัครที่ www.abc.321.cn
ชื่อจริง
: ปานวาด เหมมณี

ชื่อเล่น : เป้ย
วันเดือนปีเกิด
: 28 ธ.ค. 2522
ลดน้ำหนัก 5-10 กก. ใน 1 เดือน ดูข้อมูล/สมัครลดที่ www.slim.4x2.net 

การศึกษา : อนุบาล-ประถมฯ ร.ร.ถนอมศรีศึกษา มัธยมฯ ที่ร.ร.วีระราชประสาน จบปริญญาตรีคณะศิลปกรรมศาสตร์

                ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม

คลิ๊ป VDO ลับแนะนำงานที่สร้างรายได้ 50,000 บาท ในเดือนถัดไป รีบดูด่วนที่ www.make.18.to
ผลงานแสดงที่ผ่านมา

- ละครเรื่อง เมืองดาหลา,เพลิงพายุ,สืบสาวราวรัก,คุณชายทรานซิสเตอร์,โซ่เสน่า
- Time To Kill(2008)  

- หอแต๋วแตก(2007)  

 

ผลงานถ่ายโฆษณา  

- โฆษณา ยำยำ 


บทสัมภาษณ์ เป้ย ปานวาด

จับพลัดจับผลูเข้าวงการด้วยการส่งเสริมของรุ่นพี่ที่หวังดี อาสาส่งทั้งรูปและประวัติไปร่วมประกวด "ดัชชี่ บอย แอนด์ เกิร์ล" ตั้งแต่นั้นเลยทำให้ชื่อของสาวหมวยเลือดสะตอ "เป้ย"ปานวาด เหมมณี อยู่ในทำเนียบบุคคล "โลกมายา"

 

เป็นคนที่ไหน?

 

          เป้ย - "เป็นคนอ.เบตง จ.ยะลา ค่ะ ครอบครัวเป้ยเป็นคนจีนอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่ เด็กจะซนและไม่ค่อยมีเพื่อนมากนัก โดยอาม่าจะเลี้ยงเป้ยมาตั้งแต่เกิด เพราะพอคุณแม่คลอดเป้ย คุณแม่ก็ไปทำงานที่หาดใหญ่ ส่วนพ่อแยกทางกับแม่ก่อนที่เป้ยจะคลอด เราจึงเป็นลูกคนเดียว"

 

ซนขนาดไหน?

 

          เป้ย - "ก็ซนมากค่ะ แต่เพราะอาม่าห่วงก็เลยไม่ค่อยให้ไปเล่นกับใคร เลยเล่นคนเดียวที่บ้าน เล่นเป็นซุปเปอร์แมน คุณครู คนขายของบ้าง ส่วนใหญ่จะเล่นแบบที่ผู้ชายเขาเล่นกัน ตอนนั้นก็สนุกเพราะเราเล่นได้ทุกอย่างที่เราคิดจะเล่น และเพราะความซนวีรกรรมเลยมีเยอะ มีอยู่ครั้งหนึ่งตอนนั้นหนังโจวซิงฉือกำลังดัง ในหนังเขาจะวิ่งไปที่ประตู ประตูก็จะเปิดออกพอดี เราก็เอาบ้าง วิ่งไปชนประตูบ้าง อยากจะให้เป็นเหมือนในหนัง แต่ปรากฏว่า ประตูที่เราวิ่งไปอีกด้านไม่มี เพราะกำลังซ่อมบ้านอยู่ พอวิ่งชนประตูแล้วประตูเปิดออกก็ตกลงมาจากชั้น 3 พอดี น็อกไปเลย ต้องหามส่งโรงพยาบาล ดีว่าไม่เป็นอะไร"

 

ตอนเด็กรู้สึกหรือเปล่าว่าตัวเองขาดอะไร?

 

          เป้ย - "เคยคิดค่ะ แต่เพราะความที่ลุงให้เรียกปะป๊า คุณป้าก็ให้เราเรียกหม่าม้า เราจึงจะมีเรียกทั้ง 2 ชื่อ และเขาก็จะบอกลูกของเขาว่าเราก็เป็นน้องด้วย เราจึงมีส่วนนี้มาช่วยเสริม"

 

เริ่มเข้าวงการได้ยังไง?

 

          เป้ย - "ตอนนั้นเป้ยย้ายมาเรียนที่สถาบันราชภัฏสงขลา คณะศิลปกรรมศาสตร์ มาเรียนใกล้แม่ ตอนปี 2 มีรุ่นพี่ส่งรูปและประวัติเป้ยไปสมัครดัชชี่บอย แอนด์ เกิร์ล 2001 ตอนนั้นเป้ยค่อนข้างอ้วน แต่ผิวขาว ผมยาว ซึ่งอาจเป็นเพราะเราหน้าขาวๆ ปากแดงๆ และตาโตๆ จึงได้รับการคัดเลือกขึ้นมาประกวดที่กรุงเทพฯ และได้ตำแหน่งรองอันดับ 2 พอได้ตำแหน่งแล้วชีวิตเปลี่ยนมากๆ เจอสิ่งแปลกๆ ใหม่ๆ ได้ออกงานต่างๆ ทำให้ต้องย้ายขึ้นมาอยู่กรุงเทพฯ แล้วก็โอนเข้ามาเรียนต่อที่จันทรเกษม ซึ่งตอนนี้ก็เรียนจบแล้ว และพอมาอยู่กรุงเทพฯก็ต้องดูแลตัวเอง รับผิดชอบตัวเองมากยิ่งขึ้น เพราะไหนจะเรียนและต้องทำงานไปด้วย จากเด็กต่างจังหวัดที่สังคมแคบๆ ก็ต้องเข้ามาอยู่กับสังคมใหญ่ๆ รู้จักกับสังคมมากขึ้น"

 

เคยใฝ่ฝันจะเข้าวงการหรือเปล่า?

 

          เป้ย - ”ไม่เคยคิดเลย คิดแค่อยากจะเป็นคุณครู ขายของ ซึ่งก็เป็นอย่างที่เราเล่นในสมัยเด็กๆ และตอนเข้าประกวดก็รู้สึกว่าประกวดก็ได้ ไม่ประกวดก็ได้ เป็นคนที่ไม่ค่อยกระตือรือร้น ตอนประกวดก็มีพี่ๆ จัดการให้หมดเลย"

 

เริ่มการแสดงเมื่อไหร่?

 

          เป้ย - "ในปีที่ได้รางวัลเลยค่ะ เล่นละครเรื่องแรก เมืองดาหลา ของอาตู่-นพพล(โกมารชุน) ต้องเล่นบทที่นอกใจสามีและก็ติดยา ซึ่งบทค่อนข้างแรง เล่นเรื่องแรกก็ได้บทยากเลย และในเรื่องต้องมีฉากเลิฟซีนค่อนข้างเยอะ เราก็เกร็งไปหมด ตอนเล่นละครแรกๆคือให้เล่นก็เล่นได้ไม่มีปัญหา สิ่งที่ไม่ชอบคือการเข้าสังคม เพราะเราจะคิดว่าทำไมต้องวางตัว เราจะซนๆ เหมือนเดิมไม่ได้แล้วหรือ มีข้อสงสัยเยอะแยะมาก ตัวเองจะเป็นคนที่ชอบเล่น ขี้อ้อน การวางตัวแรกๆ ก็อึดอัด"

 

จุดไหนที่เปลี่ยนความรู้สึกให้รักการแสดง?

 

          เป้ย - "เริ่มชอบจริงๆ ก็จากเรื่อง "เพลงผ้าฟ้าล้อมดาว" ซึ่งเล่นเรื่องที่ 3 แล้ว ในช่วงนั้นอาตู่ให้เล่นละครติดๆ กัน แรกๆ ก็สงสัยว่าทำไม แต่ต่อมาก็ทราบว่าอาเขาชอบเพราะเราเป็นตัวของเราและเรามีพลังในการเล่น ซึ่งเป้ยคิดว่าผู้ใหญ่ให้โอกาสถึงขนาดนี้เราก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด ซึ่งพอทำๆ ไปมันก็ใช่และก็เริ่มสนุก แอ๊คติ้งบางอย่างเราแสดงออกมาโดยที่เราไม่รู้ตัว และจะมีความสุขที่ได้ไปกองถ่าย ได้อ่านบท อยากจะรู้ว่าตอนต่อไปจะเป็นอย่างไร ซึ่งจะผิดกับเรื่องแรกๆ"

 

ชอบกับบทที่แรงๆ ที่ได้รับหรือเปล่า?

 

          เป้ย - "ชอบค่ะ เคยเล่นเรียบร้อยมาแล้วมันจะนิ่งๆ ไม่ค่อยมีอะไร เล่นแล้วจะแบนๆ แต่พอมาเล่นร้ายๆ หรือแรงๆ มันเหมือนกับเราได้มีอะไรในละคร มันสนุกดี ชอบที่จะเล่นอะไรที่ท้าทายดี"


อย่างหนัง "บางกอก แดนเจอรัส" ฉบับรีเมคเรื่อง "Big Hit in Bangkok" ที่เล่นกับดาราฮอลลีวู้ด "นิโคลัส เคจ" เป็นอย่างไรบ้าง?

 

          เป้ย - "ก็ดีค่ะ แต่เป้ยจะเข้าฉากกับเขาไม่มาก เพราะส่วนใหญ่เป้ยจะเล่นคู่กับชาคริต แต่ก็จะมีซีนร่วมกันด้วย เข้าฉากกับเขาวันแรกจะตื่นเต้นมากๆ จนอยากจะหยิกตัวเองว่าเราหลับอยู่หรือเปล่า มันงงๆ ไม่คิดไม่ฝันว่าตัวเองจะได้มาเล่นหนังกับนักแสดงระดับโลก เจอกันวันแรกเรามัวแต่ตะลึงเขาอยู่ เขามาทักเราก่อน เราฟังไม่รู้เพราะมัวแต่ตกใจ และยิ่งเข้าฉากกับเขาแล้วเขาจะโอเค.มากๆ ทำให้ผ่อนคลายลงได้เยอะมาก จนทุกวันนี้ก็ยังไม่เคยคิดเลยว่าจะมีโอกาสได้เล่นหนังระดับฮอลลีวู้ดแบบนี้ ไปกองถ่ายทุกครั้งยังตื่นเต้นทุกครั้งเลยค่ะ"

 

คิดเห็นอย่างไรที่คนมองว่าจะมาเป็นเซ็กซี่สตาร์คนใหม่?

 

          เป้ย - "จริงๆ เป้ยไม่ได้คิดอะไรขนาดนั้น โดยส่วนตัวคิดว่าตัวเองไม่เซ็กซี่เลย อย่างเป้ยเนี่ย กว่าจะเซ็กซี่ได้ ต้องแต่งหน้าต้องแต่งตัว เพราะถ้าคนได้เห็นเป้ยตอนที่แต่งตัวปกติจะรู้ว่าเป้ยเป็นเด็กกะโปโล แต่ก็ดีนะ ที่คนมองว่าเซ็กซี่ แต่เป้ยคิดว่ามันสูงเกินไปสำหรับตัวเองหรือเปล่า"

 

จากที่เป็นเด็กใส แล้วมาเซ็กซี่ ดูฮ็อตขึ้นหรือเปล่า?

 

          เป้ย - "ไม่นะ เป้ยเป็นเด็กกะโปโลเหมือนเดิม เพียงแต่หน้าที่การงาน บทบาทที่ได้รับในการแสดง หรือลุกต่างๆ คนจะจำเป้ยได้ในแนวแบบนี้มากกว่า ถ้าจะมองว่าเป็นจุดขายคงไม่ใช่ อยากให้มองว่าเป็นงานของเป้ย บทบาทแบบนี้เล่นแล้วคนยอมรับ เราก็เต็มที่ และเป้ยก็ไม่เคยรังเกียจหรือดูถูกกับคำว่าเซ็กซี่เลย"

 

กับการแสดงวางแผนไว้อย่างไรบ้าง?

 

          เป้ย - "ก็เรื่อยๆ เหมือนไหลไปตามน้ำ มีอะไรก็ทำ ได้พัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ อย่างตอนนี้ก้าวเข้ามาเล่นหนังก็พยายามจะศึกษา และพยายามให้เต็มที่ อยากจะเป็นนักแสดงจริงๆ ไม่ใช่เป็นแค่ดารา ซึ่งตอนนี้เป้ยรักมันมาก คิดว่าเป็นที่สุดของที่สุดแล้ว เพราะมันทำให้ชีวิตเราเปลี่ยนไป และเป้ยสามารถเลี้ยงแม่และเลี้ยงตัวเองได้ อยากจะเป็นนักแสดงที่ดีมีคุณภาพ ซึ่งถ้ามีคอร์สอะไรให้เรียนเรื่องการแสดงก็อยากเรียนเพิ่ม และที่ผ่านมาทั้งหนังละครที่เล่นจะขอเรียนแอ๊คติ้งเพิ่มอยู่แล้ว อย่างที่เล่นหนังกับนิโคลัส เคจ เป้ยก็ขอไปเรียนเต้นโคโยตี้ ไปเรียนภาษาเพิ่ม ขอเรียนแอ๊คติ้งเพิ่ม ซึ่งเขาก็จัดให้ค่ะ"

 

แล้วเรื่องเรียนต่อโทล่ะคิดมั้ย?

 

          เป้ย - "ถ้าต่อก็อยากต่อด้านครูค่ะ จะไม่ใช่ศิลปกรรมอย่างเดิมแล้ว ที่อยากต่อด้านครูเพราะอยากเน้นหนักไปทางนั้น คือมีความหวังว่าอยากจะเปิดโรงเรียนสอนศิลปะ ถ้าเราเรียนลึกๆ เรื่องการสอนมันก็จะสามารถไปสอนเด็กได้ ซึ่งจริงๆ แล้วเป้ยอยากทำงานหลายอย่างมาก ตอนนี้ก็มีเปิดร้านเสื้อผู้หญิงที่แพลตตินั่ม ประตูน้ำ ชั้นใต้ดิน ชื่อร้านลามู เพิ่งจะเริ่มทำกับพี่สาว แล้วก็มีร่วมหุ้นทำผับบาร์ยันทรี ที่รัชดาฯ และอยากเปิดร้านขายชุดชั้นใน แต่ยังไม่ได้เปิดซะที อยากเปิดที่ใต้ก่อนเป็นที่แรก เปิดให้แม่ และไม่อยากเปิดในกรุงเทพฯ ไม่อยากมาแย่งกันทำ อยากจะให้คนต่างจังหวัดได้ใส่ชุดชั้นในสวยๆ"

 

มองอนาคตอย่างไร?

 

           เป้ย - "ทุกวันนี้เริ่มมองเห็นว่า ถ้าเราไม่ได้เป็นนักแสดงตลอดไปและทำใจได้กับบทบาทในการแสดงต่อไปที่อาจจะได้รับกับบทบาทอื่นๆ ก็สามารถทำต่อไปได้เรื่อยๆ แต่ก็ต้องหาอาชีพสำรองไว้เผื่ออนาคต แต่งานอื่นๆ ที่ทำอยู่ในตอนนี้ สำหรับเป้ยเล้วไม่ได้คิดว่าเป็นการวางไว้สำหรับอนาคต ทำเพราะอยากทำ และดูว่าจะไปได้ขนาดไหนเหมือนเป็นการลองหาดู ซึ่งถ้าในอนาคตอะไรดีอาจจะหันไปทำแบบนั้นจริงจังเลยก็ได้ ส่วนงานแสดงก็ไปเรื่อยๆ แต่อนาคตก็ไม่รู้ว่าจะยังไง ก็พยายามอยู่ให้นานที่สุด เพราะตอนนี้มีนักแสดงเกิดใหม่เยอะมาก ทุกวันนี้ถือว่าเป้ยได้มาถึงจุดที่ไม่เคยฝันไว้ และจะสำนึกตัวเองเสมอว่า เราเป็นเด็กต่างจังหวัด อย่าลืมตัว อย่าคิดว่าตัวเองจะดังตลอดไป หรือจะมีภาพที่เซ็กซี่ตลอดไป สิ่งที่เราทำในเวลางานก็คือการแสดง แต่ชีวิตจริงจะเป็นตัวเองให้มากที่สุดค่ะ"

และนี่แหละ...คือชีวิตจริงของสาว "เป้ย"


ที่มา
: www.nangdee.com/


เป้ย ปานวาด, เป้ย ปานวาด หมายถึง, เป้ย ปานวาด คือ, เป้ย ปานวาด ความหมาย, เป้ย ปานวาด คืออะไร

ร่วมเป็นแฟนเพจเรา บน Facebook..ได้ที่นี่เลย!!

คำยอดฮิต

Sanook.commenu