วัดไตรมิตรวิทยาราม เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ตามหลักฐานการขอพระราชทานยกขึ้นเป็นพระอารามหลวงปี พ.ศ.2499 ระบุว่า สร้างตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาราวปี พ.ศ.2374 เดิมชื่อ “วัดสามจีนใต้” เนื่องจากมีชาวจีน ซึ่งเป็นมิตรสหายรักใคร่กัน 3 คน ร่วมแรงกันสร้างขึ้นเพื่อเป็นศาสนสถานที่บำเพ็ญกุศล
ภายในวัดไตรมิตรเป็นที่ประดิษฐานของ “พระสุโขทัยไตรมิตร” พระพุทธรูปทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นพระพุทธรูปสมัยสุโขทัย ปางมารวิชัย หล่อโลหะปิดทอง ที่มีส่วนผสมของทองคำสูงมาก เรียกว่า ทองเนื้อเจ็ดน้ำสองขา จากฐานองค์พระขึ้นไปเนื้อทองบริสุทธิ์ 40 % พระพักตร์มีเนื้อทอง 80 % ส่วนพระเกศมีน้ำหนัก 45 กิโลกรัม เป็นเนื้อทองบริสุทธิ 99.99 % ตัวองค์พระสูง 7 ศอก 1 คืบ 9 นิ้ว (3.98 เมตร) หน้าตักกว้าง 6 ศอก 5 นิ้ว (3.13 เมตร) มีพุทธลักษณะที่งดงามมาก ทองคำส่งประกายเหลืองอร่ามทั่วทั้งองค์
ก่อนจะมาเป็นพระพุทธรูปทองคำองค์เหลืองอร่ามอย่างที่เห็นในปัจจุบัน เดิมทีพระสุโขทัยไตรมิตรถูกโบกด้วยปูนทั่วทั้งองค์ ซึ่งสันนิษฐานว่าการโบกปูนหุ้มองค์พระนี้น่าจะทำกันในสมัยกรุงศรีอยุธยา เพื่อป้องกันข้าศึกที่หวังเผาลอกเอาทองไป
พระสุโขทัยไตรมิตรเคยประดิษฐานอยู่ที่ วัดพระยาไกร เขตยานนาวา กรุงเทพฯ มาก่อน กระทั่งเมื่อครั้งที่วัดพระยาไกรมีสภาพเป็นวัดร้าง และที่ดินของวัดถูกให้เช่าเป็นสถานที่ทำโรงเลื่อยจักร จึงได้มีการอัญเชิญพระสุโขทัยไตรมิตรไปประดิษฐานไว้ ณ วัดสามจีน หรือวัดไตรมิตรวิทยาราม เมื่อปีพ.ศ. 2478 โดยในขณะที่ทำการอัญเชิญพระสุโขทัยไตรมิตรขึ้นประดิษฐานในพระวิหารนั้น ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น เมื่อปูนที่หุ้มองค์พระอยู่ได้เกิดกะเทาะล่อนออกมา เผยให้เห็นถึงเนื้อในที่องค์พระพุทธรูปด้านในเป็นทองคำส่องประกายเหลืองทองอร่ามทั่วทั้งองค์ มีลักษณะที่งดงามและสมบูรณ์เป็นอย่างมาก
ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2535 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ โปรดเกล้าฯ พระราชทานนามพระพุทธรูปองค์นี้ว่า “พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร” ซึ่งเป็นนามของพระพุทธรูปทองคำที่ปรากฏอยู่ในจารึกของพญาลิไทสมัยสุโขทัย ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นพระพุทธรูปองค์นี้นั่นเอง
จากประวัติอันยืดยาวข้างต้น ปัจจุบันนี้ “พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร” เป็นที่เคารพนับถือของทั้งชาวไทยและต่างชาติเป็นอย่างมาก และเพราะทำเลที่ตั้งของวัดไตรมิตรอยู่ใกล้กับเยาวราช ในช่วงตรุษจีนของทุกปีจึงเต็มไปด้วยชาวไทยและชาวไทยเชื้อสายจีนแห่แหนกันมาไหว้พระทำบุญที่นี่
“นอกจากนี้ทางวัดยังมีแจกข้าวต้มฟรีให้กับผู้ที่มาไหว้พระ ตลอดจนประชาชนที่ผ่านไปมาบริเวณงานอีกด้วย”
สถานที่ตั้ง
สถานที่ตั้ง : ถนนเจริญกรุง เชื่อมกับถนนเยาวราช ตรงข้ามซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ
เวลาปิดเปิดช่วงตรุษจีน : “เปิดทั้งวันทั้งคืนตั้งแต่วันที่ 17-19 ก.พ.”
ที่มา www.palungdham.com