นพ. ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล เกิดเดือนตุลาคม พ.ศ.2493 เป็นชาวกรุงเทพมหานคร โดยกำเนิด จบแพทยศาสตรบัณฑิตศิริราช ปี 2519, ปริญญาโท 3 ใบ ได้แก่ สาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยมหิดล, โภชนาการชุมชน มหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์ ออสเตรเลีย และรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ผ่านอบรมนักบริหารระดับสูง ก.พ. ปี 2539
ตำแหน่งสำคัญๆ ในราชการ ตั้งแต่ปี 2520 เป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาล (ผอ.รพ.) อ.อุทุมพรพิสัย อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ, ผอ.รพ.เขาสมิง จ.ตราด, ผอ.รพ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี, รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดตราด และนนทบุรี, หัวหน้าสำนักงานควบคุมการบริโภคยาสูบคนแรกในปี 2534, นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดหนองคาย 6 ปี, รองเลขาธิการ อย., รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
ปี 2547 นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ 10 ก่อนลาออกไปสมัครเป็นผู้อำนวยการสำนักวิจัยระบบสาธารณสุข ระหว่างปี 2548-2549 ก่อนได้รับแต่งตั้งกลับมาเป็นเลขาธิการ อย.ในยุครัฐบาล "ขิงแก่" ได้รับรางวัลนายแพทย์สาธารณสุขดีเด่น ปี 2537
ข้อมูลเพิ่มเติม
นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปรียบเหมือนขุนพลทัพหน้ารบกับบริษัทยาข้ามชาติ เพราะเป็นคนกรุยทางเปิดการเจรจาต่อรองกับบริษัทยาก่อนใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตร (ซีแอล)
นี่เป็นคำเปรียบเปรยหมอศิริวัฒน์ กับตำแหน่งเลขาธิการ อ.ย.ขณะนั้น ก่อนที่น.พ.ท่านนี้จะโดนคำสั่งเด้งจากตำแหน่งดังกล่าวไปสู่ตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขเพื่อความเหมาะสม และด้วยสาเหตุนี้เองที่คล้ายแรงกระเพื่อมจากใต้น้ำ ผลักดันให้ข้าราชการในกระทรวงต่อต้านการกระทำของนายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ผู้ลงนามในคำสั่งย้าย
ปฏิกิริยาหลังมีคำสั่งย้ายหมอศิริวัฒน์ มีทั้งที่มาจากตัวหมอศิริวัฒน์เอง และบุคคลรอบข้างที่ทำงานร่วมกับหมอศิริวัฒน์จนขนาดที่ว่าเลิกยกมือไหว้กันเลยทีเดียว
นพ.ศิริวัฒน์ เปิดเผยถึงการเดินหน้าเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตัวเองว่า จะดำเนินการต่อสู้โดยการขอยื่นอุทธรณ์ตามกระบวนการไปยังสำนักงานข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ตามขั้นตอนกระบวนการข้าราชการ ส่วนจะฟ้องศาลปกครองหรือไม่ ขอปรึกษาผู้ใหญ่ด้านกฎหมายก่อน
นอกจากหมอศิริวัฒน์จะต่อสู้เพื่อตัวเองแล้วกรณี เครือข่ายผู้ป่วยและแพทย์ชนบทเป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่ต่อสู้ด้วย โดยทางเครือข่ายจะการถวายฎีกาในวันที่ 29 กุมภาพันธ์นี้ด้วย
หากการต่อสู้เพื่อเรียกร้องความถูกต้องของหมอศิริวัฒน์ประสบความสำเร็จ นั่นย่อมหมายความว่า บางทีอำนาจรัฐก็ไม่ใช่อานาจที่จะสามารถบันดาลทุกสิ่งได้อย่างที่ตั้งใจได้
ที่มา www.matichon.co.th