ความรู้ เกร็ดความรู้ สารานุกรม สารานุกรมออนไลน์ ความรู้รอบตัว ความรู้ทั่วไป พจนานุกรม เกมส์ เพลงใหม่ เพลง

วันไหว้พระจันทร์, วันไหว้พระจันทร์ หมายถึง, วันไหว้พระจันทร์ คือ, วันไหว้พระจันทร์ ความหมาย, วันไหว้พระจันทร์ คืออะไร
| เปิดอ่าน 0 | ความคิดเห็น 0
วันไหว้พระจันทร์

วันไหว้พระจันทร์

ชาวจีนจำนวนมากยังยึดถือธรรมเนียมประเพณีที่ถือปฏิบัติสืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน นั่นคือ การไหว้พระจันทร์ ในคืนขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 (ของจีน) บางท่านยังสงสัยอยู่ว่า ในเมื่อ นีล อาร์มสตรอง ขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์มาแล้ว ยังมีการไหว้พระจันทร์กันอยู่หรือ ครั้งแรกๆ เมื่อเป็นข่าวนี้ ชาวจีนเองก็ชะงักงันไปบ้างเหมือนกัน แต่ก็ไม่ถึงกับหยุดหรือเลิกการไหว้ ก็ยังคงถือปฏิบัติสืบกันมาจนปัจจุบัน

มาดูตำนานที่เล่าขานกันว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร

         เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า ที่ประเทศจีน ในรัชสมัยพระเจ้าไต้กั๋ง แห่งราชวงศ์เซียะ ได้มีการทำชลประทานให้แก่ประชาชน ที่ประกอบอาชีพทำไร่ทำนา   เง็กเซียนฮ่องเต้ จึงมีบัญชาให้โอรสทั้ง 10 แปลงเป็นดวงอาทิตย์ โดยให้ดวงอาทิตย์แต่ละดวงผลัดกันให้ความสว่าง และความร้อนวันละครั้ง แต่โอรสที่เป็นดวงอาทิตย์ไม่ยอมปฏิบัติตาม โดยให้แสงสว่างและความร้อนพร้อมกันทุกวัน จึงทำให้มนุษย์และสัตว์ล้มตาย แม่น้ำลำคลองเหือดแห้ง ป่าไม้ถูกทำลายเผาผลาญ
พระเจ้าไต้กั๋ง ทรงทำทุกวิถีทางที่จะช่วยบรรเทาความทุกข์ยาก ทรงบัญชาให้มีการฆ่าหมู ฆ่าแกะ เพื่อบวงสรวงบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เมื่อ เง็กเซียนฮ่องเต้ ได้รับการร้องทุกข์ ท่านจึงส่ง หู้ยี้ วีรเทพลงไปโลกมนุษย์ เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว
หู้ยี้ เป็นเทพกล้าหาญ และมีคู่ครองชื่อ ชั่งโอ๋ ซึ่งทั้งสองมีความรักต่อกันอย่างลึกซึ้ง และไม่ยอมพรากจากกัน ในเมื่อหู้ยี้ถูกส่งไปยังโลกมนุษย์ นางจึงได้ติดตามไปด้วย
          หู้ยี้ มีอาวุธประจำกายที่สำคัญ คือ ธนูวิเศษ สามารถยิงทุกสิ่งทุกอย่างบนฟากฟ้าได้อย่างแม่นยำ เขาได้ขึ้นไปที่ยอดเขาเทียนฉาน เพื่อขอร้องอาทิตย์ทั้งสิบหยุดการส่องแสงพร้อมๆ กันเสียที
แต่อาทิตย์ทั้งสิบไม่ยอมทำตาม แถมแผดแสงแรงกล้าเพิ่มยิ่งขึ้น หู้ยี้ เห็นว่าการขอร้องไม่เป็นผล จึงยิงอาทิตย์ทีละดวง เหลือดวงสุดท้ายขอชีวิตไว้ และให้สัญญาว่า จะแยกกันระหว่างกลางวันกับกลางคืน โดยตนเองจะให้แสงสว่างเฉพาะเวลากลางวันเท่านั้น
           นับแต่นั้นมา ผู้คนทั่วไปต่างมีความสุขอยู่กับการทำงานตอนกลางวัน และได้พักผ่อนในเวลากลางคืน จากนั้น หู้ยี้ กลับไปรายงานต่อ เง็กเซียนฮ่องเต้ แต่แทนที่เขาจะได้รับความชอบกลับโกรธแค้น โดยส่ง หู้ยี้ มาอยู่ในโลกมนุษย์ ส่วนภรรยาแยกไปอยู่บนสรวงสวรรค์

           หู้ยี้ กลายเป็นชาย(โสด)พเนจร รอนแรมไปจนได้พบกับ ไหมเฟย เทพธิดาแห่งลุ่มน้ำไล (ซึ่งมีคู่ครองอยู่แล้วชื่อ เฟงหยี เทพแห่งคงคา) ทั้งสองต้องชะตากัน ต่างคนต่างลืมคู่ครองเดิมเสียสิ้น
เฟงหยี พอรู้ข่าวถึงโกรธแค้น แปลงร่างเป็นมังกรขาว ออกอาละวาดทำลายบ้านช่องเรือกสวนไร่นาเสียสิ้น ฝ่ายหู้ยี้ คิดว่าเป็นปีศาจจากแม่น้ำ จึงยกธนูขึ้นยิง ถูกเบ้าตาเฟงหยี ถึงกับตาบอดสนิท
เมื่อเฟงหยีต้องธนูตาบอดแล้ว แทนที่ระงับสติอารมณ์ กลับไปเกณฑ์มังกรจากแม่น้ำ 9 แห่ง รวมกันบันดาลให้เกิดฝนตกน้ำท่วม เกิดความเสียหายเป็นจำนวนมาก
            กาลเวลาผ่านไป ชีวิตคู่บางคู่แยกกัน แต่สำหรับหู้ยี้กับชั่งโอ๋ ดูเหมือนว่าจะสุกๆ ดิบๆ อย่างเช่น หู้ยี้ออกล่าสัตว์มาเป็นอาหาร แต่ชั่งโอ๋ แม่ตัวดี กลับไม่ต้องการ หล่อนต้องการลูกท้อและผลไม้เท่านั้น ความขัดแย้งจึงเกิดขึ้น โดยฝ่ายชายยอมลดความแข็งกร้าว แต่ก็เตือนสติหล่อนว่า “ขืนโกรธบ่อยๆ จะทำให้แก่เร็วนะ”

ฝ่ายชั่งโอ๋ แกล้งเขิน คว้ากระจกมาส่องหน้าหาความชรา พบว่ามีรอยตีนกา ปรากฏอยู่ชัดแจ้ง จึงอ้อนวอนหู้ยี้ ให้ไปหายาประเภทกินแล้วให้เป็นสาวสวยอมตะ
            หู้ยี้เองอยากหาโอกาสออกไปข้างนอก จึงรีบรับคำ ใจเองจะไปหาไหมเฟย แต่ต้องคำสั่งห้ามของเง็กเซียนฮ่องเต้ ก็เลยไม่กล้า และนี่เอง คือสาเหตุของการเกิดความเครียด เกิดอารมณ์หงุดหงิด จึงหันไปหาสุรายาดองของเมา
หู้ยี้ ได้ เฟงเหม็ง เป็นศิษย์มาเรียนธนู แต่หารู้ไม่ว่า เฟงเหม็ง เป็นศิษย์ชู้กับ ชั่งโอ๋ อย่างลับๆ แต่เมื่อหู้ยี้ต้องการไปหายาวิเศษ เฟงเหม็งก็ได้ให้คำแนะนำ โดยให้หู้ยี้ไปขอกับแม่หลวงที่บนยอดเขาคุนลุ้น หู้ยี้ต้องทนกับความลำบากในการไต่เขาขึ้นไปพบเจ้าแม่หลวง จนได้ยาวิเศษ 1 เม็ด สมความตั้งใจและเอาใจเมีย
ยาเม็ดนี้ สรรพคุณเหลือล้น คือ ผู้ใดผู้หนึ่งกินยาเม็ดนี้เข้าไป ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 จะสามารถขึ้นสวรรค์ได้ แต่ถ้า 2 คนแบ่งกันกินคนละครึ่งเม็ด ทั้งคู่จะมีชีวิตเป็นอมตะ
            ครั้นถึงวันขึ้น 12 ค่ำ เดือน 8 ซึ่งเหลืออีก 3 วัน จะถึงกำหนด หู้ยี้ ได้ทราบว่า มียาหยกทิพย์ที่บนเขาเทียนซาน สามารถทำให้ผู้หญิงนั้นสาวสวยเป็นอมตะชั่วนิรันดร์ หู้ยี้ จึงได้เดินทางไปเอายาหยกทิพย์ แต่เขาไม่ได้บอก ชั่งโอ๋ รู้ เพื่อเซอร์ไพรส์
            สามวันผ่านไป ชั่งโอ๋ ไม่เห็นหู้ยี้กลับมา นางจึงได้ถามเฟงเหม็ง เฟงเหม็งก็ถือโอกาสโกหกนางว่า หู้ยี้ น่าจะเลยไปหา ไหมเฟย มั้ง เพียงแค่นั้น ชั่งโอ๋ โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ พอตกกลางคืน นางไปยืนตาเหม่อลอยไปที่ดวงจันทร์ พร้อมกับยาอมตะและระลึกถึงความสุข ไม่ต้องมาทุกข์ยากเหมือนอยู่ในโลกมนุษย์
ขณะที่ชั่งโอ๋ระลึกรวมถึงความสับสนต่างๆ หูก็แว่วเสียงควบม้าและคิดว่าเป็นหู้ยี้ นางจึงกลืนยาวิเศษ ทันใดนั้นนางรู้สึกตัวเบา พอดีกับหู้ยี้เห็นชั่งโอ๋ กำลังลอยสูงขึ้นๆ พร้อมกับชูยาหยกทิพย์ให้นางดู แต่มันสายไปแล้ว เล่นเอาหู้ยี้ ปายาทิ้ง และหมายจะใช้ธนูยิงเธอ แต่ไม่กล้า
           ส่วน ชั่งโอ๋ นั้นเล่าแทนที่จะได้ไปสวรรค์ แต่เมื่อมาทรยศโดยหนีหู้ยี้มาตามลำพัง จึงกลัวความผิด นางจึงเปลี่ยนไปดวงจันทร์แทน หู้ยี้ เห็นเหตุการณ์โดยตลอด แต่ด้วยความรัก ความสงสาร และไม่กล้าทำร้ายเธอ ในที่สุดการพึ่งพาสุราของหู้ยี้ ทำให้เขาถูกฆ่าตาย
ชั่งโอ๋ เมื่อไปถึงดวงจันทร์ เห็นภาพสามีถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม ถึงกับโศกเศร้าเสียใจ และถือว่าทั้งหมดเป็นความผิดของเธอเอง แต่ทุกสิ่ง ทุกอย่าง มันสายเกินแก้ ใช่แต่นางจะตัดขาดจากสวรรค์ นางยังตั้งปณิธานที่จะอยู่ตัวคนเดียวไปจนชั่วนิรันดร์
            ด้วยความเด็ดเดี่ยว มั่นคง อย่างยากที่จะหาใครเทียมได้ ชาวจีนจึงได้ระลึกถึงอยู่เสมอ โดยทุกปี ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ชาวจีนจะกราบไหว้ขอพรจากพระจันทร์ นั่นมีเทพธิดา ชั่งโอ๋ รออยู่ โดยการทำขนมไหว้พระจันทร์เป็นเครื่องเซ่นไหว้นั่นเอง

 ภาพและที่มา  www.bloggang.com

 

วันไหว้พระจันทร์, วันไหว้พระจันทร์ หมายถึง, วันไหว้พระจันทร์ คือ, วันไหว้พระจันทร์ ความหมาย, วันไหว้พระจันทร์ คืออะไร

ร่วมเป็นแฟนเพจเรา บน Facebook..ได้ที่นี่เลย!!

คำยอดฮิต

Sanook.commenu