:: ประวัติย่อ :: ในช่วงปีแรก ๆ ของการเข้าสู่วงการแสดง นิโคลัส คิม คอปโปลา หรือ นิโคลัส เคจ ต้องมุมานะและทุ่มเททำงานอย่างหนัก ด้วยความตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะไม่อาศัยชื่อเสียงของ ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปลา ผู้เป็นลุง มาเป็นเครื่องกรุยทาง และเขาจะต้องประสบความสำเร็จในวงการได้ด้วยความสามารถของตนเอง
แม้เคจจะเลือกเส้นทางของตนเอง แต่ความสนิทสนมกับลุง จากการตามครอบครัวไปมาหาสู่กันในช่วงวันหยุดฤดูร้อนหลายครั้ง เขาจึงซึมซับเอาความซาบซึ้งในศาสตร์แห่งภาพยนตร์เข้าไว้ในตัวทีละน้อย ๆ พ่อของเขาซึ่งเป็นอาจารย์ด้านวรรณคดีเปรียบเทียบ ก็เป็นอีกแรงผลักดันหนึ่งที่ทำให้เขามีความซาบซึ้งในศิลปะ เมื่อได้รับแรงบันดาลเสริมจากภาพยนตร์เรื่อง East of Eden เคจจึงตัดสินใจเข้าเรียนการแสดงที่ อเมริกัน คอนเซอร์วาโทรี่ เธียร์เตอร์
เขาเริ่มงานแสดงครั้งแรก โดยได้รับบทเล็ก ๆ ในหนังคลาสสิคเรื่อง Fast Times at Ridgemont High (1982)
หลังจากผลงานในเรื่องแรก เคจจึงเริ่มค้นหนังสือการ์ตูน มาร์เวล คอมิคส์ เพื่อหาชื่อใหม่ที่เขาจะใช้สร้างชื่อเสียงไต่เต้าด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องพึ่งบารมีของลุงหรือใคร ๆ
จนกระทั่งเขาได้พบตัวละครชื่อ ลุค เคจ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ นิโคลัส เคจ ที่เขาใช้อยู่จนถึงปัจจุบัน เมื่อได้ชื่อใหม่แล้ว เขาจึงร่วมงานกับลุงของเขา ในเรื่อง Rumble Fish (1983) ซึ่งเป็นหนังเรื่องแรกที่ทำให้ผลงานของเขาเริ่มเป็นที่รู้จักขึ้นมาบ้างอย่างแท้จริง
บทบาทที่มีทั้งความน่าสนใจและสนุกสนานที่เขาได้รับใน Moonstruck (1987) ตลอดจนผลงานคลาสสิคเรื่อง Raising Arizona (1987) และผลงานของ เดวิด ลินช์ เรื่อง Wild at Heart (1990) ทำให้นักแสดงหนุ่มผู้นี้เริ่มมีแฟน ๆ จำนวนหนึ่งที่คอยติดตามผลงานของเขา เขาเดินหน้าสร้างความท้าทายให้กับอาชีพนักแสดงของเขา ด้วยการรับบทที่หลากหลายอย่างมาก ในหนังใหม่แต่ละเรื่องที่เขาแสดง จนผู้กำกับ เดวิด ลินช์ ให้ฉายาเปรียบเปรยเคจไว้ว่า “พ่อนักดนตรีแจ๊ซแห่งโลกการแสดง”
ตัวอย่างของความทุ่มเทอย่างหนักของเคจในการทำงาน เห็นได้จากผลงานเรื่อง Leaving Las Vegas (1995) ที่สร้างจากเรื่องจริง เขารับบทเป็นนักเขียนผู้ติดเหล้างอมแงมคนหนึ่ง ที่ตั้งหน้าตั้งตาดื่มอย่างหนักเพื่อจะได้ตายไปจากโลกนี้เสียเลย เคจเตรียมตัวรับบทนี้ด้วยการกระดกเหล้าจนเมาจริง ๆ แล้วบันทึกภาพตนเองไว้
จากนั้นจึงกลับมาศึกษาการเคลื่อนไหวและท่าเดินตุปัดตุเป๋ ตลอดจนน้ำเสียงอ้อแอ้ของตัวเองเพื่อนำไปใช้ในการแสดง ผลปรากฏว่า เขาได้รับรางวัลออสการ์นักแสดงนำชายยอดเยี่ยมไปครองจากบทนี้
บทใหม่แต่ละบทที่เคจรับ ดูจะสร้างบุคลิกใหม่ให้กับเขาเสมอ เขาหันมาแสดงหนังแอ๊คชั่นโดยเริ่มจากเรื่อง The Rock (1996) แล้วตามด้วยอีกสองเรื่องรวด คือ Con Air และ Face/Off ในปีถัดมา เขาเคยกล่าวว่า “การจะเป็นนักแสดงที่ดีได้นั้น คุณจะต้องเป็นเหมือนอาชญากร คือพร้อมที่จะแหกกฎและดิ้นรนหาสิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ”
ค่าตัวของเคจทะยานจนทะลุหลัก 20 ล้านดอลลาร์ จากเรื่อง Gone in 60 Seconds (2000) ผลงานในช่วงปีหลัง ๆ ของเขายังมี Captain Corelli's Mandolin ซึ่งเป็นเรื่องราวความรักในฉากหลังของสงครามโลกครั้งที่ 2 ในประเทศกรีซ ซึ่งเคจแสดงคู่กับ เพเนโลเป ครู๊ซ นอกจากนี้ ในปี 2002 เขาแสดงนำในเรื่องราวเกี่ยวกับการค้นหาจิตวิญญาณ ท่ามกลางสภาพการสู้รบของสงคราม ในเรื่อง Windtalkers
ปัจจุบัน เคจใช้ชีวิตอยู่ในคฤหาสน์ย่านชานเมืองลอสแองเจลิส เขาชอบสะสมรถยนต์ และมีรถ เฟอร์รารี่ และ ลัมบอร์กินี่ จอดอยู่ในโรงรถหลายคันด้วยกัน
ผลงานที่ผ่านมา
Matchstick Men
The Rock
Con Air
Leaving Las Vegas