รัฐบาลสยามลงนามในสนธิสัญญาเบอร์นี
20 มิถุนายน พ.ศ. 2369 รัฐบาลสยาม ลงนามใน สนธิสัญญาเบอร์นี (Burney Treaty) กับอังกฤษ นับเป็นสนธิสัญญาทางพระราชไมตรีและการพาณิชย์ฉบับแรกที่ไทยได้ทำกับประเทศตะวันตก ในสมัยรัตนโกสินทร์ ทั้งนี้ ร้อยเอกเฮนรี เบอร์นี (Henry Burney) ทูตของอังกฤษ เข้ามาเจริญสัมพันธไมตรีกับไทย ในปี 2368 ตรงกับรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 โดยมีความประสงค์ที่จะขอเปิดสัมพันธไมตรีกับไทย และขอความสะดวกในการค้าได้โดยเสรี เขาต้องใช้เวลาถึง 5 เดือนจึงสามรถทำสนธิสัญญากับไทยได้สำเร็จ โดยจัดทำขึ้น 4 ภาษาได้แก่ ไทย อังกฤษ โปรตุเกส และมลายู สนธิสัญญาเบอร์นีมีสาระสำคัญได้แก่ อนุญาตให้พ่อค้าไทยทำการค้ากับพ่อค้าอังกฤษได้อย่างเสรี รัฐบาลไทยจะเก็บภาษีจากพ่อค้าอังกฤษตามความกว้างของปากเรือ เจ้าพนักงานไทยมีสิทธิ์ลงไปตรวจสอบสินค้าของพ่อค้าชาวอังกฤษ และชาวอังกฤษที่เข้ามาค้าขายในเมืองไทยจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายไทยทุกประการ การทำสนธิสัญญาเบอร์นีก่อให้เกิดการขยายตัวด้านการค้าต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในโครงสร้างเศรษฐกิจไทย 2 ประการคือ ทำให้รัฐต้องปรับวิธีการหารายได้และเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ในรูปภาษีมากขึ้น และก่อให้เกิดการผลิตเพื่อการค้าส่งออกเพิ่มขึ้น ในปลายสมัยรัชกาลที่ 3 รัฐได้หันกลับมาใช้นโยบายการค้าผูกขาดอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงในสนธิสัญญาเบอร์นี ก่อให้เกิดปัญหาทางการค้าระหว่างไทยกับอังกฤษ นำไปสู่การทำ สนธิสัญญาเบาริง (Bowring treaty) ในปี 2398 ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 4 ซึ่งไทยต้องยอมรับระบบการค้าเสรีของอังกฤษในที่สุด
รัฐบาลสยามลงนามในสนธิสัญญาเบอร์นี, รัฐบาลสยามลงนามในสนธิสัญญาเบอร์นี หมายถึง, รัฐบาลสยามลงนามในสนธิสัญญาเบอร์นี คือ, รัฐบาลสยามลงนามในสนธิสัญญาเบอร์นี ความหมาย, รัฐบาลสยามลงนามในสนธิสัญญาเบอร์นี คืออะไร
ร่วมเป็นแฟนเพจเรา บน Facebook..ได้ที่นี่เลย!!