21 มีนาคม วันสากลแห่งการยุติการแบ่งแยกเชื้อชาติ
ความขัดแย้งแบ่งแยกในทุกกรณี หากเกิดจากการขาดสติไม่ไตร่ตรองให้รอบคอบ ผลเสียย่อมเกิดขึ้นแน่นอนซึ่งบางครั้งอาจรุนแรงมากจนเกินคาดคิด พี่แขกคิดว่าวิธียุติโดยใช้ "การฑูตนำการทหาร" สมัยสมเด็จพระนารายณ์ฯ น่าสนใจนะคะ โดยเฉพาะบรรยากาศทางการเมืองที่กำลังตึงเครียดของเมืองไทยขณะนี้ควรนำวิธีนี้ไปพิจารณาใช้ก็น่าจะดีไม่น้อย มนุษย์ทุกคนเท่าเทียมกัน ไม่ได้หมายถึงฐานะความเป็นอยู่หรือกระเป๋าเงิน แต่หมายถึงต้นกำเนิดในทางวิทยาศาสตร์
โลกคือสะเก็ดดาวที่แตกตัวออกมาจากดวงอาทิตย์เมื่อประมาณ 45,000,000,000 ปี (สี่หมื่นห้าพันล้านปี) มาแล้ว และจากการคำนวณพบว่าโลกจะหมุนรอบดวงอาทิตย์ช้าลง ช้าลง ในอัตรา 5 วันต่อร้อยล้านปี ทำให้ในอีกไม่นานโลกจะหยุดหมุน
ช่วงแรกโลกถูกห่อหุ้มไปด้วยก๊าซมีเทน, ไนโตรเจน, ไฮโดรเจนไซยาไนท์, แอมโมเนีย,ไฮโดรเจนซัลไฟด์และคาร์บอนไดออกไซด์ ก่อให้เกิดสารอินทรีย์ขึ้นมากลุ่มหนึ่งคือ กรดอะมิโน ฟอร์มาลดิไฮด์ เพียวริน, น้ำตาล, ไพริมิดีนและนิวคลีโอไซด์ ต่อมาเมื่อฝนตกจนบางส่วนของโลกกลายเป็นทะเล สารอินทรีย์เหล่านั้นเกิดการผสมผสานทำปฏิกิริยากันกลายเป็นโมเลกุล จากนั้นเกิดกระบวนการปรับตัวเองของชีวโมเลกุลกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ประกอบด้วย 3 สิ่ง คือ 1. มียีนเป็นพันธุกรรมของตัวเอง 2. สร้างพลังงานขึ้นใช้เอง และ 3. สืบพันธุ์ได้
วิวัฒนาการ ( Evolution ) หมายถึง สิ่งมีชีวิต ที่มีการเปลี่ยนแปลงทีละน้อยติดต่อกันเป็นเวลายาวนาน ก่อนจะมาเป็นมนุษย์จึงมีวิวัฒนาการการตามลำดับขั้นดังนี้ค่ะ
19 ล้านปีที่ผ่านมาเป็นยุคของต้นตระกูลของลิงไม่มีหางคือยุค โปรคอนเซา แอฟริกานัส ( Proconsul africanus ) 12-14 ล้านปีเป็นยุคของลิงไม่มีหางที่สามารถจะเดินตัวตรงได้ คือ ยุค รามาพิเทคัส ( Ramapithecus sp. ) 5-6 ล้านปี เป็นยุคที่ลิงเดินสองเท้าได้ดีและพบว่ามีเนื้อสมองประมาณ 450 - 700 ลูกบาศก์เซนติเมตร เรียกว่ายุค ออสตราโลพิเทคัส ( Australoithecus sp. ) 3 ล้านปีที่ผ่านมาเกิดมนุษย์ยุคแรกลักษณะคล้ายเอพ ( เอพ เป็นพวกลิงไม่มีหางมี 4 ชนิดใหญ่ ๆ คือ ชะนี ,อุรังอุตัง, กอลิลลา และ ชิมแพนซี ) มีขนาดเนื้อสมอง 600 - 800 ลูกบาศก์เซนติเมตร สามารถสร้างเครื่องมือเองได้เช่น ขวานเป็นต้น เรียกว่ายุค โฮโมฮาบิลิส ( Homo habillis ) จน 1 ล้านปีที่ผ่านมา พบบรรพบุรุษของมนุษย์ คือ มนุษย์ ชวา (นี่แหละต้นกำเนิดมนุษย์) พบว่ามีเนื้อสมองประมาณ 750 - 1,200 ลูกบาศก์เซนติเมตร รู้จักทำเครื่องมือล่าสัตว์ คือยุค โฮโมอิเรกตัส ( Homo erectus )
เชื่อหรือยังคะว่าพวกเราทุกคนในโลกเป็นพวกเดียวกัน แต่กระนั้น ความขัดแย้ง การแบ่งแยกก็ยังเกิดขึ้นในทุกส่วนของโลก เกิดปัญหาแล้วตามมาด้วยความเจ็บปวดเสียใจ จึงมีความคิดและความพยายามหยุดยั้งโดยกำหนดให้มีวันสำคัญเพื่อเป็นที่จดจำของทุกคนคือ "วันสากลแห่งการยุติการแบ่งแยกเชื้อชาติ" ขึ้น กำหนดให้เป็นทุกวันที่ 21 มีนาคม ค่ะ โดยองค์การ ยูเนสโก เป็นผู้ริเริ่มและประกาศไปเมื่อปีค.ศ.2005 ที่ผ่านมา ณ เวทีเยาวชนนานาชาติ ที่เมือง พอร์ต ออฟ สเปน (ตรินิแดด และ โตเบโก ) เพื่อระดมพลังโรงเรียนต่อต้านการเหยียดสีผิว การเลือกปฏิบัติ และการกีดกัน การแบ่งแยก เป็นกิจกรรมต่อเนื่องจากปีสากลเพื่อรำลึกถึงการต่อต้านและการเลิกการค้าทาส เมื่อปี ค.ศ.2004
มีเรื่องราวเกี่ยวกับการแบ่งแยกเชื้อชาติ การเหยียดสีผิวที่ศึกษา เช่น ในมหาสมุทรอินเดีย มีผู้พบซากเรืออับปางอยู่ใต้ทะเลเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน ค.ศ.1776 และใกล้ ๆ กันคือเกาะเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ที่มีเพียงผู้หญิง 7 คน กับเด็กทารก 1 คน อยู่บนเกาะ จากการสอบถามจึงได้ทราบว่า พวกเธอคือ "ทาสผิวดำ" ชาวมาดากัสการ์ ที่ถูกลักลอบขนมากับเรือรบของฝรั่งเศสชื่อเรือ อูตีล เมื่อ 15 ปีก่อน เรื่องมีอยู่ว่า พวกเธอเป็นส่วนหนึ่งของทาสทั้งหมด 60 คนที่เหลืออยู่บนเกาะนี้ เมื่อเรืออับปางทุกคนบนเรือขึ้นมาอาศัยบนเกาะนี้และมีการสร้างเรือขึ้นมาใหม่ แต่ไม่สามารถบรรทุกคนไปได้หมด จึงไปกันเพียงแค่ลูกเรือฝรั่งเศส 122 นาย และทิ้งพวกทาสทั้งหมดไว้บนเกาะนี้แล้วสัญญาว่าจะมารับ แต่ก็เงียบหายไป อีกเรื่องคือ ไม่น่าเชื่อว่า บทสวดของเด็ก ๆ ผิวดำในโรงเรียนในเมือง เบอร์กินา ฟาโซ ประเทศแอฟริกา มีว่า
"พระเจ้า ผมไม่อยากไปโรงเรียนอีกต่อไป ได้โปรดเถิด ผมขอร้อง อย่าให้ผมไปโรงเรียนอีกเลย" เพราะโรงเรียนที่นี่เมื่อปีค.ศ. 1950 อยู่ใต้การปกครองของฝรั่งเศส เมื่อเด็กอายุครบ 7 ขวบและต้องไปโรงเรียน พวกเด็ก ๆ จะถูกห้ามไม่ให้พูดภาษาตัวเอง แต่ถูกบังคับให้พูดภาษาฝรั่งเศส ต้องเรียนรู้เรื่องราวของฝรั่งเศสทำให้เด็ก ๆ อึดอัดมาก ที่เห็นชัดเจนมากในเรื่องการแบ่งแยกเชื้อชาติก็เช่นการกำหนด "วรรณะ" ของประชาชนของประเทศอินเดีย ซึ่งค่านิยมปลูกฝังให้คบหาสมาคมเฉพาะคนใน วรรณะ เดียวกันเท่านั้น
สำหรับประเทศไทยก็มีปัญหาหนึ่งที่สำคัญไม่น้อยคือปัญหา "คนไร้สัญชาติและคนไร้รัฐ" คนไร้สัญชาติ ( Nationalityless ) คือคนไม่มีสัญชาติของประเทศใด ๆ เลยในโลก ไม่ได้รับการยอมรับให้สิทธิอาศัยที่ใดเลยในโลก บุคคลเหล่านี้จึงกลายเป็นคนต่างด้าว ผิดกฎหมายของทุกประเทศ กลายเป็น คนไร้รัฐ ( Stateless ) ปัญหาสำคัญของพวก "คนไร้สัญชาติและคนไร้รัฐ" คือการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนขึ้นพื้นฐาน การไม่ยอมรับให้มีบัตรประชาชน ไม่มีโอกาสเรียนหนังสือ หรือ ถึงแม้ได้เรียนหนังสือ เมื่อจบออกมา การหางานทำก็เป็นสิ่งที่ยากยิ่ง
คนอีกประเภทที่เป็นปัญหาของไทยคือ "คนสองสัญชาติ" ซึ่งมักเป็นคนในพื้นที่แถบชายแดนติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น แถวจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย การแก้ไขปัญหาเหล่านี้ควรดำเนินการอย่างรอบคอบและควรนึกถึงหลักมนุษยธรรมด้วย
มีอีกเรื่องที่น่าคิด ก็เรื่อง "หลักเกณฑ์ในการถือหุ้นของคนต่างด้าว" ค่ะ เป็นเรื่องใหญ่ ที่คนไทยทุกคนสนใจมาก พี่แขกมีเกร็ดเล็ก ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้มาฝากด้วยค่ะ ประเทศไทยระบุให้คนต่างด้าวถือหุ้นในกิจการต่าง ๆ ได้ไม่เกิน 50% แต่มีข้อยกเว้นคือ หากได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะสามารถถือหุ้นได้ถึง 100%
ประเทศสหรัฐฯ การถือหุ้นของคนต่างด้าว ขึ้นอยู่กับกฎหมายของแต่ละรัฐ ที่ประเทศออสเตรเลีย ต้องจดทะเบียนหุ้นไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท จึงจะได้สิทธิถือหุ้นสูงสุดถึง 85% โดยขั้นต่ำอยู่ที่ 15% ส่วนประเทศญี่ปุ่น คนต่างด้าวที่ถือหุ้นเกิน 50% จะถูกควบคุมดูแล สำหรับเยอรมนีและฝรั่งเศสไม่มีการกำหนดไว้
ที่มา หนังสือพิมพ์แนวหน้า
https://www.panithatyai.ac.th/test/bghcchotnews18.html
