เนะโกะมะตะ หรือ แมวผี (ญี่ปุ่น: 猫又 Nekomata ?) มีเรื่องเล่ามาว่า เมื่อแมวบางตัวมีอายุมากจะมีตบะสูงขึ้น แล้วกลายเป็นแมวผี ที่เรียกว่าบะเกะเนะโกะ (化け猫) ซึ่งมีหลายวิธีที่มันจะสามารถกลายเป็นบะเกะเนะโกะได้ และเมื่อหางมันแยกออกเป็น 2 หาง มันถึงจะพัฒนากลายเป็นเนะโกะมะตะ ซึ่งเนะโกะมะตะสามารถขยายตัวได้ถึง 1 เมตร และส่วนมากจะเดินด้วยขาหลัง 2 ขา และมันเป็นผีที่ไม่ยอมให้ใครมาดูถูก ถ้าใครปฏิบัติกับมันไม่ดี มันจะจดจำอย่างฝังใจ เชื่อกันว่าการเต้นรำของเนะโกะมะตะสามาถควบคุมคนตายได้ และยังเชื่ออีกว่าเนะโกะมะตะเป็นสาเหตุของเพลิงไหม้ที่ผิดปกติ จึงมีความเชื่อบางอย่างที่จะตัดหางแมวออกซะ เพื่อป้องกันไม่ให้มันกลายเป็นเนะโกะมะตะ
เรื่องเล่าของเนะโกะมะตะ แตกต่างกันไปตามแต่ละพื้นที่ บ้างก็เชื่อว่าเนะโกะมะตะจะกิน แม้กระทั่งเจ้านายของตัวเอง และการที่ทิ้งแมวไว้กับศพเป็นเรื่องที่เสี่ยงมาก เพราะมันอาจจะปลุกศพให้คืนชีพ และควบคุมศพได้ แต่ขณะเดียวกันก็มีเรื่องที่เล่าถึงเนะโกะมะตะซึ่งหลงรักเจ้านายของตน และแปลงร่างเป็นสาวงามเพื่อใช้ชีวิตด้วย
มะเนะกิเนะโกะ แมวกวัก (ญี่ปุ่น: 招き猫 maneki-neko ?) เป็นรูปปั้นแมวตามความเชื่อของชาวญี่ปุ่นว่าจะนำโชค นำลาภ สำหรับร้านค้าก็จะดึงดูดลูกค้าให้เข้าร้านเช่นเดียวกับนางกวักของไทย หน้าตาของแมวกวักคล้ายคลึงกับแมวพันธุ์พื้นเมืองของญี่ปุ่นชนิดหนึ่งที่ไม่มีหางที่เรียกว่า เชอแปนิสบ๊อบเทล (Japanese Bobtail)
ตำนานของแมวกวักมีหลายเรื่อง เรื่องที่ขึ้นชื่อ คือ เรื่องที่เล่ากันว่าเกิดขึ้นในยุคเอะโดะ มีหญิงชราคนหนึ่ง ยากจนมาก แต่นางมีแมวเลี้ยงอยู่ตัวหนึ่งและรักแมวมาก มีกินก็กินร่วมกับแมว อดก็อดพร้อมกับแมว จนในที่สุดก็ไม่สามารถเลี้ยงไหว จึงนำไปปล่อย คืนนั้นเอง นางก็นอนเสียใจร้องไห้ทั้งคืน กระทั่งฝันว่าแมว มาบอกกับนางว่า ให้ปั้นรูปแมวจากดินเหนียวแล้วนางจะโชคดี เช้าวันรุ่งขึ้น หญิงชราจึงตื่นขึ้นมาปั้นแมวจากดินเหนียว ไม่ทันไรก็มีคนแปลกหน้าเดินผ่านหน้าบ้านขอซื้อตุ๊กตาแมวตัวนั้นจากนางไป จากนั้นนางก็เพียรปั้นแมวขึ้นมาอีกตัวแล้วตัวเล่า ตุ๊กตาแมวจากการปั้นของนางก็มีผู้มาขอซื้อไปตลอดเวลา นางจึงเริ่มมีเงินทองจากการขายตุ๊กตาแมว และสามารถนำแมวเลี้ยงสุดที่รักของนางกลับมาเลี้ยงได้อีกครั้งหนึ่ง ตั้งแต่นั้นมา จึงเป็นที่ร่ำลือว่า แมวเป็นสัตว์นำโชค และมีการปั้นและวางแมวกวักไว้ตามที่ต่าง ๆ
ปัจจุบัน ในประเทศญี่ปุ่นหรือแม้แต่ในประเทศไทยเองก็ตาม สามารถพบเห็แมวกวักอยู่ทั่วไป มีหลากหลายขนาดและสีสัน บางส่วนก็ทำกลไกให้มือซ้ายสามารถขยับในลักษณะกวักเข้าหาตัวได้ด้วย ในขณะที่มืออีกข้างนึงก็ถือเหรียญไว้ เพราะมีความเชื่อว่า ถ้าแมวที่เลี้ยงไว้ยกขาหน้าขึ้นเสมอหูข้างซ้ายแล้ว จะมีคนมาหา ถ้าเป็นร้านค้าก็จะมีลูกค้าเข้าร้าน
ปีศาจแมวโคมะ เป็นปีศาจที่ปรากฏในตำนานของประเทศญี่ปุ่น เป็นปีศาจแมวผู้ภักดีต่อนาย ที่ปรากฏตัวในเรื่อง"คดีปีศาจแมวแห่งนาเบชิมะ" เป็นหนึ่งใน 3 ตำนานปีศาจแมวที่ได้รับการกล่าวขวัญถึงพอ ๆ กับที่โอกาซากิและอาริมะ มักจะเอามาเล่นเป็นละคร ละครเสภา และภาพยนตร์
ปีศาจแมวมักเป็นกึ่งภูติกึ่งสิ่งมีชีวิต หรือภูติจำแลง แต่โคมะเป็นปีศาจที่ได้รับถ่ายทอดความแค้นมาจากนาย แม้แต่หลังจากถูกปราบได้ ก็สามารถทำลายล้างตระกูลนาเบชิมะได้ เมื่อทำได้ 1 รุ่นก็จะมีหางเพิ่มขึ้นมา 1 หาง และก็ดูเหมือนจะทำได้ถึง 7 รุ่น จึงมีรูปสลักแมว 7 หางอยู่ที่สุสานแมวของวัดฮิเตบายาชิ หมุ่บ้านชิราอิชิ เมืองคินาชิมะ จังหวัดซากะ ประเทศญี่ปุ่น
เริ่มจากการที่ตะกูลนาเบชิมะเข้ายึดครองที่ดินซึ่งแสดงถึงศักดินาของตระกูลริวโซจิ ผู้นำตระกูลนาเบชิมะ ได้สังหารเจ้าบ้านริวโซจิ มาตาชิโร่ซึ่งตาบอด ตายเพราะสาเหตุที่ทะเลาะกันเรื่องการเล่นโกะ และนำศพของมาตาชิโร่ไปฝังเอาไว้ในกำแพงที่กำลังก่อสร้างในบ่อน้ำเก่า แล้วทำเป็นไม่รู้เรื่อง มาสึริผู้เป็นมารดาของมาตาชิโร่ซึ่งกำลังเป็นกังวลเรื่องของลูกชายได้เห็นโคมะคาบเอาหัวของเจ้าของมาก็ได้ฆ่าตัวตายไปพลางสาปแช่งนาเบชิมะอย่างไม่ขาดปาก โคมะได้ดื่มเลือดของมาสึริจึงได้สืบทอดเอาความอาฆาตมาจนกลายเป็นปีศาจแมวเพื่อแก้แค้น
ที่มาข้อมูลและภาพ postjung.com