ในบางวันที่อาจจะมีการนัดประชุม พบปะลูกค้า แล้วเลือกเป็นร้านอาหารญี่ปุ่น ซึ่งในเมนูยอดนิยมคือ ซูชิ เราลองมารู้จักเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของการกินซูชิกันดีกว่าที่นอกจากจะเป็นความรู้รอบตัวแล้ว เผื่อว่าวันหนึ่งลูกค้าที่คุณต้องติดต่อด้วยเป็นชาวญี่ปุ่น จะได้สร้างความประทับใจ
ทำไมถึงต้องเป็นซูชิ? ชาวญี่ปุ่นมีเหตุผลหลักๆ ที่สร้างสรรค์เมนูอร่อยก้องโลกอย่างซูชิด้วยกัน 3 ข้อ คือ เพื่อการถนอมอาหาร เพื่อปรุงอาหารให้มีขนาดที่พอดีคำ สะดวกในการกิน พกพาไปในที่ต่างๆ ได้อย่างสะดวกสบาย และข้อสุดท้ายที่ซูชิต้องปั้นเป็นคำๆ เพื่อให้สามารถใช้มือหยิบกินได้สะดวก ซึ่งปัจจุบันร้านอาหารญี่ปุ่นแท้ระดับสูงมักจะมือในการหยิบ
จริงๆแล้วซูชิมีกี่ประเภท? ซูชิมีทั้งหมด 4 ประเภทด้วยกัน 1. นิงิริซูชิ ซูชิรูปแบบดั้งเดิม ที่ใช้ข้าวสวยปรุงรสด้วยน้ำส้มสายชู ปั้นเป็นก้อนพอดีคำ ป้ายวาซาบิเล็กน้อยแล้ววางทับด้านบนด้วยอาหารทะเลตามแต่ฤดูกาล 2. มากิซูชิ คือข้าวสวยญี่ปุ่นที่นำมาม้วนรวมกับไส้จากอาหารทะเลต่างๆ แล้วห่อด้วยแผ่นสาหร่ายที่สามารถม้วนได้ทั้งแบบมีสาหร่ายอยู่ด้านนอกและด้านใน หรือจะม้วนเป็นกรวยที่ใส่ข้าวและเครื่องด้านใน ซึ่งซูชิประเภทนี้เชื่อว่าหลายๆ คนคงจะคุ้นเคยในชื่อว่า โรล 3. โอซิซูชิ คือ ซูชิที่นำอาหารทะเลและผักมาจัดเรียงบนข้าวที่ใส่ไว้ภาชนะ 4. ซูชิราชิซูชิ เป็นซูชิที่นำอาหารทะเลและผักมาจัดเรียงบนข้าวที่ใส่ไว้ในภาชนะ ฟังชื่อแล้วอาจจะเรียกยากไปสักนิด แต่ก็ถือว่าเป็นเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ ที่รู้ไว้ก็ไม่เสียหาย กินซูชิสไตล์ญี่ปุ่น - ถ้าใช้ตะเกียบไม่เป็นก็สามารถใช้มือหยิบได้ ไม่เสียมารยาท - คนญี่ปุ่นไม่นำวาซาบิลงไปละลายในซอสโซยุ แต่มักจะนำวาซาบิมานาบบนหน้าซูชิ - ขิงดองที่เสิร์ฟมาในจากใช้เพื่อสร้างรสชาติในปากควรกินก่อนเปลี่ยนไปชิมซูชิประเภทอื่น และหัวไชเท้าขูดฝอยที่เสิร์ฟมามีประโยชน์ในเรื่องของการช่วยย่อย
ที่มา : หนังสือพิมพ์ M2F