ความรู้ เกร็ดความรู้ สารานุกรม สารานุกรมออนไลน์ ความรู้รอบตัว ความรู้ทั่วไป พจนานุกรม เกมส์ เพลงใหม่ เพลง

อบเชย ช่วยลดน้ำตาลในเลือด, อบเชย ช่วยลดน้ำตาลในเลือด หมายถึง, อบเชย ช่วยลดน้ำตาลในเลือด คือ, อบเชย ช่วยลดน้ำตาลในเลือด ความหมาย, อบเชย ช่วยลดน้ำตาลในเลือด คืออะไร
| เปิดอ่าน 0 | ความคิดเห็น 0
อบเชย ช่วยลดน้ำตาลในเลือด




       อบเชยเป็นพืชที่มีแทนนินสูง มีรสฝาด แพทย์ไทยจึงผสมลงไปในยาหอมต่างๆ ใช้ใจอาการจุกเสียดแน่นท้องหรือใช้ในการทำยานัตถ์ สูดดมแล้วสดชื่น ลดอาการอ่อนเพลีย กินแก้โรคท้องร่วง เพราะมีฤทธิ์ต้านแบคทีเรีย ในกระเพาะอาหาร ขับปัสสาวะ ช่วยย่อยอาหารและสลายไขมัน           นักวิจัยโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยมัลโมแห่งสวีเดนพบว่า การเหยาะอบเชย ลงไปในขนมหรือของหวานที่กินประจำ จะช่วยรักษาปริมาณน้ำตาลในเลือดให้คงที่ การทดลองโดยนำอาสาสมัครที่แข็งแรงดีกลุ่มหนึ่ง มากินอาหารหรือขนมหวาน 1 ชาม แล้วเหยาะอบเชยผงลงไป 1 ช้อนชา พบว่ามีสรรพคุณช่วยควบคุมปริมาณน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับต่ำ จากการวัดปริมาณน้ำตาลในเลือด ภายหลังจากกินขนมไปแล้วพบว่า เพิ่มขึ้นอีกไม่มากเท่าใด ดร.โรจนา เลโบวิคซ์ กล่าวว่า อบเชยอาจจะไปออกฤทธิ์ถ่วงการเดินทางของอาหารจากกระเพาะไปยังลำไส้ให้เนิ่นนานออกไป        นักวิจัยรายงานผลการศึกษาในวารสาร "โภชนาศาสตร์คลินิกอเมริกัน" กล่าวว่า ผลการศึกษาได้ยืนยันหลักฐานจากการศึกษาที่แล้วมาว่า อบเชย มีสรรพคุณช่วยรักษาโรคเบาหวาน อันเป็นโรคเกิดจากการดื้อกับฮอร์โมนอินซูลินของร่างกาย อบเชยยังมีคุณสมบัติพิเศษป้องกันเลือดจับตัวเป็นก้อน และยังมีคุณลักษณะเป็นอาหารต้านจุลชีพ ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและเชื้อราได้      ดร.ริชาร์ด แอนเดอร์สัน ได้แนะนำอาสาสมัครของเขาที่ป่วยเป็นเบาหวาน ให้ลองใช้อบเชยเป็นประจำ ปรากฎว่ามีอาสาสมัครนับร้อย ได้รายงานผลดีกลับเข้ามาว่าสามารถควบคุมระดับน้ำตาลได้ อบเชยช่วยเร่งให้การสันดาปน้ำตาลกลูโคสเพิ่มขึ้น 20 เท่า นักวิทยาศาสร์เห็นว่าการกินอบเชยนั้นไม่มีอันตราย การทดลองกินเองแต่ละบุคคลนั้น หากได้ผลดีก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีเกินคาด ทั้งยังเป็นยาที่เป็นสารธรรมชาติ และในรายที่ไม่ได้ผลดี ก็ไม่ได้มีอันตรายแต่อย่างใด             อบเชยทำหน้าที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบการให้สัญญาณอินซูลิน(Insulin-Signaling System)และอาจเป็นการดีถ้าอบเชยได้ทำงานก่อนที่จะนำกลูโคสเข้าสู่เซลล์ ทั้งยังสามารถใช้อบเชยร่วมกับอินซูลินได้ดีนอกจากนี้ยังพบว่าสาร MHCP สามารถลดความดันโลหิตของสัตว์ทดลองได้ และมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีอีกด้วย            แม้ว่าอบเชยจะยังไม่สามารถขึ้นทะเบียนใช้แทนยาได้ แต่ ดร.แอนเดอร์สัน ก็แนะนำว่าควรทดลองใช้ 1/4 ช้อนชาต่อวัน เมื่อคำนวณดูแล้ว 1 ช้อนชาจะหนักประมาณ 1,200 มิลลิกรม ดังนั้น ขนาด 1/4 ช้อนชา จึงประมาณเท่ากับ 300 มิลลิกรัม สามารถบรรจุลงในแคปซูล หมายเลข 1 ได้กำลังพอดี ขนาดที่ควรใช้ก็คือ 1 แคปซูล ทุกมื้ออาหาร วันละ 4 มื้อ ในกรณีที่ใช้เพื่อป้องกันการเกิดโรคเบาหวาน ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงคือ คนที่บิดามารดาเป็นเบาหวาน ควรรับประทานพร้อมกับอาหารมื้อใหญ่ วันละ 1-2 เม็ด ซึ่งจะช่วยย่อยอาหารและขับลมได้ด้วย อบเชยชนิดที่ ดร.แอนเดอร์สันใช้ทดลองนั้นมาจากเปลือกอบเชยจีน จีน คือ Cassia(Cinnamomum cassia) ซึ่งคล้ายกับชนิดที่มีอยู่ในป่าบ้านเรา ทั้งนี้ ถ้าเป็นอบเชยชวาจะใช้ได้ดีที่สุด        การใช้อบเชยในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เป็นวิธีช่วยผู้เป็นเบาหวานโดยใช้สารธรรมชาติ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ยิ่งกับเกษตรผู้ปลูกอบเชยในเขตเอเชียตอนใต้รวมถึงประเทศไทยด้วย มีหลายฝ่ายคิดว่าอบเชยที่ดีคือ อบเชยที่ยังไม่ผ่านการฉายแสงเพื่อฆ่าเพื่อเชื้อโรค จึงควรนำเปลือกอบเชยแห้งที่ม้วนอยู่เป็นหลอดมาบดให้ละเอียดเก็บไว้ใช้เองหรือจำหน่าย แต่สิ่งที่สำคัญสำหรับผู้เป็นเบาหวาน คือ จะต้องไม่ลืมเรื่องการงดอาหารที่ไม่ควรบริโภค และมีการออกกำลังกายสม่ำเสมอ ปฏิบัติตนตามแพทย์สั่ง และ พบแพทย์ตามนัดหมาย หากใช้อบเชยก็กรุณาบอกให้แพทย์ทราบด้วย
     ผลการศึกษาการวิจัยการใช้อบเชยในคนได้ตีพิมพ์ในวารสาร เดือนธันวาคม พ.ศ.2546 ผลที่ได้จากการให้อบเชยแก่ผู้ป่วยเบาหวานพบว่าผู้ป่วยมีระดับน้ำตาล คอเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์ในเลือดดีขึ้นระหว่าง12-30% จึงเป็นที่ผลที่ยืนยันการศึกษาวิจัยเดิมและน่านำไปใช้เพื่อป้องกัน และใช้ร่วมกันกับยารักษาเบาหวานต่อไป
     นอกจากลดน้ำตาลในเลือดแล้ว อบเชย ยังทำให้ท้องเป็นปกติดี แก้อาการจุกเสียด แน่นท้อง ขับลม ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร แก้ท้องร่วง ขับปัสสาวะ ย่อยไขมัน (อาจเป็นเพราะไปช่วยกระตุ้นการสร้างน้ำย่อยที่ใช้ในการย่อยไขมัน) ทำให้สดชื่น แก้อ่อนเพลีย มีสารต้านแบคทีเรีย และสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ (ผลงานวิจัยจากสหรัฐอเมริกา)
     นอกจากการกินผงอบเชยบดในแคปซูลแล้ว เราใช้อบเชยเป็นปรุงอาหารทั้งคาวและหวาน และปรุงยา เช่น ใส่ในเครื่องผัดเช่นผงกระหรี่ หรือใสร่วมกับโป้ยกั๊กในต้มพะโล้ ส่วนของหวานนั้นใส่ในเบเกอรี่ ลูกอม และใช้อบเชยบดละเอียดโรยหน้ากาแฟ เป็นต้น หากซื้ออบเชยชนิดเป็นชนิดเป็นแผ่นม้วนหลอดเพื่อนำมาบดใช้เอง ควรเลือกที่ใหม่และยังไม่ถูกนำไปต้มสกัดเอารสกลิ่นไปใช้ก่อนแล้ว หากเลือกไม่ดีอาจใช้ไม่ได้ผล จึงควรคำนึงในเรื่องคุณภาพและชนิดของอบเชยชนิดที่ใช้ด้วย นอกจาการใช้เปลือกตำราไทยยังระบุว่ารากและใบมีกลิ่นหอม รสสุขุม ใช้ต้มดื่มขับลมบำรุงธาตุ แก้ท้องอืดเฟ้อ
     สรรพคุณที่กล่าวถึง คือ ส่วนที่ละลายน้ำได้ ไม่ใช่น้ำมันที่กลั่นได้ (Cinnamon Oil) ซึ่งใช้ในอุตสาหกรรมแต่งกลิ่น เหล้า ขนมหวาน สบู่ และยา เป็นต้น อบเชยชนิดหลอดชาวตะวันตกนิยมใช้คนกาแฟ ชา หรือโกโก้ ซึ่งMHPC ก็จะละลายออกมาอยู่ในเครื่องดื่มเหล่านี้ และให้ผลในการควบคุมระดับน้ำตาลเช่นกัน แต่เราไม่สามารถทราบถึงปริมาณ MHPC ซึ่งละลายอยู่ว่ามีปริมาณเท่าไรได้ ในต้นอบเชยที่อายุมากกว่า 6 ปี นำเปลือกลำต้น ใบ และกิ่ง มาสกัดน้ำหอมระเหยได้ โดยเฉพาะอบเชยญวนมีน้ำหอมระเหยมากถึง 2.5%
     อบเชย(Cinnamon) อยู่ในวงศ์ Lauraceae สกุล Cinnamomum พบเฉพาะในทวีปเอเซียและออสเตรเลีย มีมากกว่า 50 ชนิด ส่วนในประเทศไทยพบถึง 16 ชนิด ซึ่งส่วนใหญ่เปลือกจะหนา มีกลิ่นหอมอ่อนส่วนที่นำมาใช้ คือ เนื้อไม้ชั้นในที่แห้งแล้วของต้นอบเชย มีสีน้ำตาลอมแดง ในประเทศไทยและชวา ก็ดีขึ้นได้ดีในประเทศไทย ปลูกเพียง 3 ปี ก็มีผลผลิตขายได้แล้ว        อบเชยเป็นไม้ยืนต้น ต้นสูงราว 4-10 เมตรเป็นต้นไม้ขนาดกลาง ใบและเปลือกมีกลื่นหอม ใบมีลักษณะเดี่ยวเรียงตรงข้ามกัน ตอกจะออกที่ซอกใบและปลายกิ่ง เป็นดอกย่อยสีเหลืองอ่อน พืชในตระกูลเดียวกัน เช่น ชะเอม กะเพราะต้น ข่าต้น การบูรและเทพทาโร จำแนกออกเป็น 5 ชนิด คือ        1. อบเชยศรีลังการ (Cinnamomum Zeylanicum) คนไทยเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "อบเชยเทศ" มีราคาแพงที่สุด      2. อบเชยอินโดนีเซีย หรืออบเชยชวา (Cinnamomum Burmanii Blume) ได้รับความนิยมสูงสุดในปัจจุบัน      3. อบเชยญวน (Cinnamomum Loureirii Nees) มีรสหวานแต่ไม่ค่อยหอม ปลูกได้ดีมากในประเทศไทย และประเทศไทยเราส่งออกอบเชยชนิดนี้      4. อบเชยจีน (Cinnamomum Cassia Nees ex.Blume) มีเปลือกหนาและเนื้อหายาบเป็นชนิดที่ ดร.แอนเดอร์สันใช้ศึกษาวิจัย      5. อบเชยไทย (Cinnamomum bejolghota) หรือ อบเชยต้น (C.iners Rein w.ex.Blume)พบในป่าเขาที่ยังอุดมสมบูรณ์ในประเทศ แต่ยังไม่ใช้นำมาปลูกเพื่อผลิดเปลือกอบเชย อบเชยไทยมีมากกว่า 16 สายพันธุ์ และยังไม่เคยมีการศึกษาวิจัยด้านสรรพคุณ เปลือกอบเชยไทย ซึ่งมีเปลือกหนากว่าอบเชยชนิดอื่น


     ที่มา : www.travelthaimagazine.com

อบเชย ช่วยลดน้ำตาลในเลือด, อบเชย ช่วยลดน้ำตาลในเลือด หมายถึง, อบเชย ช่วยลดน้ำตาลในเลือด คือ, อบเชย ช่วยลดน้ำตาลในเลือด ความหมาย, อบเชย ช่วยลดน้ำตาลในเลือด คืออะไร

ร่วมเป็นแฟนเพจเรา บน Facebook..ได้ที่นี่เลย!!

คำยอดฮิต

Sanook.commenu