ผลกระทบหลักของภาวะโลกร้อน, ผลกระทบหลักของภาวะโลกร้อน หมายถึง, ผลกระทบหลักของภาวะโลกร้อน คือ, ผลกระทบหลักของภาวะโลกร้อน ความหมาย, ผลกระทบหลักของภาวะโลกร้อน คืออะไร
ผลกระทบของภาวะโลกร้อนนั้นสามารถระบุได้น้อยกว่าสาเหตุของมัน แต่ก็ทำให้เกิดภัยพิบัติร้ายแรงได้ เช่น ระดับน้ำในมหาสมุทรที่สูงขึ้น ธารน้ำเข็งละลาย และการหดตัวลงของพื้นที่ขั้วโลก ส่งผลให้ประชาชนทั่วไปมักจะสังเกตปรากฎการณ์ดังกล่าวอยูในบ้านเพื่อความปลอดภัย ผลกระทบรองลงมาก็คือภัยธรรมชาติที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และไม่สามารถคาดเดาได้อย่างแน่นอน ยกตัวอย่างเช่น
- การเพิ่มสูงขึ้นของระดับน้ำทะเล
ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นคือผลกระทบโดยตรงจากภาวะโลกร้อน เกิดจำนวนน้ำทะเลที่มีปริมาณมากขึ้นเพราะธารน้ำแข็งละลาย ก่อนหน้านี้คนทั่วไปมักเข้าใจผิดว่าที่น้ำทะเลสูงเป็นไปตามวัฐจักรของธรรมชาติ แต่จริงๆแล้วเกิดจากอุณหภูมิของโลกที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ธารน้ำแข็งละลายอย่างรวดเร็วและส่งผลให้ระดับน้ำทะเลทั่วโลกขยับสูงขึ้น 1 นิ้วภายใน 10 ปี
เป็นที่แน่นอนว่าภาวะโลกร้อนได้ส่งผลกระทบต่อทุกคนทั่วโลก โดยเฉพาะคนที่อาศัยอยู่บนพื้นที่ต่ำ มีการวิจัยออกมาว่า ภายใน 100 ปี น้ำทะเลจะหนุนขึ้นมาบนพื้นดินเป็นพื้นที่กว้าง ยกตัวอย่างเช่น ชายฝั่งตะวันออกของประเทศอังกฤษ ที่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล
- การรุกล้ำของน้ำทะเลตามแนวชายฝั่ง
ประชาชนบางส่วนจะบริโภคน้ำจากหนองน้ำธรรมชาติที่มีอยู่ทั่วโลก แต่หนองน้ำหรือแม่น้ำเหล่านี้ได้ถูกทำลายอย่างต่ำเนื่องโดยน้ำทะเลที่หนุนขึ้นมาสู่พื้นดิน โดยเฉพาะบริเวณที่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล เช่น แม่น้ำอินเดียน ซึ่งเป็นแม่น้ำที่เป็นศูนย์กลางของไร่ส้มโอที่มีชื่อเสียงของรัฐฟลอริดา ที่ถูกน้ำทะเลกลืนหายไปแล้ว และมีแนวโน้มว่า 50% ของพื้นที่เพาะปลูกในประเทศสหรัฐฯ ซึ่งเป็นพื้นทีต่ำ จะถูกน้ำทะเลกลืนหายไปในอนาคต ส่งผลให้ประชาชนชาวสหรัฐฯ ไม่สามารถเพาะปลูกวัตถุดิบในการประกอบอาหารได้
อีกหนึ่งผลกระทบที่เกิดจากระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้นคือ น้ำทะเลจะกัดเซาะตลิ่งและชายหาดทั่วโลกเป็นบริเวณกว้าง ทำให้หาดทรายที่สวยงามถูกน้ำทะเลกัดเซาะ จนสร้างความเสียหายแก่แหล่งท่องเที่ยวของประเทศต่างๆทั่วโลก และส่งผลต่อเศรษฐกิจของประเทศริมชายหาดอย่างรุนแรง จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลงเรื่อยๆ
ผลกระทบสำคัญของภาวะโลกร้อนอีกกรณีนึง คือส่งผลให้เกิดภัยธรรมชาติที่รุนแรง และเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่นพายุเฮอริเคน หรือ ทอร์นาโด ที่เพิ่มขึ้น 20-35% ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา หลังจากเกิดวิวัฒนาการด้านอุตสาหกรรม ซึ่งส่งผลให้เกิดความเสียหายอย่างมหาศาล เช่นผลกระทบจากพายุเฮอริเคน เฟย์ ที่ก่อให้เกิดมหาอุทกภัยในกว่า 12 รัฐทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา ที่เลวร้ายไปกว่านั้น ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นในปัจจุบันมีแนวโน้มว่าจะทวีความรุนแรงมากขึ้นในอนาคตอีกด้วย
เมื่ออุณหภูมิของโลกสูงขึ้น ก็จะส่งผลให้ปริมาณน้ำที่ระเหยขึ้นสู่ท้องฟ้ามีมากขึ้น ทำให้ฝนตกบ่อยครั้งมากขึ้น เป็นเหตุให้เกิดมหาอุทกภัยในหลายพื้นที่ และทำให้กระแสน้ำสร้างความเสียหายให้แก่หลายพื้นที่ทั่วโลก หลายคนอาจมองว่า ฝนยิ่งตกบ่อย ยิ่งทำให้อุณหภูมิลดลง แต่ความจริงกลับเป็นตรงกันข้าม เนื่องจากไอน้ำที่ลอยขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศจะขัดขวางกระบวนการสร้างความเย็นของโลกด้วยการกระทำที่เหมือนกับก๊าซเรือนกระจก ส่งผลให้สภาพอากาศของโลกเปลี่ยนแปลงแบบที่ไม่สามารถคาดเดาได้
- สภาพภูมิอากาศที่ไม่สม่ำเสมอ
การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ เนื่องจากภาวะโลกร้อนถือเป็นเรื่องที่รุนแรงมาก และทำให้มนุษย์ไม่สามารถอยู่ได้ เนื่องจาก เชื้อโรคจะเจริญเติบโตเร็วขึ้นในบริเวณที่มีอุณหภูมิสูง ด้วยอุณหภูมิของโลกที่สูงขึ้น ทำให้ธารน้ำแข็งที่ขั้วโลกเหนือมีขนาดเล็กลงถึง 50% ในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา เมื่อธารน้ำแข็งละลาย ก็จะเกิดภัยพิบัติต่างๆ เช่น น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำในทะเลสาบล้นท่วมพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง ก่อนที่จะเกิดภัยแล้งอย่างรุนแรงตามมา ภาวะโลกร้อนจะส่งผลให้ภูมิอากาศของโลกแปรปรวน การละลายอย่างต่อเนื่องของน้ำแข็งบนเทือกเขาหิมาลัย ทำให้น้ำในแม่น้ำคงคาซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำคัญของคนกว่า 500 ล้านคน ทำให้แหล่งน้ำสำคัญของคนจำนวนมากไม่สะอาด และส่งผลเสียต่อคนเหล่านั้นในที่สุด
ในโลกของเรา มหาสมุทรคือแหล่งดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากชั้นบรรยากาศที่ใหญ่ที่สุดโดยที่น้ำจะทำการดูดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แล้วแปรสภาพเป็นกรด ก่อนที่จะแปรสภาพกลับมาเป็นน้ำธรรมดาอีกครั้งด้วยก๊าซออกซิเจนจากแนวปะการัง และหากแนวปะการัง ซึ่งเปรียบเสมือนบ้านของเหล่าสัตว์น้ำถูกทำลาย ก็จะส่งผลให้มีออกซิเจนที่คอยกำจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในน้ำน้อยลงจนทำให้น้ำทะเลกลายเป็นกรดในที่สุด
แม้จะมีหลายพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมอย่างหนัก แต่ก็มีอีกหลายพื้นที่ทั่วโลกที่ต้องพบกับสภาพอากาศที่แห้งแล้ง จากอุณหภูมิที่สูงขึ้น และก่อให้เกิดไฟป่าที่รุนแรง ที่แย่ไปกว่านั้น ควันที่เกิดจากไฟป่าคือก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ทำลายชั้นบรรยากาศอีกด้วย ก่อนหน้านี้ มีการระบุว่า ไฟป่าเกิดขึ้นตามวัฐจักรของธรรมชาติเพื่อเป็นการทำลายต้นไม้เดิมแล้วต้นไม้ใหม่ๆจะเกิดขึ้นมาแทนที่ เพื่อเป็นการลดผลกระทบของภาวะโลกร้อน อย่างไรก็ตาม มนุษย์ได้ระบุว่าภาวะโลกร้อนคือสัญญาณ ของภัยพิบัติร้ายแรงของธรรมชาติ ที่พวกเราต้องตระหนักว่ามันไม่ใช่สิ่งที่คาดเดาได้ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต
แหล่งที่มา :
https://www.energysavingmedia.com/news/page.php?a=10&n=131&cno=2757
ร่วมเป็นแฟนเพจเรา บน Facebook..ได้ที่นี่เลย!!