11 วิธีสร้างรอยยิ้มโดยปราศจากกลิ่นปาก
11 วิธีสร้างรอยยิ้มโดยปราศจากกลิ่นปาก, 11 วิธีสร้างรอยยิ้มโดยปราศจากกลิ่นปาก หมายถึง, 11 วิธีสร้างรอยยิ้มโดยปราศจากกลิ่นปาก คือ, 11 วิธีสร้างรอยยิ้มโดยปราศจากกลิ่นปาก ความหมาย, 11 วิธีสร้างรอยยิ้มโดยปราศจากกลิ่นปาก คืออะไร
วิธีการสร้างรอยยิ้มที่สดใส ปราศจากกลิ่นปาก เพราะคงปฏิเสธไม่ได้ว่ารอยยิ้มถือเป็นการสร้างมิตรภาพที่ยิ่งใหญ่ และเป็นประตูก้าวแรกในการสร้างความสัมพันธ์ แต่คงไม่ดีแน่หากว่าเราเป็นคนมีรอยยิ้มที่สดใสน่าประทับใจแต่มีกลิ่นปาก
เราลองมาดูกันว่าวิธีง่าย ๆ ในการลดกลิ่นปากมีอะไรบ้าง
1.อาหารและพฤติกรรมบางประเภททำให้เกิดคราบสีติดอยู่ที่ฟัน
เช่น การดื่มกาแฟ ไวน์แดง และการสบบุหรี่ เพราะสารเหล่านี้จะเข้าไปเกาะและเคลือบติดอยู่กับผิวฟัน ยากแก่การทำความสะอาด เคล็ดลับคือให้ดื่มน้ำมาก ๆ
2.ลดอาหารหวานหรือของขบเคี้ยวระหว่างมื้ออาหาร อาหารที่มีรสหวาน
เช่น ช็อกโกเเลต มันฝรั่ง ขนมปังกรอบ ถึงแม้ว่าจะเป็นอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต แต่เมื่อแตกตัวจะกลายเป็นน้ำตาลได้ง่าย และจะก่อให้เกิดแบคทีเรียในปาก โดยเฉพาะคราบเหนียว ๆ จะติดอยู่ตามซอกฟันและยากต่อการทำความสะอาด นอกจากนี้ของขบเคี้ยวต่าง ๆ ก็เป็นของกินที่ง่ายต่อการเข้าไปติดตามซอกฟันและซอกเหงือก ที่ซึ่งแบคทีเรียชอบอาศัยอยู่ เคล็ดลับง่าย ๆ คือรับประทานของขบเคี้ยวร่วมกับมื้ออาหาร มากกว่าการทานเป็นของว่าง เพราะเมื่อเรารับประทานร่วมกับอาหารน้ำลายจะช่วยล้างคราบและกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ได้
3.ไม่ควรแปรงฟันทันทีหลังจากดื่มเครื่องดื่มบางประเภท
เช่น โซดา หรือเครื่องดื่มที่มีรสเปรี้ยวบางประเภท ในเครื่องดื่มที่มีรสชาติเข้มข้น เมื่อรวมตัวกับสารขจัดคราบในการแปรงฟันจะทำให้เกิดการกัดกร่อนของเคลือบฟันได้ เคล็ดลับในการป้องกันให้ฟันขาวสะอาดคือ แทนที่จะดื่มโซดา ควรดื่มน้ำหรือเคี้ยวหมากฝรั่งที่ปราศจากน้ำตาล จะช่วยให้น้ำลายมีการไหลเวียน แล้วหลังจากนั้นค่อยแปรงฟัน สำหรับผู้ที่มักมีอาการเสียดท้อง หรือจุกเสียดได้ง่ายด้วย ให้ดื่มน้ำแทนโซดาเป็นประจำเพราะในปากอาจมีภาวะเป็นกรดได้ง่ายกว่าคนปกติ
4.รับประทานอาหารที่มีวิตามิน C
เพราะวิตามิน C เป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการสร้างเซลของร่างกาย จากการศึกษาพบว่า 25% ของคนเรารับประทานอาหารที่มีวิตามีน C น้อยกว่า 60 มิลลิกรัมต่อวัน (โดยปกติผลส้ม 1 ผลจะมี วิตามิน C อยู่มากกว่า 80 มิลลิกรัมเท่ากับน้ำส้ม ประมาณ 8 ออนซ์ ) และจะเป็นโรคเหงือกมากกว่าคนที่ได้รับวิตามีน C อย่างน้อย 180 มิลลิกรัมหรือมากกว่า การศึกษานี้ทำกับคนอเมริกันมากกว่า 12,000 คนที่มหาวิทยาลัย New York เคล็ดลับ คือดื่มน้ำส้มตอนเช้าสัก 1 แก้วเป็นประจำ เพื่อให้ได้ปริมาณวิตามิน C ที่พอเพียงสำหรับร่างกาย
5.ดื่มน้ำชา
ในชามีสารที่ช่วยยับยั้งกลิ่น ชาเขียวหรือชาดำมีสารฆ่าเชื้อหลายอย่างบรรจุอยู่ หลายอย่างที่ช่วยป้องกันหินปูนที่เกาะอยู่ที่ซอกฟันและช่วยลดภาวะโรคเหงือกและฟันผุได้ อีกทั้งชายังช่วยให้ลมหายใจหอมสดชื่น ปราศจากกลิ่นเหม็นเพราะการเจริญเติบโตของแบคทีเรียอีกด้วย จากการศึกษาของมหาวิทยาลัย Illinois at Chicago College of Dentistry พบว่าชาหลายประเภทมีสารฟลูออไรด์ ซึ่งมีผลดีต่อสุขภาพฟัน เคล็ดลับดื่มน้ำชาสักถ้วยตอนบ่าย จะช่วยทำให้ร่างกายกระฉับกระเฉงกระชุ่มกระชวยขึ้นได้
6.จิบจากหลอด
เครื่องดื่มประเภทโซดา หรือเครื่องดื่มบำรุงกำลังมักมีผลต่อสุขภาพฟันตามที่กล่าวมาในข้อ 3 ดังนั้นการดื่มโดยใช้หลอดจะช่วยให้ผ่านไปสู่ลำคอโดยไม่ต้องผ่านฟันได้ และจะช่วยป้องกันสารที่เคลือบฟันให้คงอยู่ เคล็ดลับเก็บสะสมหลอดไว้ในลิ้นชักที่ทำงาน ในกระเป๋า ในครัวหรือในสถานที่ซึ่งง่ายต่อการหยิบใช้
7.ป้องกันรอยยิ้มในเวลาว่ายน้ำ
อาจจะฟังดูแล้วแปลกแต่การศึกษาของศูนย์สุขภาพฟันพบว่าคลอรีนในน้ำเป็นตัวกัดกร่อนสารที่เคลือบฟัน หากเราวางแผนไปว่ายน้ำ ควรเตรียมผ้าเช็ดตัวและแปรงสีฟันติดไปด้วย จากการศึกษาสมาคมสุขภาพฟันของอเมริกาพบว่า คลอรีนในสระอาจช่วยป้องกันแบคทีเรีย แต่หากใส่มากเกินไปจะทำให้เกิดค่าความเป็นกรดที่เป็นอันตรายทั้งต่อปอดและสุขภาพฟันได้ เคล็ดลับ แปรงฟันหลังจากว่ายน้ำและใช้ฟลูออไรด์ บ้วนปากทันทีหลังจากว่ายน้ำเป็นเวลานานกว่า 1 ชั่วโมง
8.รับประทานแคลเซียมให้เพียงพอ ในกระดูกต้องการแคลเซียมเช่นเดียวกับฟัน จากการศึกษาของนักวิจัยที่ Buffalo สหรัฐอเมริกา พบว่าคนที่ได้รับแคลเซียมน้อยกว่า 800 มิลลิกรัมต่อวันมีสิทธิ์ที่จะเป็นโรคเหงือกและฟันผุได้ เพราะ 99% ของแคลเซียมอยู่ในกระดูกและฟัน การรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมอยู่จะช่วยถนอมฟันให้ยืนยาวได้ เช่นอาหารจำพวก นม เนย โยเกิร์ต เป็นต้น เคล็ดลับหญิงที่มีอายุน้อยกว่า 51 ปีควรได้รับปริมาณแคลเซียม 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน และมากกว่า 51 ปีควรได้รับประมาณ 1,200 มิลลิกรัม ทานแคลเซียมให้มากในแต่ละมื้อ นม 8 ออนซ์ใน 1 แก้วมีปริมาณแคลเซียม 300 มิลลิกรัมเท่ากับโยเกิร์ต 6 ออนซ์หรือเท่ากับเนยแข็ง 1.5 -2 ออนซ์
9.ทานแอปเปิล 1 ผลต่อวัน
อาหารจำพวกแอปเปิล แครอท อาหารที่ต้องเคี้ยวเหล่านี้ทำหน้าที่เหมือนการแปรงฟัน เมื่อเราเคี้ยวจะช่วยขจัดคราบที่สกปรกที่เคลือบฟันอยู่เป็นเวลานาน ยิ่งหากเราเป็นคอกาแฟด้วยแล้วหากรับประทานแอปเปิลวันละผลจะช่วยลดคราบที่ติดอยู่กับฟันมากทีเดียว เคล็ดลับหากไม่มีโอกาสแปรงฟันในระหว่างมื้ออาหาร แต่มีโอกาสรับประทานแอปเปิล ให้ทานน้ำตามด้วยเพื่อลดคราบน้ำตาลที่จะมีผลต่อสุขภาพฟัน
10.การแสดงความรักโดยการจูบ การจูบเป็นการเพิ่มจำนวนน้ำลายที่อยู่ในปากซึ่งช่วยทำความสะอาดฟันและป้องกันแบคทีเรียที่เป็นทำอันตรายต่อฟันได้ เคล็ดลับการแสดงความรักโดยการจูบช่วยสร้างแสดงความสุขด้วยในเวลาเดียวกัน แต่หากเราไม่มีคนให้จูบ การเคี้ยวหมากฝรั่งที่ปราศจากน้ำตาลก็ช่วยได้
11.รับประทานข้าวสาลี (whole grain) มหาวิทยาลัย McMaster ของแคนาดาแนะนำว่าการรับประทานอาหารประเภทที่ทำจากข้าวสาลีจะช่วยเรื่องสุขภาพฟันได้ จากการศึกษาผู้ชายจำนวน 34,000 คนเป็นเวลา 14 ปีพบว่าคนที่ทานขนมปังโฮลวีท 3 มื้อต่อวัน จะช่วยลดปัญหาเรื่องปากและฟันมากกว่าคนที่ทานอาหารที่มีข้าวสาลีเพียง 1 มื้อมากถึง 23% เคล็ดลับเปลี่ยนจากข้าวขาวมาเป็นอาหารประเภทข้าวสาลี ขนมปังโฮลวีท ข้าวซ้อมมือดีกว่า เพราะจะช่วยเรื่องโรคหัวใจ ลดน้ำตาลในเลือด และโรคเบาหวาน และอีกหลายโรคทั้งยังช่วยเรื่องสุขภาพปากและฟันอีกด้วย
มีงานวิจัยใหม่ ๆ หลายชิ้น ระบุถึงโรคที่เกิดจากภาวะสุขภาพฟันและเหงือกไม่แข็งแรง ว่าจะนำไปสู่โรคต่าง ๆ มากมายที่คาดไม่ถึงได้ เช่นโรคหัวใจ โรคเบาหวาน หลอดเลือด ปอดอักเสบ โรคตับ การคลอดก่อนกำหนด และอวัยวะเพศไม่แข็งตัวแทบไม่น่าเชื่อว่า 40% ของคนเรายอมรับว่าไม่เคยใช้ไหมขัดฟัน และ 35% ของคนที่อายุ 35 ปีขึ้นไปไม่ไปหาหมอฟันเมื่อฟันผุ รู้อย่างนี้แล้วผู้เขียนขอแนะนำว่าให้เรามารักษาสุขภาพเหงือกและฟันให้สะอาดกันเถอะ
แหล่งที่มา : https://www.thaihealth.or.th/healthcontent/article/27854
11 วิธีสร้างรอยยิ้มโดยปราศจากกลิ่นปาก, 11 วิธีสร้างรอยยิ้มโดยปราศจากกลิ่นปาก หมายถึง, 11 วิธีสร้างรอยยิ้มโดยปราศจากกลิ่นปาก คือ, 11 วิธีสร้างรอยยิ้มโดยปราศจากกลิ่นปาก ความหมาย, 11 วิธีสร้างรอยยิ้มโดยปราศจากกลิ่นปาก คืออะไร
ร่วมเป็นแฟนเพจเรา บน Facebook..ได้ที่นี่เลย!!