นายสุนัย มโนมัยอุดม เกิดเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2491 ปัจจุบันอายุ 59 ปี
สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เกียรตินิยมดี (เหรียญเงิน) สำเร็จการศึกษาเนติบัณฑิตทั้งไทยและอังกฤษ
รับราชการครั้งแรกที่กรมอัยการเมื่อปี 2522 ตำแหน่งอัยการผู้ช่วยกองคดี เป็นผู้พิพากษาประจำกระทรวงในปี 2524 เคยเป็นผู้พิพากษาศาลจังหวัดทุ่งสง ศาลจังหวัดสุรินทร์ และในปี 2540 เป็นผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ต่อมาเป็นผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ ก่อนถูกย้ายโอนมาอยู่กระทรวงยุติธรรม และเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2549 คณะรัฐมนตรี ชุด พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ แต่งตั้งเป็นอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ คนที่ 3 ก่อนจะถูกคำสั่งย้ายไปช่วยราชการในตำแหน่งรักษาการ เลขาธิการ ป.ป.ท.
ข้อมูลเพิ่มเติม
เมื่อวันที่ 25 ก.พ. 2551 นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้มีคำสั่งโยกย้าย จากนายสุนัย มโนมัยอุดม อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ให้ไปรักษาการเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา (ภาคเอกชน) หรือ ปปท.
ก่อนเข้ารับตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอ นายสุนัย มโนมัยอุดม เคยดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ หลังจากนั้นได้รับการทาบทามจากนายจรัญ จรัญภักดีธนากุล ให้โอนตัวจากศาลยุติธรรมมาดำรงตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอ
ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ นายสุนัยได้ทำคดีเกี่ยวกับรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หลายคดี โดยคดีสำคัญ ได้แก่ คดีเจ้าหน้าที่รัฐอุ้มตัวทนายสมชาย นีละไพจิต ตั้งแต่เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2548 คดีปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้น บริษัท เอส ซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งมี พ.ต.ท.ทักษิณ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร และเครือญาติ เป็นผู้ต้องหาในคดีนี้ และดีเอสไอได้สรุปสำนวนสั่งฟ้องไปยังอัยการแล้ว นอกจากนี้ คดีที่ยังอยู่ในชั้นสอบสวนของดีเอสไอ ได้แก่ คดีทุจริตบ้านเอื้ออาทร คดีทุจริตหลายโครงการในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นต้น
นายสุนัย ให้สัมภาษณ์หลังทราบเรื่องการถูกโยกย้ายดังกล่าวว่า ในวันนี้มีกระแสข่าวหนาหูในเรื่องนี้มาก และในช่วงเย็นที่ผ่านมา ได้รับแจ้งจากนายจรัญว่า ตนถูกย้ายไปช่วยราชการในตำแหน่งรักษาการ เลขาธิการ ป.ป.ท. สำหรับตนเมื่อมาอยู่ในระบบข้าราชการเป็นข้าราชการพลเรือนแล้ว ก็ต้องปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา สำหรับเรื่องการขอโอนกลับศาลยุติธรรมนั้น ตนต้องกลับแน่ แต่ยังไม่ใช่เวลานี้ จะต้องมีขั้นตอนดำเนินการ
เป็นคำสัมภาษณ์ที่คล้ายผู้ถูกกระทำรู้ในชะตากรรมของตนเอง และเตรียมใจมานานแล้ว หากนายสุนัย สามารถกลับโอนกลับไปทำงานที่ศาลยุติธรรมได้อย่างที่เจ้าตัวหวัง คงเป็นคำตอบสุดท้ายที่นายสุนัยจะใช้ความสามรถที่มีอยู่อย่างถูกที่ถูกเวลา
ที่มา www.matichon.co.th