ความรู้ เกร็ดความรู้ สารานุกรม สารานุกรมออนไลน์ ความรู้รอบตัว ความรู้ทั่วไป พจนานุกรม เกมส์ เพลงใหม่ เพลง

อัญมณี และ ความเชื่อ, อัญมณี และ ความเชื่อ หมายถึง, อัญมณี และ ความเชื่อ คือ, อัญมณี และ ความเชื่อ ความหมาย, อัญมณี และ ความเชื่อ คืออะไร
| เปิดอ่าน 0 | ความคิดเห็น 0
อัญมณี และ ความเชื่อ

          มนุษย์เราได้รู้จักอัญมณีมานานกว่า 4000 ปี โดยมีความเชื่อว่า “อัญมณี” เมื่อนำมาติดตัวแล้วจะสร้างความเป็นมงคลให้แก่ตนเอง จากหลักฐานจากที่ค้นพบเครื่องประดับที่นิยมฝังไว้กับศพคนตาย อาทิ เครื่องประดับที่ทำจากหิน ในยุคแรกจนถึงเครื่องประดับของหินสี หรืออัญมณี เป็นสิ่งบ่งชี้ว่ามนุษย์นั้น นิยมใช้เครื่องประดับอัญมณีมานานนับพันปีแล้ว โดยมุ่งเน้นที่ความสวยงาม การมีราศีเด่นเป็นสง่าแก่ผู้ที่พบเห็น     

          มนุษย์เรา ใช้เครื่องประดับอัญมณีนั้น โดยทั่วไปก็เพื่อความสวยงาม และบ่งบอกถึงฐานะทางการเงินของผู้ที่สวมใส่ แต่ก็ยังมีอีกหลายๆ คนที่สวมใส่เครื่องประดับอัญมณี เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง แท้ที่จริงแล้ว เครื่องประดับอัญมณีทุกชนิดต่างมีพลังเร้นลับสถิตย์อยู่ เป็นสิ่งที่พลังธรรมชาติ ยิ่งใหญ่ได้สร้างสรรให้แก่โลก ชาวจีน มีความเชื่อว่า หยก เป็นอัญมณีมงคลสามารถช่วยให้มีอายุยืน และช่วยปกป้องจากสิ่งอัปมงคลต่างๆ ตลอดจนแคล้วคลาดจาก อันตรายต่างๆ
 



อัญมณีของผู้ที่เกิดเดือนมกราคม

โกเมน Garnets

          โกเมนเป็นอัญมณีในตระกูล Garnet  มีความแข็ง 7 – 7.5 โมส์ (Moh) มีความวาวแบบแก้ว คำว่า Garnet มาจากภาษาละตินว่า Granatus แปลว่า เหมือนเมล็ดพืช ผู้คนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิดว่าอัญมณีชนิดนี้มีสีแดงเพียงสีเดียว ตามคำกลอนนพรัตน์ “ แดงแก่ก่ำ โกเมนเอก ” แต่จริง ๆ แล้ว แต่อัญมณีชนิดนี้มีสีมากถึง 15 สี ยกเว้นสีน้ำเงิน ส่วนสีแดงเป็นสีของโกเมนที่มีมากที่สุด ประเภทที่นิยมนำมาทำเครื่องประดับ คือ อัลมานไดน์ (Almandine) มีสีแดงเข้ม สีแดงอมน้ำตาล หรืออมม่วง และไพโรบ (Pyrope) มีสีแดงสดซึ่งสอดคล้องกับรากศัพท์ภาษากรีกโบราณที่แปลว่า ไฟ 

          โกเมนเป็นที่รู้จักกันมาแต่โบราณ กล่าวกันว่า โนอาห์ (Noah) ผู้พาสิ่งมีชีวิตหนีน้ำท่วมโลก ใช้โกเมนประดับเรืออาร์ค ( Ark ) เพื่อให้แสงสว่างในการเดินทางในตอนกลางคืน ชาวอียิปต์ ชาวกรีก และชาวโรมันก็ใช้โกเมนมาทำเป็นเครื่องประดับ ในสมัยวิคตอเรีย อัญมณีสีแดงชนิดนี้เป็นที่นิยมนำมาทำเครื่องประดับด้วยเช่นกัน

เครื่องรางป้องกันภัย

          นักเดินทางในสมัยโบราณมักจะพกโกเมนติดตัวไว้ เพราะเชื่อกันว่าสามารถปกป้องคุ้มครองให้พ้นจากภยันตรายต่าง ๆ และช่วยส่องแสงในตอนกลางคืนด้วย แต่ผลการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ พบว่าเกิดจากการหักเหของแสง โกเมนยังเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพและความศรัทธาอีกด้วย บ้างก็เชื่อกันว่าทำให้ผู้สวมใส่อายุยืน

          ทางด้านการบำบัด โกเมนเป็นอัญมณีสีแดง จึงมีพลังช่วยรักษาสมดุลของระบบหมุนเวียนโลหิต ช่วยกระตุ้นผู้ที่มีความเฉื่อยชาทางเพศ นอกจากนี้ โกเมนยังมีคุณสมบัติในการกระตุ้นความรู้สึกและอารมณ์ ดังนั้น หากนำไปให้ผู้ที่มีปัญหาซึมเศร้าสวมใส่ โกเมนจะช่วยกระตุ้นให้มีความเชื่อมั่นในตัวเองมากขึ้น เพิ่มความเข้มแข็งให้กับผู้ใส่

ตำนานเกิดโกเมน

          ตามคัมภีร์พระเวทบันทึกไว้ว่า อัญมณีสีแดงชนิดนี้เกิดจากเล็บเท้าของอสูรชื่อวลาซึ่งถูกเหล่าเ ทวดาหลอกมาสังหารแล้วแยกชิ้นส่วนร่างกายของอสูรตนนี้ออกอันเนื่ องมาจากอสูรวลามีอำนาจเหนือพระอินทร์ คอยกดขี่ข่มเหงเทวดาอื่น ๆ ชิ้นส่วนร่างของมารวลาที่ตกลงมาบนโลกมนุษย์ได้กลายเป็นอัญมณีชนิดต่าง ๆ ส่วนเล็บเท้าของอสูรวลาที่หล่นลงมาบนโลกมนุษย์นั้นได้รับการบูช าจากพญานาคแล้วปล่อยลงบริเวณเทือกเขาหิมาลัย



อัญมณีของผู้ที่เกิดเดือนกุมภาพันธ์

อะมีทิสต์(Amethyst)

          ในคัมภีร์ไบเบิ้ล ได้กล่าวถึงอะมีทิสต์ว่าเป็น 1 ในอัญมณี 12 ชนิดที่ประดับลงบนจีวรของพระชั้นผู้ใหญ่ ดังนั้น ต่อมา อะมีทิสต์จึงกลายเป็นอัญมณีที่ใช้แสดงฐานะพระชั้นผู้ใหญ่ของคริ สตจักร สังเกตได้จากแหวนของพระสันตปาปาและแหวนของพระที่มีบรรดาศักดิ์ส ูง แหวนของพระเหล่านี้ประดับด้วยอะมีทิสต์ทั้งสิ้น ส่วนบนเสื้อพิธีของบาทหลวงก็ประดับอะมีทิสต์ลงไป จนปัจจุบันนี้ อะมีทิสต์กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของบาทหลวง นอกจากนี้ โบสถ์ในยุคกลางก็ประดับประดาไปด้วยอะมีทิสต์เช่นกัน ( และ เพราะเชื่อกันว่าสีม่วงเป็นสีแห่งความศรัทธาในศาสนา )

อัญมณีแห่งความมีสติ

          อะมีทิ สต์มีคุณสมบัติช่วยคุ้มครองให้พ้นจากภยันตรายเช่นเดียวกับโกเมน ในสมัยก่อน บรรดาทหารจึงนิยมสวมใส่อัญมณีสีม่วงนี้เพื่อช่วยให้มีชัยเหนือศ ัตรู

          ทางด้านการบำบัด อะมีทิสต์เป็นอัญมณีสีม่วงซึ่งเป็นสีแห่งจิตวิญญาณ จึงมีพลังช่วยกระตุ้นประสาทสัมผัส ช่วยขจัดความคิดที่ชั่วร้ายและชำระล้างจิตใจให้บริสุทธิ์ ก่อให้เกิดสมาธิและการเรียนรู้ สำหรับผู้ที่เป็นโรคนอนไม่หลับ หากวางอัญมณีชนิดนี้ไว้ใต้หมอนจะช่วยให้หลับง่ายขึ้น หรือหากวางไว้บนหน้าผากจะช่วยรักษาอาการปวดศีรษะด้วย อะมีทิสต์ยังมีพลังช่วยในการฟอกเลือด หรือสร้างเม็ดเลือดได้ ดังนั้นจึงเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับเลือด

          “Amethyst” มาจากคำว่า “Amethystos” ในภาษากรีก แปลว่า การมีสติ ไม่มึนเมา จึงเชื่อกันว่าอะมีทิสต์มีคุณสมบัติทำให้ไม่เมาอีกด้วย ชาวโรมันเชื่อว่าหากดื่มเหล้าจากจอกอะมีทิสต์หรือแช่อัญมณีชนิด นี้ไว้ในเหล้าจะช่วยให้ไม่ให้เมา ในปัจจุบัน ถ้วยไวน์ในบางแห่งจึงยังคงแกะสลักจากอะมีทิสต์

          ทางด้านความรัก คนโบราณเชื่อกันว่า ถ้านำอะมีทิสต์รูปหัวใจประดับบนเรือนทองคำหรือเงิน และบ่าวสาวมอบให้แก่กันและกัน ทั้งคู่จะมีชีวิตรักที่มีความสุขตลอดไป

ตำนานเกิดอะมีทิสต์

          ตำนานการเกิดของอะมีทิสต์เกิดขึ้นเมื่ อวันหนึ่ง เทพไดโอนิซุส (Dionysius) เทพเจ้าแห่งเมรัยทรงกริ้วที่มนุษย์ไม่สนใจพระองค์ จึงสาปแช่งให้มนุษย์คนต่อไปที่เดินผ่านมาถูกเสือฆ่า แต่ผู้ที่เดินผ่านมา คือ สาวน้อยชื่ออะมีทิสต์ (Amethyst) ซึ่งกำลังเดินทางไปสักการะเทพธิดาไดอานา (Diana) เมื่ออะมีทิสต์ เห็นเสือเข้ามาใกล้จึงร้องขอให้เทพธิดาไดอานาช่วย เทพธิดาไดอานาจึงเสกให้อะมีทิสต์กลายเป็นผลึกแก้วควอทซ์ เมื่อเทพไดโอนิซุสทรงทราบถึงเจตนาของอะมีทิสต์ก็รู้สึกละอายพระ ทัย จึงทรงเทเหล้าองุ่นลงบนร่างของอะมีทิสต์เพื่อเป็นการไถ่โทษ ทำให้ร่างของเธอกลายเป็นสีม่วง และกลายมาเป็นอัญมณีสีม่วงนี้ที่เรารู้จักกัน



อัญมณีของผู้ที่เกิดเดือนพฤษภาคม

มรกต (Emerald)

“ มรกต อัญมณีแห่งโชคลาภและความรุ่งเรือง ”

              มรกต (Emerald) เป็นอัญมณีในตระกูลเบริล (Beryl) ซึ่งเป็นอัญมณีตระกูลเดียวกันกับอะความารีน (Aquamarine) จึงมีความแข็ง 7.5 โมส์ (Moh) มีความวาวแบบแก้ว

              มรกตเป็นอัญมณีที่มนุษย์รู้จักมาตั้งแต่สมัย อียิปต์ มีหลักฐานบันทึกไว้ว่า พระนางคลีโอพัตราเคยเป็นเจ้าของเหมืองมรกตใกล้ทะเลแดงในอียิปต์ และจากการขุดค้นทางโบราณคดี พบว่ามีการแกะสลักมรกตเป็นรูปตัวด้วงและแมลงมีปีกต่าง ๆ ด้วย บนมงกุฎของพระเจ้าซาร์ (Czar) กษัตริย์แห่งรัสเซียก็ประดับด้วยมรกตด้วย

               คำว่า “Emerald” มาจากภาษากรีกว่า Smaragdos แปลว่า หินสีเขียว สีเขียว คือ สีที่เป็นต้นกำเนิดของสิ่งมีชีวิต สีแห่งความอุดมสมบูรณ์ จึงเชื่อกันว่ามรกตนำมาซึ่งโชคลาภ ความร่ำรวย ชาวเปรูในสมัยก่อนนับถือมรกตเป็นอัญมณีศักดิ์สิทธิ์ เชื่อกันว่ามีอำนาจปกป้องคุ้มครองผู้สวมใส่ให้พ้นจากสิ่งชั่วร้ ายต่าง ๆ ได้ ด้วยความศรัทธาของชาวเปรู พวกเขาได้สร้างศาลเจ้าที่เก็บมรกตจำนวนมากเพื่อสักการะบูชาอัญม ณีชนิดนี้

               สีของมรกตเป็นสีที่เย็นตา จึงมีผลดีต่อสายตา นอกจากนี้ มรกตยังมีพลังช่วยบำบัดอาการอักเสบต่าง ๆ ช่วยรักษาโรคติดเชื้อเรื้อรัง สำหรับผู้ที่เหนื่อยล้าจากการทำงานหนักหรือผู้ที่เพิ่งฟื้นจากก ารเจ็บป่วย หากสวมใส่มรกต อัญมณีชนิดนี้จะช่วยคืนพลังได้

                มรกตยังเป็นอัญมณีที่เทพธิดาวีนัส เทพธิดาแห่งความรักโปรดปรานมาก เชื่อกันว่ามรกตมีพลังอำนาจทำให้คู่รักมีความซื่อสัตย์ต่อกัน เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความรักที่จริงใจ เหมาะที่จะให้เป็นของขวัญวันแต่งงาน

ตำนานกำเนิดมรกต

               คัมภีร์พระเวทบันทึกไว้ว่ามรกตเกิดจาก น้ำดีของอสูรวลาซึ่งถูกเหล่าเทวดาหลอกมาสังหารแล้วแยกชิ้นส่วนร ่างกายของอสูรตนนี้ออกอันเนื่องมาจากอสูรวลามีอำนาจเหนือพระอิน ทร์ คอยกดขี่ข่มเหงเทวดาอื่น ๆ น้ำดีเหล่านี้ถูกพญานาคชื่อ วสุกีนำไป แต่ระหว่างทางที่ลงจากสวรรค์ พญานาควสุกีถูกพระครุฑและพญาหงส์ขัดขวางไว้ ทำให้พญานาควสุกีกลัวและทำน้ำดีร่วงหล่นลงมาบริเวณเทือกเขามณิก ยาหรือ บริเวณแนวภูเขาของแอฟริกาใต้กับอเมริกาใต้ในปัจจุบัน และบริเวณเทือกเขาหิมาลัย



อัญมณีของผู้ที่เกิดเดือนมิถุนายน

มุก (Pearl)

“ มุก...อัญมณีจากสิ่งมีชีวิต”

          ไข่มุก อัญมณีแห่งความบริสุทธิ์ที่สตรีทั่วโลกหลงใหลนั้น ตามตำนานในคัมภีร์พระเวทบันทึกไว้ว่า ไข่มุกเกิดจากฟันของอสูรวลา ฟันเหล่านี้ร่วงหล่นลงมาบนโลกมนุษย์แล้วหลุดเข้าไปอยู่ในเปลือก หอยมุกทำให้เกิดมุกขึ้น

มุก... อัญมณีเลอค่า

          มนุษย์เรารู้จักไข่มุกมาเป็นเวลานานแล้ว เชื่อกันว่ามีการค้นพบไข่มุกครั้งแรกในบริเวณตะวันออกกลาง ว่ากันว่า พระนางคลีโอพัตราทรงใช้ตุ้มหูมุกเป็นเครื่องประดับ และมักจะจุ่มตุ้มหูมุกลงไปในเหล้าองุ่นก่อนดื่ม เพราะเชื่อว่าไข่มุกมีพลังช่วยคงความหนุ่มสาวเอาไว้ได้ กวีชาวกรีกนามว่า โฮเมอร์ ซึ่งเป็นกวีในยุคเมื่อ 1,200 – 850 ปีก่อนคริสตศักราชได้กล่าวถึงการใช้ไข่มุกเป็นเครื่องประดับของ เทพธิดายูโนไว้ในวรรณกรรมของเขาด้วย หญิงสาวชาวโรมันก็นิยมสวมใส่ไข่มุกเช่นเดียวกัน ส่วนชาวจีนในสมัยก่อนใช้ไข่มุกเป็นเครื่องบอกยศถาบรรดาศักดิ์

สัญลักษณ์แห่งความบริสุทธิ์

          ไข่มุกเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ ด้วยสีอันนุ่มนวลงดงามของอัญมณีชนิดนี้ เมื่อหญิงสาวนำมาใส่จึงช่วยกระตุ้นให้ความเป็นกุลสตรีเด่นชัดขึ ้น ทำให้เกิดความนุ่มนวลอ่อนหวาน นอกจากนี้ ยังเชื่อกันว่าหากวางไข่มุกไว้ใต้หมอนจะช่วยให้คู่สามีภรรยาที่ ไม่มีบุตรได้มีบุตรสมหวัง ทางด้านการบำบัดรักษา ไข่มุกเป็นอัญมณีธาตุน้ำ จึงเชื่อกันว่าไข่มุกมีพลังช่วยลดไข้หรือโรคที่เกิดจากความร้อน ช่วยบำบัดอาการของคนที่เป็นโรคไต หอบหืด เสมหะ และระบบทางเดินหายใจไม่ปกติ



อัญมณีของผู้ที่เกิดเดือนพฤศจิกายน

โทแพส (Topaz)

“ โทแพส อัญมณีแห่งมิตรภาพ ”

          ชาวอียิปต์เชื่อว่าสีของโทแพสเกิดจากแสงสีทองของ เทพรา ซึ่งเป็นเทพแห่งดวงอาทิตย์ทาบทาลงไป โทแพสจึงเป็นเครื่องรางที่มีพลังขจัดสิ่งชั่วร้ายได้และความลุ่ มหลงต่าง ๆ ได้ ชาวโรมันก็เชื่อว่าโทแพสมีความเกี่ยวข้องกับเทพจูปิเตอร์ซึ่งเป็็นเทพแห่งดวงอาทิตย์เช่นกัน

          โทแพสเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพ สิริมงคลของการสวมใส่อัญมณีชนิดนี้ คือ มีเสน่ห์ เป็นที่รักแก่ผู้ที่พบเห็น ชีวิตรุ่งเรือง โทแพสยังมีคุณสมบัติช่วยรักษาโรคหวัด วัณโรค หอบหืด และช่วยให้ปอดทำงานดีขึ้น หากวางไว้ใต้หมอนขณะนอนหลับจะช่วยให้ร่างกายมีพลังในการทำงาน ยังเชื่อกันอีกว่า อัญมณีสีทองนี้จะเปลี่ยนสีหากอาหารหรือเครื่องดื่มมียาพิษ

 



อัญมณีของผู้ที่เกิดเดือนสิงหาคม

เพอริโด (Peridot)

“ เพอริโด อัญมณีแห่งความกล้าหาญ ”

          เพอริโดเป็นอัญมณีแปลกประหลาดที่นอกจากจะพบได้ตามชั้นหินอัคนีในโลกแล้ว ยังพบได้จากลูกอุกกาบาตนอกโลกที่ตกลงมาบนโลกของเราด้วย

          ในสมัยอียิปต์โบราณ มีการทำเหมืองเพอริโดบนเกาะ Zeberget แต่ต้องทำกันในเวลากลางคืนเท่านั้นเพราะในเวลากลางวันจะมองไม่เ ห็นแร่ชนิดนี้ ส่วนชาวโรมันเรียกเพอริโดว่า Evening Emerald เพราะเมื่อใช้ตะเกียงส่องหาแร่ชนิดนี้ในเวลากลางคืนก็ยังคงมองเ ห็น ต่อมาในยุคกลาง มีการนำเพอริโดไปประดับตามโบสถ์ สันนิษฐานว่าชาวยุโรปที่ไปร่วมรบในสงครามครูเสดเป็นผู้ที่นำเพอ ริโดเหล่านี้กลับมา

          จากอดีตจนถึงปัจจุบัน ผู้คนมากมายเชื่อกันว่า เพริโดต์มีพลังสามารถขับไล่วิญญาณร้าย ภูตผีปีศาจได้ และช่วยคุ้มครองผู้สวมใส่ด้วย นักรบสมัยโบราณจึงมักจะพกอัญมณีชนิดนี้ติดตัวไว้ เพริโดต์มีพลังที่ทำให้จิตใจของผู้สวมใส่เข้มแข็ง กล้าหาญ และหากนำเพริโดต์ไปประดับกับทองจะยิ่งทำให้เพริโดต์มีพลังมากขึ ้น

          ทางด้านความรัก จากพลังของเพริโดต์ที่นำมาซึ่งอารมณ์และจิตใจที่มั่นคง จึงทำให้คู่แต่งงานที่สวมใส่อัญมณีชนิดนี้มีความสุขในชีวิตแต่งงาน ทางด้านการบำบัดรักษา เพริโดต์ช่วยในเรื่องระบบทางเดินอาหาร เช่น ช่วยในการดูดซึมอาหาร ช่วยการทำงานของม้าม ถุงน้ำดี ตับ ตับอ่อน และรักษาโรคหอบหืดได้



อัญมณีของผู้ที่เกิดเดือนธันวาคม

เทอร์ควอยซ์(Turquoise)

“ เทอร์ควอยซ์... หินแห่งตำนาน ”

          ชื่อ “Turquoise” เพิ่งใช้เรียกอัญมณีชนิดนี้ในช่วงที่เกิดสงครามครูเสด เนื่องจากบรรดานักรบชาวยุโรปที่เดินทางไปร่วมรบในสงครามครูเสดไ ด้นำอัญมณีชนิดนี้กลับมา ชื่อของอัญมณีชนิดนี้แปลว่า หินจากตุรกี (Turkish Stone)

          สีของเทอร์ควอยส์มีตั้งแต่สีฟ้าไปจนถึงสีเขียวอมเทา แต่ที่นิยมมากที่สุดและมีคุณภาพดีที่สุด คือ สีฟ้าของท้องฟ้า ในเนื้อพลอยมักจะมีลายเส้นบาง ๆ พาดพันไปมาเป็นลวดลายสวยงามเหมือนใยแมงมุม

          ผู้คนในสมัยโบราณเชื่อกันว่า เทอร์ควอยซ์เป็นหินศักดิ์สิทธิ์ เป็นหินนำโชค นำความมั่งคั่งร่ำรวยมาสู่ผู้สวมใส่ บอกเหตุล่วงหน้าได้และยังเป็นเครื่องรางป้องกันภัยได้

          ชาวอียิปต์และชาวแอซเท็ก (Aztec) ชนเผ่าพื้นเมืองที่อยู่ทางตอนเหนือของเปรูเชื่อว่าเทอควอยซ์เป็ นสัญลักษณ์ของความรุ่งเรือง ชาวแอซเท็กใช้เทอร์ควอยซ์ประดับหน้ากากที่ใช้ประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ เช่น พิธีเรียกฝน ชาวมุสลิมใช้เทอร์ควอยซ์มาประดับคู่กับไข่มุกบนหมวกโพกศีรษะเพื่่อคุ้มครองตนจากสิ่งชั่วร้าย ชาวอินเดียนแดงเชื่อว่า เทอร์ควอยซ์เป็นสัญลักษณ์แห่งท้องฟ้า เป็นดังลมหายใจและนำมาซึ่งจิตวิญญาณของท้องฟ้าและท้องทะเล ทำให้ยิงธนูได้แม่น และยังเชื่อกันว่า เทอร์ควอยซ์ที่ดีที่สุดนั้นถูกซ่อนไว้ในดินแดนที่อยู่สุดปลายสายรุ้ง

          ส่วนผู้ที่ขี่ม้าในสมัยก่อนนิยมพกอัญมณีชนิด นี้ติดตัวไว้เพื่อป้องกันการตกม้า ความเชื่อดังกล่าวได้สืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน โดยผู้ที่ใช้พกเทอร์ควอยซ์ คือ ผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับเครื่องบิน หรืออาชีพอื่นที่อาจเกดอุบัติเหตุได้ง่าย และหากผู้สวมใส่กำลังตกอยู่ในอันราย เทอร์ควอยซ์จะเปลี่ยนสี

          สีฟ้าของเทอร์ควอยซ์ยังช่วยคลายเครียด ก่อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ และเทอร์ควอยซ์ยังเป็นอัญมณีที่มีคุณสมบัติในด้านความรัก ความเมตตา มิตรภาพอีกด้วย นอกจากนี้ เทอร์ควอยซ์มีทองแดงเป็นส่วนประกอบจึงมีคุณสมบัติช่วยรักษาโรคที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจได้ดี ช่วยรักษาโรคไขข้ออักเสบ อาการปวดสะโพก

ที่มา คุณ นาจิคุง
www.dek-d.com



อัญมณีของผู้ที่เกิดเดือนกรกฎาคม

ทับทิม(Ruby)

“ ราชาแห่งอัญมณี ”

เครื่องรางนำโชค

          กล่าวได้ว่า ทับทิม คือ อัญมณีที่ทรงคุณค่าเป็นอย่างยิ่ง ในคัมภีร์ไบเบิ้ล ยกย่องอัญมณีสีแดงชนิดนี้ว่าเป็นดั่งความมีสติปัญญาอันล้ำเลิศ เชื่อกันว่า ผู้ใดมีทับทิมที่มีสีแดงสดใส ไม่มีตำหนิ จะทำให้ผู้นั้นมีอำนาจ ร่ำรวย สุขภาพสมบูรณ์ มีสติปัญญาดี และประสบความสำเร็จในชีวิต

          ส่วนทางด้านความรัก ถือกันว่าทับทิม คือ อัญมณีที่ทำให้สุขสมหวังในความรัก สีแดงของทับทิมเป็นสีแห่งความรักและอารมณ์ ทับทิมจึงมีพลังช่วยกระตุ้นให้กล้าแสดงออกและกล้าแสดงความรู้สึ กรักมากขึ้น ทำให้สมหวังในเรื่องรัก และยังช่วยผลักดันให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ด้วย ทับทิมยังถูกนำมาเป็นของขวัญในวาระครบรอบการแต่งงานปีที่ 15 และปีที่ 40

          สำหรับผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับเลือด เช่น โลหิตจาง หรือผู้ที่เป็นโรคที่เกี่ยวกับอวัยวะเพศ ทับทิมมีพลังช่วยบำบัดอาการเหล่านี้ได้



อัญมณีของผู้ที่เกิดเดือนกันยายน

ไพลิน (Sapphire)

“ ไพลิน อัญมณีแห่งคุณธรรม ”

          คำเรียกอัญมณีชนิดนี้ แต่เดิมนั้นคนไทยเรียกว่า นิลกาฬ ดังที่ปรากฏในคำกลอนนพรัตน์ที่ว่า “ สีหมอกเมฆนิลกาฬ ” แต่ต่อมาเปลี่ยนมาเรียกกันว่า “ ไพลิน ” เนื่องจาก เมื่อประมาณ 30 – 40 ปีก่อน นิลกาฬสีน้ำเงินเข้มสดที่มาจากจังหวัดไพลิน ประเทศเขมรเป็นที่ต้องการของตลาดมาก เมื่อผู้ขายนำมาขายจึงต้องระบุว่ามาจากจังหวัดไพลิน จนคำว่า “ ไพลิน ” กลายเป็นคำเรียกแทน “ นิลกาฬ ” ไปโดยปริยาย ส่วนคำว่า Sapphire นั้น มาจากคำว่า Sapphiros ในภาษากรีก แปลว่า สีน้ำเงิน

อัญมณีแห่งความจริงใจ

          คนในสมัยโบราณมีความเชื่อเกี่ยวกับอัญมณีชนิ ดนี้หลากหลาย เช่น ชาวยิวเชื่อว่าไพลินเป็นเสมือนสารลับจากพระเจ้า ชาวเปอร์เซียคิดว่าโลกของเราวางอยู่เหนือไพลินขนาดใญ่ ส่วนท้องฟ้า คือ ภาพสะท้อนสีสันอันงดงามของไพลิน

          ไพลินเป็นสัญลักษณ์ของความมั่นคงและความซื่อ สัตย์ ผู้หญิงจำนวนมากจึงเลือกใช้ไพลินมาทำเป็นแหวนหมั้น นอกจากนี้ไพลินยังเป็นอัญมณีแห่งคุณธรรมอีกด้วย ช่วยทำให้ผู้ที่สวมใส่มีจิตใจตั้งมั่นอยู่ในความดี ช่วยควบคุมอารมณ์ เพิ่มความเชื่อมั่นและความศรัทธาต่อตัวเอง ช่วยให้ประสบความสำเร็จในชีวิต และเช่นเดียวกับอัญมณีทรงคุณค่าชนิดอื่น ๆ ไพลินก็มีอำนาจช่วยปกป้องให้พ้นจากภยันตรายต่าง ๆ ด้วย ทางด้านการบำบัดรักษา ไพลินช่วยบรรเทาโรคหรืออาการทางสมอง โรคที่เกี่ยวกับประสาทและไขสันหลัง ผิวหนังอักเสบได้

ตำนานกำเนิดไพลิน

               ในคัมภีร์พระเวทบันทึกไว้ว่า ไพลิน คือ ดวงตาของอสูรวลาซึ่งถูกเหล่าเทวดาหลอกมาสังหารแล้วแยกชิ้นส่วนร่างกายของอสูรตนนี้ออกอันเนื่องมาจากอสูรวลา มีอำนาจเหนือพระอินทร์ คอยกดขี่ข่มเหงเทวดาอื่น ๆ ชิ้นส่วนร่างของมารวลาที่ตกลงมาบนโลกมนุษย์ได้กลายเป็นอัญมณีชนิดต่าง ๆ ส่วนดวงตานั้นได้ตกลงมายังเกาะลังกา



อัญมณีของผู้ที่เกิดเดือนมีนาคม

อะควอมารีน (Aquamarine)

“ อะควอมารีน ของขวัญจากทะเล”

          อะควอมารีน (Aquamarine) อัญมณีสีฟ้าใสนี้อยู่ในตระกูลเบริล (Beryl) ตระกูลเดียวกันกับมรกตจึงมีความแข็ง 7.5 โมส์ และมีความวาวแบบแก้วเช่นเดียวกัน

          คำว่า “Aquamarine” นั้นมาจากภาษาละติน แปลว่า น้ำทะเลซึ่งเป็นสีของอัญมณีชนิดนี้นั่นเอง สีของอะควอมารีนซึ่งเกิดจากธาตุเหล็กเป็นส่วนประกอบ มีตั้งแต่สีฟ้าอมเขียวไปจนถึงสีเขียวอมฟ้า แต่สีที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือ สีฟ้าที่ไม่มีสีเขียวปนอยู่เลยหรือสีน้ำทะเลซึ่งเป็นสีที่หายาก จึงมีการปรับปรุงคุณภาพของอะควอมารีนโดยการเผาเพื่อขจัดสีเขียว ออกไป จึงอาจกล่าวได้ว่า อะควอมารีนในปัจจุบันนี้ล้วนผ่านการปรับปรุงคุณภาพด้วยวิธีนี้ม าแล้วทั้งสิ้น

          ด้วยสีฟ้าใสที่เย็นตาของอะควอมารีน จึงเป็นอัญมณีที่ดึงดูดใจหญิงสาวทั่วโลก นอกจากนี้ยังเป็นอัญมณีที่บรรดานักออกแบบชื่นชอบและเลือกนำไปทำ เป็นเครื่องประดับต่าง ๆ มากมาย

เครื่องรางนำโชคของนักเดินเรือ 

          จากนิทานเก่าแก่ของอิตาลี ได้กล่าวไว้ว่า เทพเนปจูน เทพแห่งมหาสมุทรได้มอบอะความารีนให้เป็นของกำนัลแก่นางเงือกเสม อ นักเดินเรือในสมัยโบราณเชื่อว่าอะความารีนเป็นหินนำโชค สามารถคุ้มครองพวกเขาจากภยันตรายต่าง ๆ จากทะเลได้ และยังช่วยไม่ให้เมาคลื่นด้วย พอถึงยุคกลางของยุโรป เชื่อกันว่า อะความารีนจะช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถเอาชนะความชั่วร้ายที่เข้าม ารังควานได้

          อัญมณีสีฟ้าเป็นสีที่ให้ความรู้สึกสงบ มองดูเยือกเย็น มีพลังในการขจัดความสับสนวุ่นวายภายในจิตใจได้ ดังนั้น หากสวมใส่อะความารีนไว้ก็จะช่วยคลายความวิตกกังวล หรือความคิดด้านลบออกไปได้ นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความรู้สึกไว้วางใจกัน ความเข้าใจกัน ทำให้สัมพันธภาพยั่งยืนนาน หากคู่รักเลือกใส่อะความารีนก็จะช่วยให้ชีวิตแต่งงานมีความสุข

          ทางด้านการบำบัดรักษา อะความารีนมีพลังช่วยบรรเทาการเจ็บป่วยที่เกิดจากความร้อนได้ด้ วย เช่น ไฟไหม้ น้ำร้อนลวก หรือลดไข้ ช่วยบรรเทาอาการที่เกี่ยวเนื่องกับระบบประสาทและลำคอ



อัญมณีของผู้ที่เกิดเดือนเมษายน

เพชร (Diamond)

“ เพชร อัญมณีที่แข็งแกร่ง ”

          ส่วนผู้ที่ทำให้เพชรเป็นที่นิยมแพร่หลายไปทั่วยุโรป คือ แอ็กเนส โชเวล เธอได้สวมใส่เพชรเป็นเครื่องประดับไปในงานของราชสำนักฝรั่งเศสเ ป็นคนแรก ทำให้ผู้คนในงานได้ประจักษ์ถึงประกายอันงดงามของอัญมณีชนิดนี้ และต่อมาเพชรจึงแพร่กระจายไปทั่วโลก เป็นที่นิยมกันอยู่ทุกวันนี้

อัญมณีแห่งอำนาจ

          เพชร หรือ Diamond เป็นคำที่มาจากภาษากรีกว่า Adamas แปลว่า ไม่มีใครเอาชนะได้ ส่วนในภาษาไทย “ เพชร ” มาจากคำว่า “ วัชระ ” ในภาษาสันสกฤตซึ่งแปลว่า สายฟ้า หรืออาวุธของพระอินทร์ เชื่อกันว่าเพชรจะช่วยให้ผู้ที่สวมใส่มีชัยชนะเหนือผู้อื่นเสมอ และเพชรยังมีอำนาจศักดิ์สิทธิ์ ช่วยปกป้องคุ้มครองผู้นั้นให้พ้นจากสิ่งชั่วร้ายทั้งปวง ทำให้ชีวิตมีความเจริญรุ่งเรือง ประสบแต่โชค นอกจากนี้ เพชรยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความรัก

          ทางด้านการบำบัดรักษา เพชรช่วยป้องกันการอักเสบตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ สำหรับผู้ที่สูญเสียความมั่นใจหรือต้องการความกล้าหาญ เพชรมีพลังช่วยกระตุ้นให้เกิดความมั่นใจในการเผชิญหน้ากับเหตุก ารณ์ต่าง ๆ อย่างมีสติ และยังช่วยชำระล้างจิตใจให้บริสุทธิ์ด้วย

กำเนิดเพชร

          ตามตำนานในคัมภีร์พระเวทบันทึกไว้ว่า เพชรเกิดจากชิ้นส่วนกระดูกทั้งหมดของอสูรวลาที่ร่วงหล่นลงมาบนโลกมนุษย์



อัญมณีของผู้ที่เกิดเดือนตุลาคม

โอปอล (Opal)

“ โอปอล อัญมณีสีรุ้ง ”

          สีสันหลากหลาบนโอปอลมีตำนานเล่าขานกันว่า เทพแห่งดวงอาทิตย์ เทพแห่งไฟ และเทพแห่งสวรรค์หลงรักผู้หญิงคนเดียวกัน ทำให้เทพทั้งสามบาดหมางกัน เทพเจ้าซีอุสจึงแก้ปัญหาโดยสาปหญิงผู้นั้นให้กลายเป็นหมอก แต่เทพทั้งสามกลับกลัวว่าตนเองจะจำหญิงผู้นั้นไม่ได้ เทพแห่งดวงอาทิตย์จึงให้สีทองแก่นาง เทพแห่งไฟให้สีแดง ส่วนเทพแห่งสวรรค์ให้สีน้ำเงิน เทพซีอุสเห็นว่าเรื่องราววุ่นวายมากขึ้น จึงเสกให้ร่างของหญิงสาวกลายเป็นโอปอล ตั้งแต่นั้นมา โอปอลจึงมีสีสันสวยงามดังที่เห็น

 


อัญมณี และ ความเชื่อ, อัญมณี และ ความเชื่อ หมายถึง, อัญมณี และ ความเชื่อ คือ, อัญมณี และ ความเชื่อ ความหมาย, อัญมณี และ ความเชื่อ คืออะไร

ร่วมเป็นแฟนเพจเรา บน Facebook..ได้ที่นี่เลย!!

คำยอดฮิต

Sanook.commenu