สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณอายุตั้งแต่ 5,000 ปี ก่อนคริสตกาล - ค.ศ. 500 ประมวลและจัดโดยนักปราชญ์กรีก ชื่อ แอนติเพเตอร์( Antipater ) แห่งไซดอน ( Sidon )ในศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสตกาล สิ่งมหัศจรรย์เหล่านี้ล้วนเป็นอาคารหรืออนุสาวรีย์ขนาดมโหฬาร และที่จัดใว้ 7 อันดับ ก็เพราะเลข 7 นั้นกรีกถือว่าเป็นเลขที่ศักดิ์สิทธิ์นั่นเอง
สิ่งมหัศจรรย์ของโลก 7 อย่าง ยุคโบราณเป็นผลงานของมนุษย์ทางด้านวิศวกรรม สถาปัตยกรรมและศิลปกรรม จากยุคสมัยแรกเริ่มอารยธรรมของโลกในแถบลุ่มแม่น้ำไนล์ ในประเทศอียิปต์ ถึงยุคความรุ่งเรืองของอารยธรรมกรีกโบราณและยุคสมัยอาณาจักรโรมันเรืองอำนาจ สิ่งมหัศจรรย์ของโลกดึกดำบรรพ์นั้น บัดนี้เหลือให้เห็นเพียงแค่พีระมิดของอียิปต์ แต่อีก 6 สิ่งนั้น ไม่มีปรากฎให้เห็นแล้ว
พีระมิดแห่งเมืองกิเซห์ (The Great Pyramid of Giza)
สถานที่ตั้ง เมืองกิเซห์ ประเทศอียิปต์
ปัจจุบัน สามารถเข้าเยี่ยมชมได้
พีระมิดเป็นที่เก็บพระศพของกษัตริย์อียิปต์ในสมัยโบราณ ตั้งอยู่บริเวณริมฝั่งตะวันตกของแม่น้ำไนล์ ห่างไปทางตอนใต้ของเมืองอเลกซานเดรีย ประมาณ 160 กิโลเมตร สร้างด้วยหินเป็นรูปกรวยเหลี่ยม เมื่อประมาณ 3500 ปี ก่อนคริสตกาล กินเนื้อที่ในบริเวณพีระมิด 131 เอเคอร์ พีระมิดนี้ สูงถึง 147 เมตร ฐานกว้างด้านละ 230 เมตร ใช้ก้อนหินในการก่อสร้าง 2500000 ก้อน หนักก้อนละ 2 ตันครึ่ง บางก้อนหนักถึง 16 ตัน รวมน้ำหนักกว่า 6,000,000 ตัน มีการเตรียมการสร้างถึง 10 ปี ใช้กรรมกรก่อสร้างประมาณ 100000 คน มาใช้แรงงานถึง 20 ปี เพื่อสร้างพีระมิดดังกล่าวให้สำเร็จจนลุล่วง ปัจจุบันส่วนยอดของพีระมิดทรุดโทรมลงจนมีความสูงเพียง 137 เมตร
เทวรูปเทพเจ้าซีอุสที่โอลิมเปีย (The Statue Of Zeus At Olympia)
สถานที่ตั้ง เมืองโอลิมเปีย ประเทศกรีก
ปัจจุบัน ไม่เหลือซาก
เทวรูปซีอูส ตั้งอยู่ในวิหารโอลิมเปีย ประเทศกรีก เป็นเทวรูปของ ซีอูส ลักษณะประทับอยู่บนบัลลังก์ทอง ซึ่งแกะสลักโดยช่างที่มีชื่อเสียงในสมัยนั้นมีชื่อว่า ฟีดีอัส ประมาณศตวรรษที่ 5 โดยกล่าวกันว่า ตัวเทพซีอูส แกะสลักด้วยงาช้าง สูง 40 ฟุต พระหัตถ์ซ้ายทรงคธา พระหัตถ์ขวารองรับรูปปั้นแห่งชัยชนะ มีเครื่องประดับกายทำด้วยทองคำล้วนๆ นับว่าเป็นเทวรูปแกะสลักที่ใหญ่ที่สุดและถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่เคารพบูชา ของชาวกรีก
สวนลอยแห่งกรุงบาบิโลน (THE HANGING GARDENS OF BABYLON )
สถานที่ตั้ง กลางทะเลทราย เมืองแบกแดด ประเทศอิรัก
ปัจจุบัน ทั้งสวนและผนังดังกล่าวทรุดโทรมจนแทบไม่เหลือซากแล้ว
สวนลอยแห่งกรุงบาบิโลนนี้ กินเนื้อที่ 4 เอเคอร์สร้างขึ้นเมื่อประมาณปี พ.ศ. 63 โดยพระเจ้าเนบูชาดเนสซาร์ที่ 2 กษัตริย์แห่งเปอร์เซียหลังจากการพิชิตปราบปรามเมืองใกล้เคียงมาอยู่ในอำนาจ แล้วก็กวาดต้อนประชาชนพลเมือง มาใช้เป็นทาสให้สร้างสวนลอยนี้ขึ้นบนทะเลทราย มีกำแพงดินกั้นล้อมรอบและประกอบด้วยลานกว้างๆเป็นหลายๆส่วนบนพื้นที่โค้ง มีความสูงมากและปลูกต้นไม้ ดอกไม้สีสันสดใสสร้างสระน้ำสีต่างๆทำน้ำตก น้ำพุ โดยทำท่อเอาน้ำมาจากลุ่มแม่น้ำยูเฟตีส สวนลอยแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประพาส หย่อนพระทัยของพระมเหสีเซมีรามีส
มหาวิหารเดียน่า หรือ มหาวิหารอาเธมิส ( THE TEMPLE OF ARTEMIS AT EPHESUS )
สถานที่ตั้ง เมืองเอฟฟิอุส ประเทศกรีก
ปัจจุบัน ยังมีซากหลงเหลืออยู่บ้าง
โบสถ์แห่งเดียนา สร้างขึ้นโดยชาวเอฟฟิเซียนด้วยฝีมือของบรรดาสถาปัตย์กรีกผู้มีชื่อเสียง ซึ่งสร้างได้งามวิจิตรพิสดารมากทั้งนี้เพื่อเป็นที่ระลึกถึง อาร์เทมิส ผู้มาจากสวรรค์ผู้ที่ได้ช่วยกู้ความหายนะของเมืองไว้ได้ถึง 2 ครั้ง เมื่อศตวรรษที่ 5 ก่อนคริศตกาล ยาวถึง 425 ฟุต กว้าง 225 ฟุต มีเสาหินอ่อนรวม 127 ต้น แต่ละต้นสูง 60 ฟุต หลังคาใช้กระเบื้องหินอ่อน ส่วนประตูประดับประดาไปด้วยงาช้างและทองคำ
สุสานของกษัตริย์โมโซรุส (The Mausoleum at Halicarnassus)
สถานที่ตั้ง เมืองฮาลคาร์นาซัส ประเทศตุรกี
ปัจจุบัน ยังมีซากหลงเหลือ
สุสานของมอโซลุส หรือ สถานที่เก็บพระศพของพระเจ้ามอโซลุสกษัตริย์แห่งเอเซียไมเนอร์ ซึ่งพระนางเตมีเซีย บรมราชินีได้ขึ้นครองราชย์ ต่อจากพระราชสวามีและได้เป็นผู้สร้างขึ้นไว้เพื่อเป็นที่ฝังพระศพของพระราชสวามี ที่เมืองซาเรีย (เมืองฮาลคาร์นาซัสในปัจจุบัน)โดยใช้ช่างออกแบบ ฟิดิอัส ซาติรัส บรายอาซีส สโคปาส ทิโมทิอัส ที่มีชื่อเสียง ฝีมือเยี่ยมในกรีก ทั้งหมดมาช่วยกันสร้างด้วยหินอ่อน แต่ยังไม่ทันสร้างเสร็จพระนางก็สิ้นพระชนม์เสียก่อน สร้างเมื่อประมาณ 352 ปีก่อนคริสตกาล มีความสูง 140 ฟุต วัดฐานโดยรอบยาว 111 ฟุต แบ่งเป็น 5 ชั้น บนยอดมีรูปปั้นมอโซลุส ประทับบนราชรถเทียมด้วยม้า
เทวรูปเทพเจ้าเฮลิออส (The Colossus of Rhodes)
สถานที่ตั้ง เกาะโรดส์ ประเทศกรีก
ปัจจุบัน ไม่เหลือซาก
เป็นรูปสำริดขนาดใหญ่ของพระอาทิตย์หรือรูปหล่อของเทพเจ้าอะพอลโล หล่อด้วยทองบรอนซ์ ในท่ายืน สูง 100 ฟุตโดยเฉพาะฐานที่รองรับรูปหล่อนั้นสูงกว่าตึก 5 ชั้น พระหัตถ์ขวาถือดวงประทีป ตั้งอยู่หน้าเมืองโรดส์ประเทศกรีก สร้างโดยกษัตริย์แชรัสแห่งลินดัส เชื่อกันว่าเป็นรูปปั้นที่คอยกั้นอ่าวของเกาะแห่งนี้ของกรีกในทะเลเอเจียน สร้างเสร็จหลังจากใช้เวลา 12 ปี แล้วเสร็จเมื่อประมาณ 280 ปีก่อนคริสตกาล และต้องพังทลายลง เพราะแผ่นดินไหว ถูกทอดทิ้งเป็นเวลา 900 ปี จึงถูกขายเป็นเศษเหล็ก ให้แก่ชาวเมืองซาราเซน เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการสงคราม
ประภาคารฟาโรส์แห่งอเล็กซานเดรีย (The Lighthouse of Alexandria :The Pharos of Alexandria )
สถานที่ตั้ง เกาะฟาห์โรห์ เมืองอเล็กซานเดรีย ประเทศอียิปต์
ปัจจุบัน ไม่เหลือซาก
ประภาคารฟาห์โรห์ ตั้งอยู่บนเกาะฟาห์โรห์ในอ่าวหน้าเมืองอเลกซานเดรีย สร้างเมื่อประมาณ 280 ปี ก่อนคริสตกา โดยพระเจ้าปโตเลมีที่ 2 กษัตริย์แห่งประเทศอียิปต์ สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่สังเกตแก่ชาวเรือที่จะเข้าเมืองท่าอียิปต์ สร้างด้วยหินอ่อนสีขาวสลักลวดลายวิจิตรงดงาม สูงประมาณ 400 ฟุต บนยอดมีตะเกียงจุดไฟแก๊สขนาดใหญ่ ในสมัยนั้นอียิปต์เป็นประเทศที่เจริญในวิทยาการต่างๆใครๆก็ชอบที่จะติดต่อทำการค้าด้วย เหตุนี้จึงต้องสร้างประภาคารขึ้นจุดตะเกียงแก๊สตลอดทั้งคืน เพื่อให้ผู้ที่ไม่เคยเดินเรือใช้เป็นที่สังเกตจะได้ไม่หลง นอกจากนั้นแล้ว ยังใช้เป็นหอคอยไว้ดูข้าศึกที่จะมารุกรานอีกด้วย หลังจากเกิดแผ่นดินไหว ประภาคารนี้ก็พังทลายลงมาตั้งแต่ ค.ศ. 955 และถูกทำลายโดยสมบูรณ์ในช่วงศตวรรษที่ 14
ขอบคุณข้อมูลจาก www.thaigoodview.com