วันไหนมีฝนตกมีสิ่งหนึ่งที่เรามักพบเห็นเป็นประจำคือ สายฟ้าที่วิ่งไปมาในก้อนเมฆที่เราเรียกมันว่า ฟ้าแลบ และสายฟ้าที่วิ่งลงสู่พื้นดินเรียกว่า ฟ้าผ่า ส่วนเสียงดังที่หลายๆคนกลัวหลังสายฟ้าแลบ และ ฟ้าผ่า เรียกว่าฟ้าร้อง ปรากฏการ์ณทางธรรมชาติเหล่านี้เกิดมาคู่กับโลกของเรามานานแสนนาน ในบางทีเราจะเจอเหตุการณ์นี้แทบทุกวัน มนุษย์ยุคแรกๆนั้นกลัวต่อปรากฏการณ์นี้มากโดยเฉพาะฟ้าผ่า เนื่องจากเขาคิดว่าฟ้าผ่าเป็นการกระทำของภูตผีปีศาจที่มีอำนาจเหนือพวกเขา
เมื่อความคิดของมนุษย์ได้เริ่มมีการพัฒนามากขึ้นคำอธิบายเกี่ยวกับฟ้าผ่าก็ได้เปลี่ยนแปลงไปในเทพนิยายของกรีกในโลกตะวันตกนั้นกล่าวว่า สายฟ้าคืออาวุธของเทพซีอุส (Zeus) ซึ่งเป็นเจ้าแห่งเทพทั้งหมด (ถ้าลองเปรียบเทียบกับเทวดาในนิยายไทย เทพซีอุสคือพระอินทร์ของเรานั่นเอง) ส่วนความชั่วของชนเผ่าไวกิ้ง (Viking) กล่าวว่าสายฟ้าที่เกิดจากการที่เทพเจ้าเทอร์ (Thor) เอาค้อนตีแท่งตีเหล็กเวลาขับรถม้าบนก้อนเมฆ ส่วนชนเผ่าอินเดียแดงมีความเชื่อว่าสายฟ้าเกิดจากนกที่ชื่อว่า มิสติค (Mystical bird) ส่วนของไทยเราก็มีเรื่องราวเกี่ยวกับยักษ์รามสูรและนางเมขลาที่เรารู้จักกันดี
ปัจจุบันความรู้ทางวิทยาศาสตร์ของเราได้ถูกพัฒนาไปไกลมาก เรารู้ว่าความเชื่อเหล่านี้ไม่ถูกต้อง แต่เรารู้เกี่ยวกับปรากฏการณ์นี้มากแค่ไหนหรือ มันเกิดขึ้นได้อย่างไร ลองถามตัวคุณดู แล้วคุณจะรู้ว่าความรู้ของคุณเกี่ยวกับปรากฏการณ์ฟ้าผ่ามีอยู่น้อยมากหรือแทบไม่รู้อะไรเลย
เรารู้ดีว่าปรากฏการณ์ฟ้าผ่าเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติอย่างหนึ่ง มันอยู๋ใกล้ตัวเรามาก จะพบเห็นได้แทบทุกครั้งที่มีฝนตก อีกทั้งเรายังฟังข่าวว่ามีคนได้รับอุบัติเหตุจากการโดนฟ้าผ่าบ่อยๆ บางครั้งก็มีการเสียชีวิต เฉพาะที่อเมริกาแห่งเดียวมีคนถูกฟ้าผ่าตายราว 200 คนต่อปี แม้ว่าฟ้าผ่าจะอันตรายใกล้ตัวเรา แต่การศึกษาในเรื่องนี้มีอยู่ไม่มากนัก ที่แล้วมาที่เกี่ยวข้องกับฟ้าผ่าที๋โด่งดังที่สุดคงเป็นของ เบนจามิน เฟรงคลิน (Benjamin Franklin) ในช่วงศตวรรตที่ 18 โดยใช้ว่าวกับแผ่นทองแดงไปล่อฟ้าผ่านั่นเอง ทำให้เรารู้ว่า ฟ้าผ่าเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดจากการไหลของประจุไฟฟ้าจากที่ๆมีศักย์ไฟฟ้าสูงไปยังที่ที่มีศักย์ไฟฟ้าต่ำ
ปรากฏการณ์นี้เป็นปรากฏการณ์ที่น่าสนใจมากเนื่องจากกระแสไฟฟ้าที่เกิดขึ้นในช่วงที่เกิดฟ้าผ่ามีค่าสูงมาก อยู่ในระดับหมื่นแอมแปร์เลยทีเดียว ถ้าอยากรู้ว่าสูงแค่ไหนก็ลองเปรียบเทียบกับกระแสไฟฟ้าที่ใช้ตามบ้านดูสิ
โดยปรกติกระแสไฟฟ้าที่ใช้ตามบ้านของเรามีค่าอยู่ที่ 15 - 30 แอมแปร์แค่นั้นเอง ดังนั้นกระแสไฟฟ้าในช่วงฟ้าผ่าจึงถูกเป็นพันเท่าของกระแสไฟฟ้าทีใช้ตามบ้าน จะเห็นได้ว่ามันสูงมาก เนื่องจากปริมาณกระแสไฟฟ้าที่สูงนี้เองฟ้าผ่าจึงสามารถทำอันตรายต่อทุกสิ่งที่มันได้สัมผัส รวมถึงตัวคนเราด้วย
: ดร. ธวัชชัย อ่อนจันทร์
: วิชาการ.คอม
กระแสไฟฟ้าอันมากมายที่เกิดขึ้นในช่วงที่ฟ้าผ่ามาจากไหน
กระแสไฟฟ้าอันมากมายที่เกิดขึ้นในช่วงที่ฟ้าผ่ามาจากไหน เป็นคำถามที่หลายคนคงอยากจะรู้ ถ้าจะดูรายละเอียดการเกิดขึ้นของฟ้าผ่าคงจะต้องเริ่มจากการเกิดขึ้นของเมฆ ก่อนที่จะเกิดพายุฝนความชื้นที่มีอยู่ในอากาษจะรวมตัวกันเมื่อปะทะกับอากาศเย็นก็จะกลายเป็นก้อนเมฆที่เราเห็นบนท้องฟ้า เมฆแบบนี้เรียกว่า เมฆคูมูลัส (Cumulus) เมฆชนิดนี้จะรวบรวมไอน้ำในอากาศแล้วมีขนาดใหญ่มากขึ้นเรื่อยจนกระทั่งมันเริ่มตกลงมาเป็นฝน แต่ระหว่างที่มันรวบรวมไอน้ำนี่เอง ก้อนน้ำแข็งเล็กๆในเมฆจะเสียดสีกันกับอากาศระหว่างที่เมฆถูกลมพัด การเสียดสีนี้เองที่จะนำไปสู่การเกิดขึ้นของไฟฟ้าสถิต โดยที่เมฆจะทำหน้าที่เป็นตัวเก็บประจุไฟฟ้าเหล่านี้ เนื่องจากมีสนามไฟฟ้าที่เกิดขึ้นจากความต่างศักย์ของชั้นบรรยากาศระดับสูงที่เรียกว่า ชั้นไอโอโนสเพียร์ (Ionosphere) และพื้นดิน
โดยทั่วไปความต่างศักย์ไฟฟ้าระหว่างชั้นไอโอโนสเพียร์และพื้นดินจะอยู่ที่ประมาณ 200,000 V ถึง 500,000 V ความต่างศักย์ไฟฟ้านี้เองทำให้ประจุไฟฟ้าในเมฆแยกโดยที่ประจุบวกจะอยู่บริเวณด้านบนของเมฆและประจุลบจะอยู่ที่ด้านล่าง ประจุไฟฟ้าลบที่อยู่ด้านล่างของเมฆจะเหนี่ยวนำให้เกิดประจะไฟฟ้าบนพื้นดิน เมื่อประจุมารวมตัวกันมากๆ การเคลื่อนที่ของประจะก็จะเกิดขึ้นซึ่งนำไปสู่ปรากฏการณ์ฟ้าแลบฟ้าผ่าในที่สุด ถ้าเกิดการถ่ายเทประจุลงสู่พื้นดิน เมื่อประจุมารวมตัวกันมากๆ การเคลื่อนที่ของประจุก็จะเกิดขึ้นซึ่งนำไปสู่ปรากฏการณ์ฟ้าแลบและฟ้าผ่าในที่สุด ถ้าเกิดการถ่ายเทประจุลงสู่พื้นดินก็จะเรียกว่า ฟ้าผ่า ถ้าเกิดการถ่ายเทประจุระหว่างเมฆด้วยกันก็จะเป็นฟ้าแลบ
หากเกิดฟ้าผ่าสิ่งที่เราควรกระทำมากที่สุดคือ อย่าให้เราเป็นจุดเด่นในที่โล่ง เพราะฟ้าผ่าจะวิ่งมาที่เรา ส่วนการคิดที่จะหลยอยู่ใกล้ต้นไม้ใหญ่ก็ไม่ถูกต้องเนื่องจากเมื่อมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นมึงจะวิ่งไปที่ต้นไม้และกระจายไปสู่พื้นดินรอบๆตันไม้นั่นเอง ดังนั้นถ้าเราไปอยุ่ใกล้ต้นไม้เราก็สามารถได้รับอันตรายได้เช่นกัน ทางที่ดีที่สุดคือพยายามที่จะรักษาตัวเราให้ต่ำที่สุดและหาที่ป้องกัน เช่นหลบในรถยนต์ เป็นต้น
: ฟ้าผ่า โดย คุณ พวงร้อย