หากท่านเคยมีอาการหลับยาก ใช้เวลานานกว่าจะหลับ หรือตื่นนอนเร็วมากแม้จะอดนอนและอยากจะนอนต่อก็ตามก็นอนไม่หลับแล้ว และมีอาการแบบนี้อยู่บ่อยๆ ติดต่อกัน นั่นก็แสดงว่าท่านกำลังมีปัญหาโรคนอนไม่หลับ บางครั้งแบบที่เป็น 1-2 วันอาจจะมีสาเหตุมาจากความเครียดหรือตื่นเต้นเรื่องใดเรื่องหนึ่งอยู่ก็เป็นได้ ทั้งนี้อาการนี้จะกลายไปเป็นอาการเรื้อรังได้โดยมีอาการติดต่อกันเป็นเดือน เป็นปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มีสาเหตุมาจากความเครียด ความกังวล หรือซึมเศร้า และจะพบมากในคนสูงอายุ
คนบางคนต้องการนอน 9-10 ชั่วโมงจึงจะรู้สึกว่าได้พัก กับอีกบางคนนอนเพียว 5-6 ชั่วโมงก็เพียงพอสำหรับเขาแล้ว ดังนั้นในคนที่มีปัญหาโรคนอนไม่หลับอาจจะได้นอนนานกว่าคนเหล่านี้ก็เป็นได้
ปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษาที่เฉพาะเจาะจงวิธีใดวิธีหนึ่งสำหรับโรคนอนไม่หลับ การรักษาจะแตกต่างกันไป โดยต้องสอบถามและค้นหาสาเหตุด้วยเพื่อการรักษาที่มีประสิทธิภาพ
อาการโรคนอนไม่หลับ
-หลับยากมาก
-หลับไม่ต่อเนื่อง หลับๆ ตื่นๆ อาจจะต้องลุกมาเดินบ่อยๆ
-นอนหลับแต่จะตื่นเช้ามากกว่าที่ต้องการและจะไม่สามารถนอนต่อได้
-อ่อนเพลีย ขาดสมาธิ อารมณ์เสีย
สาเหตุของโรคนอนไม่หลับ
โรคนอนไม่หลับมักจะเกิดจากปัจจัยอื่นๆ มากระทบ เช่น การเดินไปเปลี่ยนสถานที่พัก อาการปวด ความเครียด ความกดดันทางจิตใจ บรรยากาศที่นอนไม่ดี เช่น มีเสียงดัง เผชิญปัญหาชีวิต และอื่นๆ และเมื่อปัญได้รับการแก้ไข อาการนอนไม่หลับก็จะดีขึ้นจนเป็นปกติ ทั้งนี้อาการโรคนอนไม่หลับอาจจะถูกกระตุ้นด้วยปัจจัยอื่นๆ คือ
-คาเฟอีนและสารกระตุ้นประสาทอื่นๆที่ได้รับระหว่างวัน เช่น ชา กาแฟ หรือ ยาบางชนิด
-เครื่องดื่มที่มีอัลกอฮอล์จะทำให้ร่างกายหลับไม่ปกติ เช่น ทำให้ตื่นบ่อย หลับไม่สนิท หลับๆ ตื่นๆ
-โรคบางชนิดก็ทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับ เช่น โรคหัวใจ ปอด Hyperthyroidism โรคปวดไขข้อ เป็นต้น นอกจากนี้ โรคต่อมลูกหมากโต โรคไต เบาหวาน ก็เป็นเหตุให้นอนหลับๆ ตื่นๆ หลับไม่ปกติ เพราะอาจจะต้องลุกขึ้นมาปัสสาวะกลางดึกบ่อยๆ
-การออกกำลังหนักในช่วงบ่ายๆ
-ภาวะตั้งครรภ์ (โดยเฉพาะช่วงเดือนสุดท้ายของการตั้งครรภ์)
-การสูบบุหรี่
-การรับประทานอาหารมื้อเย็นมากหรือน้อยเกินไป
-ที่นอนไม่ดี
ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับได้ให้ความเห็นว่า อาการนอนไม่หลับมีสาเหตุมาจากพฤติกรรมการนอนของผู้ป่วยที่ปฏิบัติต่อเนื่องมานาน เช่น การใช้เวลาอยู่บนเตียงมากเกินไป อาจจะนั่งเฉยๆ หรือนั่งเล่นโดยไม่ได้นอนหลับ การใช้ยาบางชนิด การพฤติกรรมการงีบหลับบ่อยๆ และความกังวล ทั้งนี้ยิ่งกังวลเกี่ยวกับการนอนมาก เท่าไหร่ก็จะยิ่งหลับยากเท่านั้น
สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ โรคการหายใจติดขัดขณะนอนหลับ (sleep apnoea and hypopnoea syndrome -OSAHS) ซึ่งจะเกิดจากการที่หลอดลมเกิดการบีบตัวทำให้การหายใจเกิดการหยุดชะงัก โดยมีอาการกรนเสียงดังเป็นอาการหลักของโรคนี้ ทำให้ผู้ป่วยจะหลับไม่ต่อเนื่อง หลับๆ ตื่นๆ การรักษาต้องใช้เครื่องมือในระหว่างนอนหลับเพื่อขยายกล้ามเนื้อบริเวณคอ เพื่อลดอาการดังกล่าว
การรักษาและการป้องกัน
การรักษาด้วยยาจะถูกใช้บ่อยๆ เป็นการรักษาแบบง่ายๆ ที่แพทย์ทั่วไปมักนิยมใช้กัน โดยจะให้ยานอนหลับซึ่งแพทย์มักจะบอกให้ใช้ได้ชั่วคราว หรือเมื่อต้องการเท่านั้น ห้ามใช้ยาต่อเนื่องเพราะอาจจะทำให้เกิดการติดยาได้ ทั้งนี้บางทีผู้ป่วยอาจจะต้องการแค่ยาแบบอ่อนๆ เพื่อเริ่มหลับได้เท่านั้น ไม่ถึงกับต้องใช้ยานอนหลับก็เป็นได้
บางทีคนที่อาการนอนไม่หลับอาจจะต้องการยากลุ่มยาแก้อาการซึมเศร้า (Antidepressant) หรือกลุ่ม Anti-anxiety มากกว่าจะต้องการยานอนหลับ ซึ่งน่าจะลองปรึกษาแพทย์ดูเพื่อให้มีทางเลือกมากขึ้น
แต่หากปัญหาการนอนหลับยังคงเป็นแบบต่อเนื่องและเรื้อรัง แนะนำให้ไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชขาญการนอนหลับ เพื่อหาสาเหตุโดยละเอียด และหาวิธีวางแผนการรักษาต่อไป ซึ่งจะมีทั้งการแนะนำวิธีการปฏิบัติตัวร่วมด้วย เช่น ไปที่เตียงเฉพาะเมื่อจะไปนอนเท่านั้น การฝึกการผ่อนคลาย นอนให้เป็นเวลา
นอกจากนี้ยังมีวิธีการรักษาแบบแพทย์ทางเลือกที่อาจจะช่วยได้เช่น การฝังเข็ม การนวด การนั่งสมาธิเพื่อลดความเครียด ซึ่งอาจได้ผลไม่แพ้การรักษาด้วยยานอนหลับ แต่ควรปรึกษาแพทย์ผู้รักษาก่อน โดยสอบถามถึงวิธีการอื่นที่ท่านสนใจกับแพทย์ ทั้งนี้ไม่แนะนำให้หยุดยาที่แพทย์จ่ายให้ด้วยตนเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์
อาหารอะไรที่ช่วยได้
จากที่ค้นมาพบว่ามีการศึกเกี่ยวพืชชื่อ "Valerian" มีคุณสมบัติช่วยในเรื่องการนอนหลับได้ดี และควรใช้สลับกับพืชชนิดอื่นๆ จะยิ่งให้ผลดียิ่งขึ้น เช่น Chamomile, Melissa, Kava ล้วนแต่เป็นพืชที่ไม่มีและไม่มีขายในเมืองไทยเลย แต่มีคำเตือนเกี่ยวกับ Kava ให้ระมัดระวังในการใช้เพราะมีผลข้างเคียงต่อตับ
Melatonin ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์ที่เลียนแบบการรักษาและการป้องกันฮอร์โมนธรรมชาติที่เกี่ยวกับการนอนหลับ คนที่เดินทางไปเมืองนอกบ่อยๆ จะนิยมรับประทาน Melatonin เพราะช่วยได้ดีในเรื่องอาการ Jet lag ซึ่งในที่ป่วยเรื้อรังแนะนำให้ใช้ Melatonin สลับกับ Valerian และจะได้ผลดีขึ้นหากใช้สลับกับ GABA (gamma-aminobutyric acid) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่จะขัดขวางการสื่อประสาทในสมองที่เกี่ยวข้องกับความเครียด อีกตัวก็ 5-HTP (เป็นกรดอมิโนชนิดหนึ่ง) ที่จะช่วยเพิ่มระดับการนอนหลับได้ดีขึ้น โดยการไปเพิ่มการสร้างสารชื่อ Serotonin
การที่ร่างกายขาด Calcium หรือ Magnesium ก็จะส่งผลให้เกิดการนอนไม่หลับหรือนอนหลับยากในบางคน อีกทั้ง มันยังไปช่วยเสริมประสิทธิภาพของ 5-HTP ให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตามหากอาการโรคนอนไม่หลับมีสาเหตุมาจากภาวะซึมเศร้า (Depression) แนะนำให้เริ่มต้นด้วยพืช St. John's wort ซึ่งมีการศึกษาวิจัยมากมายในการช่วยบรรเทาอาการภาวะซึมเศร้า (Depression) อย่างได้ผลดีทีเดียว แต่เนื่องจาก St. John's wort เป็นพืชชนิดหนึ่งซึ่งเป็นสารธรรมชาติจะออกฤทธิ์ช้าดังนั้นควรรับประทานต่อเนื่องกันอย่างน้อย 1 เดือนถึงจะเริ่มเห็นผลเต็มที่
วิธีดูแลรักษาด้วยตนเอง
-ควรนอนหลับอย่างเป็นเวลาไม่ว่าจะเป็นวันทำงานหรือวันหยุด พร้อมทั้งหลีกเลี่ยงการงีบหลับระหว่างวัน
-งดชา กาแฟและเครื่องดื่มที่ผสมอัลกอฮอล์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเที่ยงวันไปแล้ว
-งดสูบบุหรี่
-ออกกำลังกายเบาๆ ซึ่งมันจะช่วยลดความเครียด และทำให้หลับง่ายขึ้น (อย่างไรก็ดีควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายในเวลาช่วงเย็น เพราะอาจจะทำให้ง่วงช้าลง)
-พยายามผ่อนคลายสักชั่วโมงก่อนจะถึงเวลานอน เช่น อ่านหนังสือ ฟังเพลง ดูทีวี แต่หลีกเลี่ยงที่จะดูเรื่องที่ตื่นเต้น เร้าใจ
-อาบน้ำให้สบายและผ่อนคลายโดยอาจจะใช้สมุนไพร Chamomile ผสมในน้ำอุ่นอาบน้ำ ก็จะช่วยผ่อนคลายได้มาก
-หลีกเลี่ยงการทำงานบนที่นอน หรือดูทีวีบนที่นอน
-ลุกจากเตียงหากว่าเกิดตื่นขึ้นมากลางดึกและไม่สามารถนอนหลับได้ จนกว้าจะรู้สึกเริ่มง่วง
หลีกเลี่ยงอาหารเสริมที่อาจจะทำให้หลับยาก เช่น โสม Gaurana Kola-Nut
เมื่อไรที่ควรไปพบแพทย์
-มีอาการนอนไม่หลับติดต่อกันมากกว่า 1 เดือนและยังหาสาเหตุไม่ได้
-รู้สึกเพลียทั้งวัน และงีบหลับในระหว่างวันบ่อยๆ
-รู้สึกเหนื่อยมากๆ จนรบกวนการทำกิจกรรมปกติของเรา
-มีปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับหลังจากเกิดเหตุการณ์ที่รุนแรงกับชีวิต เช่น สูญเสียคนรัก ตกงาน เป็นต้น
ภาพและที่มา www.healthdd.com