ความรู้ เกร็ดความรู้ สารานุกรม สารานุกรมออนไลน์ ความรู้รอบตัว ความรู้ทั่วไป พจนานุกรม เกมส์ เพลงใหม่ เพลง

พระเจดีย์ ๓ องค์, พระเจดีย์ ๓ องค์ หมายถึง, พระเจดีย์ ๓ องค์ คือ, พระเจดีย์ ๓ องค์ ความหมาย, พระเจดีย์ ๓ องค์ คืออะไร
| เปิดอ่าน 0 | ความคิดเห็น 0
พระเจดีย์ ๓ องค์

เมื่ออ่านลายพระหัตถ์ตรัสถามเรื่องพระเจดีย์ ๓ องค์ตรงที่ต่อแดนพม่า หม่อมฉันนึกได้ว่าเคยเห็นเรื่องสร้างพระเจดีย์นั้นในหนังสือพระราชพงศาวดาร แต่เมื่อไปค้นดูได้ความว่าเป็นแห่งอื่นต่างหาก มีเรื่องว่าเมื่อสมเด็จพระนเรศวรมหาราชชนช้างกับพระมหาอุปราชาเมืองหงสาวดี กองทัพในกระบวนตามเสด็จไม่ทันหลายกอง สมเด็จพระนเรศวรฯจะให้ประหารชีวิตพวกนายทัพเหล่านั้น แต่สมเด็จพระวันรัตนทูลขอชีวิตไว้ จึงวโปรดให้พวกที่มีความผิดไปตีเมืองทวายและตะนาวศรีแก้ตัว เจ้าพระยาจักรีเป็นแม่ทัพไปตีเมืองทวาย พระยาพระคลังเป็นแม่ทัพไปตีเมืองตะนาวศรี เมื่อ พ.ศ. ๒๑๓๖ ตีได้เมืองทั้ง ๒ นั้นแล้ว กองทัพเจ้าพระยาจักรียกกลับจากเมืองทวายทาง "ด่านขมองส่วย" ในหนังสือพระราชพงศาวดารว่า

"ถึงตำบลเขาสูงช่องแคบแดนพระนครศรีอยุธยากับเมืองทวายต่อกัน หาที่สำคัญมิได้ จึงให้เอาปูนในเต้าไพร่พลทั้งปวงมาประสมกันเข้าเป็นใบสอก่อพระเจดีย์ฐาน สูง ๖ ศอก พอ(ชั่ว)หุงอาหารสุกก็สำเร็จ แล้วยกเข้ามาถึงกรุงศรีอยุธยา" ดังนี้

เรื่องนี้แม้มิใช่พระเจดีย์ ๓ องค์ ที่ตรัสถามก็เป็นเค้ากับวินิจฉัยที่จะทูลต่อไปข้างหน้า จึงคัดเอามากล่าวไว้ ส่วนพระเจดีย์ ๓ องค์นั้น เมื่อหม่อมฉันเป็นเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย พระยาประสิทธิสงคราม(นุช) ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรีเคยพรรณนาลักษณะให้หม่อมฉันฟังว่า ดูรูปทรงสัณฐานเป็นแต่กองหินยิ่งกว่าพระเจดีย์ และที่สร้างพระเจดีย์ ๓ องค์นั้นก็สร้างในแดนไทยห่างเข้ามาจากจากสันเขาที่ต่อแดนพม่า ได้ฟังเล่าอย่างนั้นหม่อมฉันจึงมิได้พยายามไปดูพระเจดีย์ ๓ องค์

แต่เมื่อสักสองสามปีมานี้ พระองค์หญิงอดิศัยสุริยาภาได้เสด็จไปถึงพระเจดีย์ ๓ องค์ และฉายรูปมาประทานหม่อมฉัน (เสียดายที่ค้นหารูปนั้นไม่พบเมื่อเขียนจดหมายนี้) พิจารณาดูในรูปก็เห็นอย่างหินกองโดยจำนงจะให้เป็นรูปพระเจดีย์ เช่นพระยากาญจนบุรีว่า หามีที่สังเกตว่าลักษณะจะเป็นพระเจดีย์อย่างใดไม่ แต่ก็ไม่น่าประหลาดใจด้วยสร้างในป่าเปลี่ยวใกล้ชายแดนเช่นนั้น ใครจะเอาช่างไปตั้งแรมทำอย่างปราณีต แต่ตามคำเล่าของพระยากาญจนบุรีซึ่งว่าสร้างห่างแดนเข้ามาในแผ่นดินไทยนั้น ฟังเป็นหลักได้อย่างหนึ่งว่า พระเจดีย์ ๓ องค์เป็นของไทยสร้าง ถ้าหากไทยกับพม่าร่วมมือกันทำเป็นวัตถุที่หมายเขตแดนก็คงสร้างตรงสันเขาอันเป็นเขต ถ้าพม่าทำโดยลำพังก็คงสร้างในแดนพม่า นี่ไทยทำโดยลำพังจึงสร้างในแดนไทย แต่จะสร้างเมื่อใดและสร้างเพราะเหตุใดได้แต่พิจารณาและสันนิษฐานตามเค้าเงื่อนที่มีอยู่ชอบกล ดังจะทูลต่อไปนี้

อันทางเดินในระหว่างเมืองมอญกับเมืองไทย (ภายใต้มณฑลพายัพ) มี ๒ ทางมาแต่ดึกดำบรรพ์ ทางสายเหนือเดินแต่เมืองเมาะตะมะมายังเมืองตากทางด่านแม่สอด (แต่โบราณเรียกด่านแม่ละเมา) ทางสายใต้เดินแต่เมืองเมาะตะมะมายังเมืองกาญจนบุรีทางด่านพระเจดีย์ ๓ องค์

ทางสายใต้ คือด่านพระเจดีย์ ๓ องค์นั้นมีหลักฐานปรากฏว่าใช้มาตั้งแต่สมัยเมื่อเมืองนครปฐมเป็นราชธานี เพราะมีปราสาทหินสร้างในสมัยนั้นปรากฏอยู่ที่เมืองสิงห์ทางแม่น้ำน้อยในแขวงจังหวัดกาญจนบุรี และที่พงตึกแขวงจังหวัดราชบุรี อันอยู่ในระหว่างทางเดินสายนี้ แต่ทางสายเหนือเห็นจะมาใช้มากต่อเมื่อสมัยเมือพุกามแผ่อาณาเขตเข้ามาในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา มีซากเมืองที่สร้างในสมัยนั้นปรากฏอยู่หลายเมือง เช่นเมืองชากังราวและเมืองตากเก่าเป็นต้น ล้วนตั้งรายริมแม่น้ำพิงทางฝั่งตะวันตก เมื่อสมัยกรุงสุโขทัยไปมากับเมืองมอญทางด่านแม่สอดสายเหนือ เช่นเดียวกับเมื่อถึงสมัยกรุงศรีอยุธยาไปมาทางด่านพระเจดีย์ ๓ องค์เป็นพื้น ที่ว่ามานี้ส่อให้เห็นว่าพระเจดีย์ ๓ องค์ คงเป็นของกรุงศรีอยุธยาสร้าง

คราวนี้จะพิจารณาว่าสร้างพระเจดีย์ ๓ องค์เพราะเหตุใด อันนี้เผอิญหม่อมฉันพบโบราณวัตถุให้ความรู้ดังจะทูลต่อไปนี้ จะเป็นเมื่อปีใดจำไม่ได้ ในรัชกาลที่ ๖ หม่อมฉันขึ้นไปเที่ยวมณฑลพายัพอีกครั้งหนึ่ง ขากลับมาทางเรือจากเมืองเชียงใหม่ ในเวลานั้นหม่อมฉันพ้นหน้าที่ในการปกครองแล้ว จึงเอาใจใส่แต่ในการตรวจของโบราณตลอดทางที่เรือล่องมา เมื่อลงมาถึงอำเภอเมืองฮอด(เมืองรอด) ซึ่งอยู่ที่ราบในแดนเชียงใหม่ต่อเชิงภูเขาสูงซึ่งต้องเดินข้ามลงมาทางใต้ ทางเรือก็ต้องล่องผ่านแก่งในระหว่างภูเขาหลายวันจึงถึงที่ราบในอาณาเขตเมืองตาก หม่อมฉันขึ้นไปดูเมืองฮอดเห็นมีพระเจดีย์โบราณขนาดใหญ่ฝีมือทำอย่างปราณีต สร้างรายอยู่ในตำบลเดียวกันหลายองค์ ดูราวกับเมืองฮอดเคยเป็นเมืองใหญ่มาแต่ก่อน แต่เมื่อไต่ถามถึงภูมิลำเนา ปรากฏว่าไม่มีทำเลไร่นาที่จะทำให้พอเลี้ยงผู้คนพลเมืองในเมืองใหญ่ได้ จึงคิดว่าพระเจดีย์งามเหล่านั้นเห็นจะเป็นของเจ้าที่ครองเมืองเชียงใหม่สร้างด้วยเหตุอย่างอื่น ถามหาเหตุก็ไม่มีใครรู้ คิดก็ไม่เห็น มาจนพบโบราณวัตถุซึ่งมิได้คาดว่าจะมีที่เมืองตาก จึงได้เค้ามูลการสร้างพระเจดีย์ที่เมืองฮอด

เมื่อหม่อมฉันลงมาถึงเมืองตากนึกขึ้นถึงความที่กล่าวในหนังสือพระราชพงศาวดาร ว่าเมื่อครั้งพระเจ้ากรุงธนบุรียกกองทัพไปตีเมืองเชียงใหม่เมื่อ พ.ศ. ๒๓๑๗ เวลาประทับอยู่ที่เมืองตาก เสด็จไปยังวัดดอยเขาแก้ว ตรัสถามพระสงค์ (เจ้าอธิการ) ว่ายังจำได้หรือไม่ เมื่อพระองค์ยังเป็นพระยาตากจะแปลงโคมแก้วทำเป็นพระเจดีย์ เสด็จไปเสี่ยงทายที่วัดนั้น ว่าถ้าจะได้สำเร็จพระโพธิญาณในอนาคต ขอให้ต่อยจุกโคมขาด อย่าให้ตัวโคมแก้วร้าวรานบุบสลาย ก็เป็นดังอธิษฐาน พระถวายพระพรว่า ยังจำได้อยู่

หม่อมฉันถามพวกกรมการถึงวัดดอยเขาแก้ว เขาบอกว่าเป็นวัดร้างอยู่บนเนินเขาแก้ว ทางฝั่งตะวันตกแม่น้ำพิง ตรงข้ามกับที่ตั้งเมืองตาก และที่ตั้งจวนของพระเจ้ากรุงธนบุรีเมื่อยังเป็นพระยาตาก ก็ยังปรากฏอยู่ที่ตำบลสวนมะม่วงใกล้กับเชิงเขาแก้วนั้น หม่อมฉันจึงข้ามไปดู เห็นตรงที่ตั้งจวนเป็นแต่ที่ว่างไม่มีอะไร เดินต่อไปไม่ไกลนักก็ขึ้นเนินเขาวัดดอยเขาแก้ว พอหม่อมฉันเห็นวัดก็เกิดความประหลาดใจ ด้วยพระอุโบสถซึ่งเหลืออยู่แต่ผนังประตูหน้าต่างทำซุ้มจระนำอย่างแบบวัดหลวง ก็รู้ได้ในทันทีว่าเป็นของพระเจ้ากรุงธนบุรีสร้างเมื่อเสวยราชย์แล้ว มิใช่โบสถ์เดิมที่เสด็จไปทรงอธิษฐานเมื่อยังเป็นพระยาตาก

พวกกรมการเขาบอกว่าตามไหล่เขาดอยแก้วทางใต้ยังมีวัดเก่าอีกหลายวัด หม่อมฉันก็เลยไปดู เห็นมี ๓ หมู่อยู่ใกล้ๆกัน วัดสุดข้างเหนือเหลือพระเจดีย์กลมองค์ ๑ ขนาดสูงเมื่อบริบูรณ์สัก ๘ วา วัดที่อยู่กลางก่อเป็นแท่นสี่เหลี่ยมรีสูงสัก ๒ ศอกเศษ บนแท่นนั้นมีพระเจดีย์กลม ๒ องค์เคียงกัน ขนาดย่อมกว่าพระเจดีย์ที่กล่าวมาแล้ว วัดอยู่ข้างใต้มีพระอุโบสถเป็นแบบวัดหลวงเช่นว่ามาแล้ว กับกำแพงแก้วล้อมรอบ พอเห็นกำแพงแก้วหม่อมฉันก็พิศวง ด้วยมีซุ้มโพรงสำหรับตั้งตะคันตามประทีป รูปร่างเหมือนอย่างซุ้มที่พระราชวังเมืองลพบุรีรายรอบกำแพงแก้ว เห็นตระหนักว่าต้องเป็นวัดหลวงสร้างครั้งสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ชวนให้เห็นต่อไปว่าวัดที่อยู่แนวเดียวกันอีก ๒ วัดก็น่าจะเป็นวัดหลวง ก็เกิดปัญหาว่าเพราะเหตุใดจึงมีวัดหลวงอยู่ที่เขาดอยแก้วเป็นหลายวัดเช่นนั้น

หม่อมฉันคิดค้นแล้วไปสอบในหนังสือพระราชพงศาวดารจึงเห็นเหตุ ด้วยปรากฏว่าเมื่อสมัยกรุงศรีอยุธยาพระเจ้าแผ่นดินเสด็จยกกองทัพขึ้นไปตีเมืองเชียงใหม่ ๓ ครั้ง คือสมเด็จพระชัยราชาธิราชตีได้เมื่อ พ.ศ. ๒๐๘๑ ครั้ง ๑ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชโปรดฯให้สมเด็จพระเอกาทศรถเสด็จขึ้นไปตีเมืองเชียงใหม่เมื่อ พ.ศ. ๒๑๔๓ ครั้ง ๑ แต่ได้เมืองโดยมิต้องรบ เพราะพระเจ้าสารวดีซึ่งเป็นพระราชบุตรของพระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง ออกมาถวายบังคมยอมอ่อนน้อมโดยดี ต่อมาถึงรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเสด็จขึ้นไปตีได้เมืองเชียงใหม่เมื่อ พ.ศ. ๒๒๐๕ อีครั้ง ๑ รวมเป็น ๓ ครั้ง พอเหมาะกับจำนวนและสมกับลักษณะของวัดทั้ง ๓ ที่พรรณนามา

เมื่อได้หลักเช่นนั้นก็อาจจะกล่าวต่อไปว่าที่พระเจ้ากรุงธนบุรีทรงสร้างวัดเขาดอยแก้วนั้น ก็เพราะเสด็จไปตีเมืองเชียงใหม่ได้ จึงสร้างอนุสรณ์ตามเยี่ยงอย่างที่พระเจ้าแผ่นดินแต่ปางก่อนได้เคยทรงทำมาในกรณีเดียวกัน แล้วยังเลยตีปัญหาได้ต่อไปถึงพระเจดีย์ที่มีอยู่หลายองค์ ณ เมืองฮอดในแดนเมืองเชียงใหม่ ว่าพระเจ้าเชียงใหม่คนใดที่ได้ลงมารบพุ่งหัวเมืองไทยมีชัยชนะ กลับไปก็สร้างพระเจดีย์ไว้เป็นอนุสรณ์ ณ เมืองฮอด อันเป็นปลายแดนเช่นเดียวกับเมืองตาก

คิดถึงมูลแห่งความประสงค์ซึ่งสร้างเจดีย์วัตถุเป็นอนุสรณ์ไว้ปลายแดนดังกล่าวมา เห็นคงอยู่ใน ๓ อย่างนี้ คือ ความยินดีที่มีชัยชนะอย่าง ๑ ความยินดีที่ได้กลับบ้านเมืองโดยปลอดภัยอย่าง ๑ ถ้าหากว่าได้บนบานอธิษฐานไว้ก็เป็นการใช้บนด้วยอีกอย่าง ๑ ถ้าพระเจ้าแผ่นดินเสด็จไปเป็นจอมพล เมื่อเสด็จกลับถึงพระนครก็ดำรัสสั่งให้คิดแบบอย่างซึ่งจะสร้างเป็นอนุสรณ์ แต่ถ้าจอมพลหรือแม่ทัพที่ไปมีชัยและที่ได้กลับบ้านเมืองมิได้เป็นพระเจ้าแผ่นดิน จะทำเช่นนั้นมิได้ แต่ความยินดีที่มีชัยชนะและกลับบ้านเมืองโดยปลอดภัย หรือที่บนบานอธิษฐานไว้มีอยู่ ก็ย่อมอยากสร้างอนุสรณ์ตามสามารถจะทำได้ จะมาทำเมื่อถึงบ้านเมืองผู้คนก็แยกย้ายกันไปหมด ต้องทำในเวลาที่ผู้คนอยู่พรักพร้อมกัน อันนี้เห็นว่าเป็นมูลที่ชักชวนกันให้เอาก้อนศิลามาก่อสร้างเป็นพระเจดีย์ไว้ดังเช่นเจ้าพระยาจักรีครั้งสมเด็จพระนเรศวรฯ สร้าง ณ ที่ต่อแดนเมืองทวาย พึงคิดเห็นได้โดยง่ายว่าพระเจดีย์เช่นพระยาจักรีสร้างนั้นเป็นพระเจดีย์แต่ชื่อ แต่รูปสัณฐานคงเป็นอย่างกองหินสูงๆเท่านั้น เพราะไม่มีเวลาจะรั้งรออยู่ช้าได้ และไม่สามารถจะทำได้เมื่อภายหลังเช่นของหลวง พิเคราะห์อีกอย่างหนึ่ง เห็นได้ว่าที่สร้างในแผ่นดินไทย (เหมือนพระเจดีย์ ๓ องค์) คงตรงกับความยินดีหรือใช้บนที่ปลอดภัยกลับบ้านเมือง พอเข้าเขตแดนก็สร้างอนุสรณ์ใช้บน

อาศัยวินิจฉัยที่พรรณนามา หม่อมฉันเห็นว่าพระเจดีย์ ๓ องค์นั้น ๑. มิใช้สร้างเป็นเครื่องหมายเขตแดน ๒. มิใช่ของหลวงสร้าง ๓. เป็นของแม่ทัพไทยที่ยกออกไปรบชนะพม่ากลับมาสร้างไว้ ๔. ที่สร้างเป็น ๓ องค์คงเป็นเพราะกองทัพยกตามกันมา ๓ กอง กองมาถึงก่อนสร้างไว้องค์ ๑ แล้ว กองมาภายหลังก็สร้างกองละองค์เรียงกันต่อไป ๕. แต่จะสร้างเมื่อไรไม่มีหลักที่จะลงความเห็น เพราะอาจจะมีพระเจดีย์ ๓ องค์ อยู่ก่อนรัชกาลสมเด็จพระนเรศวรฯแล้ว พระยาจักรีจึงเอาอย่างไปสร้างที่ต่อแดนทวายก็ได้ หรือแม่ทัพภายหลังเอาอย่างพระเจดีย์ของเจ้าพระยาจักรีมาสร้างพระเจดีย์ ๓ องค์ ก็เป็นได้เหมือนกัน

ที่กล่าวกันว่าพระเจดีย์ ๓ องค์รูปทรงเป็นพระเจดีย์มอญนั้น อาจจะเป็นเพราะธรรมดาการกองดินหินก่อเป็นพระเจดีย์ ต้องทำฐานกว้างรูปจึงคล้ายพระเจดีย์มอญก็ได้ หรือตกแต่งดัดแปลงเมื่อภายหลังก็ได้ เพราะเมื่อรัชกาลที่ ๑ และรัชกาลที่ ๒ ให้พวกมอญไปตั้งระวังด่านทางอยู่มาก จัดเป็นเมืองขึ้นตั้งอยู่ทางแม่น้ำน้อยถึง ๗ เมือง ถ้าหากพระเจดีย์ ๓ องค์พังทะลายในสมัยนั้น เปรียบว่าพม่ารื้อเสียเมื่อเข้ามาตีเมืองไทยคราวรบกันที่ลาดหญ้า หรือที่ท่าดินแดง เป็นต้น ก็อาจจะมีท้องตราสั่งให้พวกมอญ ๗ เมืองไปก่อสร้างให้กลับคืนดี เพราะพระเจดีย์ ๓ องค์เป็นสิ่งสำคัญของชื่อที่เรียกทางสายนั้น พวกที่ไปทำการปฏิสังขรณ์เป็นมอญก็ก่อสร้างเป็นอย่ารูปพระเจดีย์มอญ อย่างนี้ก็เป็นได้เหมือนกัน หรืออีกนัยหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นยิ่งกว่าอย่างอื่น คือเมื่อรัชกาลที่ ๓ เจ้าพระยามหาโยธา (ทอเรียะ คชเสนี) เป็นแม่ทัพยกผ่านไปมาทางพระเจดีย์ ๓ องค์หลายครั้ง เจ้าพระยามหาโยธาอาจจะเป็นผู้ปฏิสังขรณ์พระเจดีย์ ๓ องค์ด้วยความศรัทธา หรือใช้บนก็เป็นได้ แต่เจ้าพระยามหาโยธาก็เป็นมอญ จึงปฏิสังขรณ์ตามเห็นงามอย่างมอญ ที่ว่ามานี้มิได้เคยเห็นพระเจดีย์ ๓ องค์ด้วยตาตนเอง จึงได้แต่คะเน.

ภาพและที่มา www.bloggang.com


พระเจดีย์ ๓ องค์, พระเจดีย์ ๓ องค์ หมายถึง, พระเจดีย์ ๓ องค์ คือ, พระเจดีย์ ๓ องค์ ความหมาย, พระเจดีย์ ๓ องค์ คืออะไร

ร่วมเป็นแฟนเพจเรา บน Facebook..ได้ที่นี่เลย!!

คำยอดฮิต

Sanook.commenu