ดื่มน้ำเยอะ ทำไมยังป่วย
ปริมาณน้ำที่ดื่มควรให้เหมาะสมกับน้ำหนักตัว อาศัยความสมดุลของ ดิน น้ำ ลม ไฟ สูตรการดื่มน้ำก็คือ ให้เอาน้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัม คูณด้วย 2.2 เอาผลลัพธ์มาหาร 2 แล้วคูณด้วย 30 ก็จะได้ปริมาณน้ำ หน่วยเป็นมิลลิลิตรที่ควรดื่ม เช่น คนที่มีน้ำหนัก 60 กก. (60x2.2x30)/2 = 1980 มิลลิลิตร หรือเท่ากับ 2 ลิตร เทียบได้ว่า 1 ลิตรเท่ากับน้ำ 5 แก้ว ดังนั้นต้องดื่มน้ำประมาณ 10 แก้วต่อวัน ร่างกายคนเราประกอบด้วยน้ำเกือบ 70% ในเลือดประกอบด้วยน้ำ 90% จึงควรดื่มน้ำให้เพียงพอ มิฉะนั้นเลือดจะข้นจะหนืด การไหลเวียนก็ไม่ดี ไม่สะดวก อุดตันอยู่ในเส้นเลือด
ดื่มตอนไหน
ตอนเช้าก่อนแปรงฟัน ให้ดื่มน้ำสัก 2-5 แก้ว เพื่อเป็นการชำระของเสีย โดยการเอาอุจจาระ ปัสสาวะออก เหตุที่ดื่มก่อนแปรงฟัน เพราะว่าจะได้เว้นระยะ จากการทานอาหารเช้าให้มากๆ จะทำให้อาหารได้ย่อยเสียก่อน จะได้อุจจาระ ปัสสาวะก่อนออกไปทำงาน น้ำส่วนที่เหลือ ให้ทยอยดื่มบ่อยๆ ครั้งละ 2-3 อึก หรือไม่เกินครึ่งแก้วต่อครั้ง อย่ารอให้หิวและอย่าดื่มทีละมากๆ เพราะน้ำจะไหลลงอย่างรวดเร็ว ลำไส้ดูดซึมไม่ทัน แถมไตยังต้องทำงานหนัก ในการขับออกเป็นปัสสาวะอีก ช่วงเวลา 15 นาทีก่อนอาหาร ระหว่างรับประทานอาหาร หลังอาหารหรืออิ่มใหม่ๆ อย่าดื่มน้ำมาำก ควรดื่มไม่เกิน 1 แก้ว เพื่อมิให้น้ำนั้นเข้าำไปดับ "ไฟสำหรับย่อยอาหาร" ที่กระเพาะ ทานเสร็จแล้ว 40 นาที จึงค่อยดื่มน้ำต่อไป ช่วงก่อนนอนก็เป็นอีกช่วง ที่ไม่ควรดื่มน้ำมากนัก เพราะเวลานี้ไตต้องการการพักผ่อน
ดื่มน้ำอะไร
น้ำเย็นก็ไม่ควรดื่ม น้ำต้มสุกก็ไม่ดี น้ำต้มสุกเป็นน้ำที่ตายแล้ว แร่ธาตุก็พากันตกตะกอนหมด ดื่มน้ำที่กรองแล้วก็พอ หรือดื่มน้ำอุ่นก็จะดีมาก เพราะอุณหภูมิใกล้เคียงกับร่างกาย ทำให้สามารถดูดซึมน้ำได้ดี
ที่มา www.bloggang.com
ภาพ www.tigertemple.org