กาแฟอาราบิก้ามีขบวนการนำมาชงดื่มที่ละเอียดอ่อนและมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลาหลายร้อยปี จนอาจถือเป็นศิลปะแขนงหนึ่งสำหรับมนุษยชาติ เครื่องชงกาแฟเป็นปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งนอกจากพันธุ์และการคั่วในการทำให้เกิดกาแฟรสชาติต่างๆ ที่พบได้ทั่วไปในปัจจุบัน เช่น กาแฟแบบเอสเปรสโซ คาปูชิโน เตอรกิช ไอริช ฯลฯ
เครื่องชงกาแฟแบบดั้งเดิม
1. เครื่องชงกาแฟแบบเตอรกี การชงกาแฟแบบเตอรกีจะไม่มีการกรองกากกาแฟออก ใช้กาแฟคั่วบดละเอียด ใส่ลงในน้ำเย็นในกาต้มโลหะมีด้าม พร้อมน้ำตาลหรือน้ำผึ้งตามต้องการ ยกกาขึ้นตั้งไฟ เฝ้ารอให้เดือดจนผงกาแฟที่ลอยเป็นแผ่นอยู่ด้านหน้า ม้วนตัวจมลงจึงยกออกทันที รินเสิร์ฟในถ้วยกระเบื้องเล็กๆ กาแฟแบบเตอรกีนี้ก่อให้เกิดศิลปะอีกแขนงหนึ่งตามมานั่นคือการทำนายดวงชะตา อาจถือเป็นการเล่นเพื่อบันเทิงและเพื่อสังคมชนิดหนึ่ง โดยเมื่อดื่มกาแฟหมดถ้วยแล้วให้คว่ำถ้วยลงสักครู่ จากนั้นจึงทำนายโชคชะตาจากการไหลของเศษผงกาแฟที่เหลือค้างในถ้วย
2. เครื่องชงกาแฟแบบอาหรับ เป็นเครื่องชงกาแฟโดยใช้หลักไอน้ำเดือดและการกลั่นตัว กาต้มจะมี 2 ชั้น ชั้นบนเป็นตะแกรงมีช่องพรุนสำหรับใส่กาแฟคั่วบดเป็นผง ชั้นล่างสำหรับไส่น้ำ นำกาต้มกาแฟที่ใส่กาแฟและน้ำแล้วไปตั้งไฟให้เดือด ไอน้ำจะกระจายสู่ด้านบนของภาชนะแล้วกลั่นตัวตกลงมา ผ่านผงกาแฟลงสู่ก้นกาอีกครั้ง เมื่อได้ที่แล้วจึงรินน้ำกาแฟออกเสิร์ฟในถ้วยตะไลเล็กๆ เครื่องต้มกาแฟแบบนี้เรียกอีกอย่งหนึ่งว่า percolator
3. เครื่องชงกาแฟแบบไซฟอน หรือ Vacuum Coffee Maker ส่วนใหญ่ทำด้วยแก้ว ใช้หลักการขยายตัวเนื่องจากความร้อนและการหดตัวเนื่องจากความเย็น โดยที่เริ่มแรกจะเติมน้ำเย็นที่กระเปาะแก้วส่วนล่าง เติมกาแฟบดเป็นผงที่กรวยแก้วทรงกระบอกส่วนบน ที่ก้นกรวยแก้วมีจุกยางและแผ่นกรองกาแฟปิดอยู่ ให้ความร้อนจากตะเกียงหรือเตาแก๊สที่กระเปาะด้านล่างจนน้ำเริ่มเดือด เปิดจุกยางให้น้ำร้อนผ่านแผ่นกรองและผงกาแฟเข้าสู่กรวยด้านบน ใช้ช้อนคนให้ผงกาแฟแตกตัว โดยระวังอย่าให้แผ่นกรองพลิกมิฉะนั้นผงกาแฟจะเล็ดรอดเข้าสู่น้ำกาแฟ เมื่อน้ำร้อนเคลื่อนสู่กรวยด้านบนจนหมด จึงปิดไฟทันที น้ำกาแฟจะเย็นตัวลง แล้วไหลผ่านแผ่นกรองกลับลงสู่กระเปาะแก้ว จากนั้นจึงรินลงเสิร์ฟในถ้วยกาแฟตามปกติ เครื่องชงแบบนี้เหมาะสมในการใช้ชงกาแฟทีละแก้ว สามารถรักษารสชาดและความหอมไว้ได้อย่างเต็มที่
4. เครื่องชงกาแฟแบบกด หรือพลันเจอร์หรือ French Press Filter เครื่องชงกาแฟแบบนี้ใช้ง่าย ไม่ซับซ้อน สามารถชงได้ครั้งละ 1-3 ถ้วยแล้วแต่ขนาด ตัวเครื่องชงประกอบด้วยกระบอกบรรจุซึ่งส่วนมากทำด้วยแก้ว มีฝาปิดที่ประกอบด้วยฝาโลหะ และก้านกดที่เชื่อมต่อกับแผ่นกรองโลหะขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเท่ากระบอกพอดี กลไกการทำงานของก้านกดเปรียบเทียบได้กับลูกสูบในกระบอกสูบ การชงกาแฟทำได้โดยใส่ผงกาแฟบดลงในกระบอก เติมน้ำร้อนลงไป คนให้แตกตัวและผงกาแฟอิ่มตัวเริ่มจมลง จากนั้นจึงนำแผ่นกรองและก้านกด วางลงในกระบอก กดก้านลงช้าๆ เพื่อให้น้ำกาแฟผ่านแผ่นกรองขึ้นมา ส่วนผงกาแฟถูกกดจมลงไปที่ก้นกระบอก จากนั้นจึงรินน้ำกาแฟออกจากระบอกลงเสิร์ฟในถ้วย เครื่องชงแบบนี้ใช้ง่าย ราคาไม่แพง แต่อาจมีข้อเสียที่กลิ่นและรสชาติอาจสูญเสียไปบ้าง และในสภาพอากาศเย็นมากๆ ความร้อนจะสูญเสียในระหว่างการชง ทำให้กาแฟที่ได้ไม่ร้อนเท่าที่ควร
5. เครื่องชงกาแฟแบบเอสเปรสโซรุ่นเก่า มีต้นกำเนิดจากอิตาลี ดั้งเดิมใช้กาต้มขนาดเล็กทำด้วยโลหะหนาเพราะต้องทนแรงดันอากาศสูง ตัวกาแบ่งเป็น 3 ส่วน เชื่อมต่อกันโดยการทำเกลียวหมุน ส่วนล่างสุดสำหรับใส่น้ำ ส่วนกลางเป็นชั้นที่มีรูพรุนใส่ผงกาแฟอัดแน่น และส่วนบนสำหรับใส่น้ำกาแฟมีท่อโลหะเชื่อมกับส่วนที่ 2 เมื่อนำไปตั้งไฟ น้ำเดือดจะมีแรงดันสูง ดันน้ำผ่านผงกาแฟ ได้น้ำกาแฟไหลเข้าไปสู่ภาชนะชั้นบนสุด น้ำกาแฟที่ได้มีลักษณะเข้มข้น รสขมจัด ต่อมามีการดัดแปลง โดยเพิ่มเติมเครื่องสร้างแรงอัดเพื่อให้น้ำไหลผ่านผงกาแฟด้วยความดันสูง ทำให้น้ำกาแฟที่ผ่านออกมาเข้มข้น หอมหวนชวนดื่มยิ่งขึ้น กาแฟเอสเปรสโซได้รับความนิยมดื่มสูงมาก เนื่องจากให้รสชาดกาแฟแท้ จึงเป็นต้นกำเนิดสูตรกาแฟที่นิยมในปัจจุบันหลายสูตร เช่น มอคคา คาปูชิโน ฯลฯ
6. เครื่องชงกาแฟโบราณแบบไทย แม้กาแฟจะไม่ใช่พืชท้องถิ่นของประเทศไทย แต่คนไทยก็รู้จักคุ้นเคยกับกาแฟ โอเลี้ยง หรือโอยัวะมาเป็นเวลานานแล้ว การชงกาแฟแบบโบราณของไทยพบได้ทั่วไปตามร้านอาหาร ตลาด และทุกหนทุกแห่งในชนบท มีส่วนประกอบคือถังกลมขนาดใหญ่สำหรับใส่น้ำร้อนตั้งไฟ บนฝาถังมีฝาใหญ่ปิด เจาะช่อง 2 ช่องสำหรับวางกระบอกใส่ถุงกรองที่มีกาแฟผงให้ได้รับไอน้ำอุ่น และสำหรับตักน้ำร้อนเพื่อชงกาแฟด้วยกระบวยมีด้ามยาว หลักการชงคือใส่ผงกาแฟลงในถุงกรองรูปกรวยยาววางอยู่ในถ้วยอลูมีเนียมทรงกระบอก ตักน้ำร้อนที่เดือดอยู่ในถังอลูมีเนียมเทผ่านกาแฟผงในถุงลงไป นำน้ำกาแฟที่ผ่านถุงลงไปแล้วเทผ่านซ้ำอีก 2-3 ครั้งเพื่อให้ได้น้ำกาแฟเข้มข้นขึ้น จากนั้นรินลงใส่แก้ว เติมน้ำตาล และ/หรือนมข้นหวาน เสิร์ฟแบบร้อนหรือเย็นในแก้วใส เป็นที่น่าเสียดายว่าการชงกาแฟโบราณแบบไทยนี้หาดูได้ยากขึ้น เนื่องจากถูกแทนที่ด้วยเครื่องชงกาแฟไฟฟ้าและกาแฟผงสำเร็จรูป แต่นับว่าเป็นเทคโนโลยีที่คนไทยพัฒนาขึ้นเอง นอกจากนั้นรสชาดกาแฟที่ได้ยังมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่มีเครื่องมือแบบใดทำได้
เครื่องชงกาแฟร่วมสมัย
ในปัจจุบันเครื่องชงกาแฟสมัยใหม่ได้เกิดขึ้นมากมายโดยใช้พื้นฐานจากเครื่องชงกาแฟสมัยโบราณดังกล่าวข้างต้น เทคโนโลยีใหม่ๆ เกี่ยวกับการสร้างเครื่องต้มกาแฟได้ถูกนำมาใช้ เพื่อตอบสนองต่อผู้บริโภคกาแฟที่ต้องการคุณภาพที่สมบูรณ์ของรสชาติกาแฟ ที่พบในปัจจุบันได้แก่
1. เครื่องชงกาแฟแบบหยดหรือ Drip Coffee Maker เป็นเครื่องต้มใช้ไฟฟ้า โดยแบ่งได้เป็น 3 ส่วน ได้แก่ ถังน้ำเย็น กรวยใส่ผงกาแฟ และเหยือกรองรับน้ำกาแฟ เมื่อเริ่มต้มกลไกจะดูดน้ำร้อนให้ไหลหยดลงสู่กรวยบรรจุผงกาแฟโดยมีแผ่นกระดาษกรองรองไว้ไม่ให้ผงกาแฟปะปนลงในน้ำกาแฟ น้ำร้อนที่ไหลผ่านผงกาแฟและแผ่นกรองลงไปจะไปรวมอยู่ที่เหยือกแก้วที่ตั้งอยู่บนแผ่นความร้อนทำให้น้ำกาแฟร้อนอยู่เสมอ เหมาะสำหรับครอบครัวที่ดื่มกาแฟมากๆ เพราะการต้มครั้งหนึ่งๆสามารถเตรียมกาแฟได้ 8-12 ถ้วย
2. เครื่องชงกาแฟเอสเปรสโซแบบใช้ในบ้าน เนื่องจากกาแฟที่ผ่านการชงแบบเอสเปรสโซเป็นกาแฟที่มีกลิ่นและรสชาดเข้มข้น เป็นที่นิยมของคอกาแฟทั่วโลก จึงมีการผลิตเครื่องชงกาแฟแบบเอสเปรสโซขึ้นสำหรับใช้ในครัวเรือน โดยใช้หลักการต้มกาแฟโดยมีความดันเข้ามาช่วยเร่งให้น้ำร้อนไหลผ่านผงกาแฟ ดังกล่าวมาแล้วข้างต้น เครื่องต้มกาแฟที่ชนิดนี้มักมีอุปกรณ์ช่วยตีนมสดให้ร้อนและขึ้นฟู เพื่อพัฒนาการชงกาแฟเอสเปสโซให้เป็นสูตรอื่นๆ เช่น มอคคา ลาเท และคาปูชิโน
3. กาแฟผงบรรจุห่อกระดาษกรอง กาแฟคั่วบดแบบนี้พัฒนาขึ้นเมื่อความนิยมใช้เครื่องชงกาแฟแบบเอสเปรสโซกว้างขวางขึ้น วิธีการคือนำกาแฟคั่วและบดเป็นผงผนึกด้วยแผ่นกรอง ทำให้มีลักษณะกลมสามารถบรรจุเข้าในด้ามบรรจุกาแฟที่ใช้สำหรับเครื่องชงแบบเอสเปรสโซได้โดยตรง เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกและประหยัดเวลาในการชง
4. ชุดชงกาแฟแบบสำเร็จรูปสำหรับเสิร์ฟระหว่างเดินทาง ลักษณะเป็นกาแฟคั่วบดเป็นผงที่มีแผ่นกระดาษกรองประกบทั้ง 2 ด้าน บรรจุอยู่ในภาชนะพลาสติกไม่มีก้น เมื่อต้องการชงกาแฟจะวางภาชนะนี้ ไว้บนปากของถ้วยกาแฟ เทน้ำร้อนลงไปในภาชนะ แล้วตั้งทิ้งไว้ น้ำร้อนจะไหลผ่านผงกาแฟในภาชนะลงสู่ถ้วย เป็นวิธีการเตรียมกาแฟที่ง่ายและสะดวก สามารถพบได้ทั่วไปบนพาหนะที่ใช้เดินทางสาธารณะ เช่น รถไฟ รถประจำทางระยะยาว โดยเฉพาะในยุโรปหรืออเมริกา
5. เครื่องชงกาแฟเป็นการค้า กรณีต้องการผลิตกาแฟจำนวนมากสำหรับคน 20-100 คน อาจต้องใช้เครื่องชงกาแฟชนิดการค้า มีตั้งแต่ขนาดเล็กสำหรับร้านค้าขนาดเล็กถึงปานกลางและขนาดใหญ่สำหรับโรงแรมหรือห้องประชุม
6. กาแฟชงสำเร็จรูปบรรจุกระป๋อง เป็นกาแฟพร้อมดื่มบรรจุกระป๋อง ส่วนมากสำหรับเสิร์ฟโดยแช่เย็น มีหลากหลายรส ให้เลือกดื่มตามความต้องการของผู้บริโภค อาจมีการเติมนมหรือครีมในอัตราส่วนต่างๆ เติมน้ำตาล หรือเครื่องปรุงแต่งรสชาดอื่นๆ เหมาะสำหรับดื่มในฤดูร้อน โดยเฉพาะเวลาเดินทาง หรือในโอกาสที่ต้องการดื่มกาแฟ แต่ไม่สามารถเตรียมด้วยตัวเองได้ เนื่องจากข้อจำกัดด้านอุปกรณ์หรือเวลา ในประเทศไทยปัจจุบันมีผู้ผลิตกาแฟพร้อมดื่มแบบนี้ออกมาหลายบริษัท และเป็นที่นิยมดื่มไม่น้อยไปกว่าน้ำผลไม้บรรจุกระป๋องเช่นกัน
ข้อมูลจาก https://web.agri.cmu.ac.th