:: ประวัติย่อ :: การศึกษา : มหาวิทยาลัย DanKook เอกสาขาภาพยนตร์
เข้าวงการ : จากการเป็นนายแบบในปี 1997
ยู จินเต เป็นนักแสดงที่มีพรสวรรค์ทางการแสดง เขาใช้เวลาไม่นานนักในการก้าวขึ้นเป็นนักแสดงแนวหน้าของวงการภาพยนตร์เกาหลี ยู จินเต เริ่มต้นในวงการบันเทิงด้วยการเป็นนายแบบและพรีเซ็นเตอร์โฆษณา ก่อนที่ปี 1998 ยู จินเต จะหันมารับงานภาพยนตร์เป็นครั้งแรกจากเรื่อง Bye June โดยเขาได้รับบทเป็น Do Ki ปีต่อมา ยู จินเต ก็มีผลงานเรื่องที่สอง Attack the Gas Station โดยเขาได้รับบทเป็น In Teu นอกจากนั้นในปีนี้ ยู จินเต ก็ยังมีงานละครเรื่อง Love Story ออกฉายทางสถานนี้โทรทัศน์ SBS อีกด้วย
ปี 2000 ยู จินเต มีงานภาพยนตร์เข้าฉายที่เกาหลีสามเรื่องด้วยกัน เรื่องแรกคือภาพยนตร์แนวรักโรแมนติกเรื่อง Ditto โดย ยู จินเต รับบทเป็น Ji In เด็กหนุ่มที่อาศัยอยู่ในปี 2000 ที่สามารถติดต่อสื่อสารกับ So Eun (รับบทโดย Kim Ha-Neul) หญิงสาวที่อาศัยอยู่ในปี 1979 ได้ ภาพยนตร์เรื่องที่สองคือภาพยนตร์แนวสยองขวัญเรื่อง A Nightmare Ditto โดย ยู จินเต รับบทเป็น Hyun Jun ยอดนักกีฬาเบสบอลผู้ซึ่งต้องกลายมาเป็นช่างซ่อมรถ เพียงเพราะอาการบาดเจ็บเรื้อรังเมื่อครั้งอดีต ภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายในปีนี้คือเรื่อง Libera Me ในเรื่องนี้ ยู จินเต รับบทเป็น Hyun Tae หนุ่มนักดับเพลิงผู้ไม่เคยเกรงกลัวต่อสิ่งใด
ปี 2001 ยู จินเต กลับมารับงานภาพยนตร์อีกครั้งในภาพยนตร์แนวแอ๊กชั่นเรื่อง MOB2025 ร่วมแสดงกับ Lee Jung-Jae นอกจากนั้น ยู จินเต ก็ยังมีโอกาสได้เล่นในภาพยนตร์ของผู้กำกับมากความสามารถอย่าง Hur Jin-Ho ในภาพยนตร์เรื่อง One Fine Spring Day ในเรื่องนี้ ยู จินเต รับบทเป็น Sang Woo นักบันทึกเสียงธรรมชาติ ผู้ตกหลุมรักกับดีเจสาวสวย Eun Su (รับบทโดย Lee Young-Ae) เมื่อความรักของคนทั้งคู่ทำท่าจะไปได้ด้วยดี แต่แล้ว Eun Su ก็กลับบอกเลิกกับ Sang Woo โดยไม่มีเหตุผล
ปี 2003 ยู จินเต มีงานภาพยนตร์ออกฉายช่วงปลายปีนี้ถึงสามเรื่องด้วยกัน เรื่องแรกเป็นภาพยนตร์แนวสยองขวัญเรื่อง Into the Mirror โดย ยู จินเต ได้รับบทเป็นนักสืบ Young Min ผู้ซึ่งรับผิดชอบคดีฆาตรกรรมต่อเนื่องที่เกิดขึ้นในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง โดยเหยื่อทุกรายที่เสียชีวิตล้วนตายอยู่ที่หน้ากระจกด้วยกันทั้งสิ้น เรื่องที่สอง Natural City ภาพแนวแอ๊กชั่น ไซไฟ ล้ำอนาคต ในภาพยนตร์เรื่องนี้ ยู จินเต รับบทเป็น R ตำรวจหนุ่มแห่งโลกอนาคตที่ได้รับมอบหมายให้ไปกำจัดหุ่นยนตร์ไซบอร์ก แต่เมื่อเขาพบกับหุ่นยนตร์ไซบอร์กสาวนามว่า Lia (รับบทโดย Seo Rin) เขาก็ตกหลุมรักเธอและยอมล้มเลิกภาระกิจสำคัญนี้ และพาเธอหนีไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายในปีนี้ของเขาคือเรื่อง Old Boy ในเรื่องนี้ ยู จินเต รับบทเป็น Woo Jin ภาพยนตร์เรื่อง Old Boy เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ Dae Soo (รับบทโดย Choi Min-Shik) ผู้ซึ่งถูกชายลึกลับพาเขาไปขังยังคุกแห่งหนึ่ง จนกระทั่ง 15 ปี ต่อมาเขาได้รับการปล่อยตัว และได้พบกับหญิงสาวลึกลับที่ชื่อ Mi Do (รับบทโดย Kang Hye-Jung) เธอเสนอตัวให้ความช่วยเหลือแก่เขาเพื่อตามล่าหาตัวคนที่ลักพาตัวเขาเมื่อ 15 ปีที่แล้ว ขณะที่ทั้งคนคู่กำลังสืบหาอยู่นั้น Dae Soo ก็ได้รับข้อเสนอว่า หากภายในห้าวันเขายังไม่รู้ว่าใครเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังการลักพาตัวของเขาแล้วล่ะก็ ชีวิตของ Mi Do จะต้องตกอยู่ในอันตรายทันที นอกจากนั้นในปีนี้ ยู จินเต ก็หันมาทำหน้าที่เป็นผู้กำกับครั้งแรกเป็นผู้กำกับภาพยนตร์เป็นครั้งแรกจากภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องราวของเด็กหนุ่มผู้รักการขี่จักรยานใน The Bike Boy
ปี 2004 ยู จินเต กลับมาอีกครั้งกับภาพยนตร์เรื่อง Woman is the Future of Man ในผลงานการกำกับของ Hong Sang-Soo ผู้กำกับมากฝีมือจาก On the Occasion of Remembering the Turning Gate , Virgin Stripped Bare By Her Bachelors และ The Power of Kangwon Province โดยภาพยนตร์เรื่อง Woman is the Future of Man นี้จะถ่ายทอดเรื่องราวภายในเวลา 24 ชั่วโมงของสองเพื่อนซี้ Moon Ho (รับบทโดย Yoo Ji-Tae) และ Heon Joon (รับบทโดย Kim Tae-Woo) ที่นัดพบกันหลังจากที่คนทั้งคู่แยกจากกันไปนาน และต่อจากนั้นทั้งคู่ก็ตกลงที่จะไปเยี่ยมแฟนเก่าของพวกเขา Seon Hwa (รับบทโดย Sung Hyun-Ah) ด้วยกัน
ล่าสุด ยู จินเต มีผลงานภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่อง Antarctic Journal ร่วมแสดงกับ Song Kang-Ho โดยภาพยนตร์เรื่อง Antarctic Journal ได้ยกกองไปถ่ายทำกันที่ประเทศนิวซีแลนด์ และฉายในต้นปี 2005 นี้ นอกจากนั้น ยู จินเต ก็กำลังมีผลงานภาพยนตร์เรื่องใหม่ Running Wild ร่วมกับ Kwon Sang-Woo ในผลงานการกำกับของ Kim Sung-Soo โดยภาพยนตร์เรื่องนี้เริ่มถ่ายทำกันในเดือนมีนาคมและออกฉายที่เกาหลีช่วงปลายปี 2005
