ปลารากกล้วย
"ปลารากกล้วย" เป็นปลาน้ำจืดที่เริ่มรู้จักแพร่หลายมาสัก 10-20 ปีมานี้เอง ตั้งแต่มีการสร้างเขื่อนที่จังหวัดกาญจนบุรี ปลารากกล้วยอันเป็นแหล่งอาหารสามัญของชาวรามัญและชาวเมืองกาญจน์จึงได้แพร่หลายออกไป
ลักษณะของปลารากกล้วยคือ ลำตัวเล็กยาว ขนาดตั้งแต่ 5-14 ซม. หัวแหลม ตาเล็ก หางแหลม กลางลำตัวมีเส้นสีเทาจากหัวถึงหาง ระหว่างเส้นมีจุดสีดำเป็นแนวยาว อาศัยอยู่ตามต้นน้ำ
เมื่อปลารากกล้วยเริ่มนิยมรับประทานกันมากขึ้น เมนูจานอร่อยของปลารากกล้วยจึงมักเป็นปลารากกล้วยแดดเดียว ทั้งนี้เพราะปลารากกล้วยมีหลายขนาด ทั้งขนาดเล็กเท่าปลาซิวจนถึงขนาดใหญ่เท่าปลาหลด แต่ปลากรากกล้วยแดดเดียวขนาดเล็กจะเป็นที่นิยมกันโดยทั่วไป
ช่วงเวลาที่จะซื้อปลารากกล้วยมาทำอาหารรับประทานกันคือช่วงเดือนมกราคม ไปจนถึงเดือนมีนาคม ราคาตกกิโลกรัมละ 100 บาท หลังจากช่วงนี้ไปแล้วจะหารับประทานยาก ราคาก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ว่ากันว่าปลารากกล้วยที่จังหวัดกาญจนบุรีมีความสดและรสชาติดีเป็นพิเศษ ส่วนในตลาดกรุงเทพฯ ก็มีขายเป็นบางแห่ง เช่น ตลาดบางซื่อ ตลาดโชคชัย4 ตลาดห้วยขวาง ตลาดคลองเตย เป็นต้น โดยเลือกปลารากกล้วยสดๆ ซึ่งจะมีเมือกไม่มาก ไม่มีกลิ่นคาว หนังปลาตึง ตาใส
เหตุที่ปลารากกล้วยมีเนื้อน้อย จึงต้องนำมาทอดจนกรอบ ปิ้ง หรือย่าง รับประทานทั้งตัวจึงจะอร่อย จานเด็ดต้องยกให้ปลารากกล้วยทอดกระเทียม ซึ่งก่อนที่จะเอาปลารากกล้วยมาทำอาหารต้องเคล้าเกลือพอทั่วก่อน เพื่อทำให้ปลาหมดเมือกและกลิ่นคาว แล้วล้างน้ำออก เคล้าเกลือให้ทั่วอีกครั้ง นำไปตากแดด 1 วัน ระหว่างตาก เมื่อหนังปลาด้านหนึ่งแห้งก็กลับอีกด้าน ตากจนหนังปลาแห้งตึง (การตากแดดทำให้เนื้อปลามีรสชาติดีและแข็งมากยิ่งขึ้น)
เมื่อได้ปลารากกล้วยแดดเดียวแล้วจึงทอดในน้ำมันมากและร้อนจัดโดยใช้ไฟปานกลาง ปลาจึงจะสุกเหลืองกรอบทั้งตัว ถ้าจะทำเป็นปลารากกล้วยทอดกระเทียมก็ได้ คือหลังจากทอดปลาจนได้ที่แล้วจึงทอดกระเทียมที่โขลกกับพริกไทยและเกลือจนเหลืองกรอบ ตักโรยบนตัวปลา รับประทานเป็นกับข้าวกับแกล้ม หากต้องการย่างปลารากกล้วย ต้องย่างด้วยเตาถ่านโดยใช้ไฟอ่อน ย่างจนหนังปลาสุกเหลืองหอม แล้วนำไปทำต้มโคล้ง ต้มยำ หรือฉู่ฉี่ก็ได้
ที่มา : https://naichef.50megs.com/fish12.html