วิธีสงบจิตใจนั้นใช้เวลาเพียงน้อยนิด เพราะฉะนั้นอย่าแก้ตัวด้วยคำพูดว่า ไม่มีเวลา แค่เพียงยิ้มให้บ่อยครั้งขึ้นก็สามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายอะไร นอกจากเวลาเพียงวันละ 2-3 นาที ลองเลือกวิธีเหล่านี้มาใช้สัก 2-3 ข้อ แล้วคุณจะเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน 1. ช้าลง เมื่อคุณต้องไปที่ไหนสักแห่ง ลองออกเดินทางเร็วกว่าที่เคยสัก 10 นาทีแทนที่จะรอจนถึงวินาทีสุดท้าย คุณจะได้ไม่ต้องรีบร้อนและเครียดน้อยลง พยายามพูดและเคลื่อนไหวแบบผ่อนคลายให้มากขึ้น แล้วลองสังเกตดูว่าความเครียดของคุณหายไปหรือไม่ ขับรถตามอัตราความเร็วที่กำหนด หยุดสักอึดใจก่อนที่จะตอบคำถาม ปล่อยให้โทรศัพท์ดัง 2-3 ครั้งแล้วจึงรับสาย และเอนหลังสบายๆ โดยไม่ต้องทำอะไรวันละ 2-3 นาที 2. เก็บเกี่ยวความเขียว ผู้เชี่ยวชาญด้านฮวงจุ้ย เชื่อว่าต้นไม้จะช่วยเพิ่มความมีชีวิตชีวาและเป็นขั้นตอนแรกซึ่งนำไปสู่ความสุข 3. ผ่อนปรนให้ตัวเองบ้าง คุณไม่อาจทำให้คนอื่นๆ พอใจไปเสียทุกอย่างได้ ถึงแม้จะพลาดไปบ้างก็ไม่เป็นไร 4. จัดเวลานอก เพื่อหลีกเลี่ยงความตึงเครียดที่จะทวีขึ้นเรื่อยๆ ควรใช้กฎข้อนี้: ทุก 55 นาทีของการทำงาน ให้พัก 5 นาทีโดยไม่ต้องรู้สึกผิด มีการพิสูจน์แล้วว่าการพักเป็นการเพิ่มพลังการผลิต 5. หาสัตว์มาเลี้ยง สุนัข แมว นกหรือแม้แต่ปลามีบทบาทสำคัญในการผ่อนคลายความเครียด 6. ใช้วันหยุดให้เป็นประโยชน์ การหยุดงาน 2 สัปดาห์ นอกจากจะช่วยปลดปล่อยและทำจิตใจให้สงบยังทำให้สุขภาพดีขึ้น และลดระดับความเครียดได้นานถึง 5 สัปดาห์ เราจะนอนหลับสนิทยิ่งขึ้นและอารมณ์แช่มชื่นขึ้นทั้งระหว่างและหลังหยุดพักผ่อน การพักผ่อนจะช่วยในการรักษาได้ก็ต่อเมื่อต้องได้พักจริงๆ ไม่เป็นระเบียบแบบแผนจนเกินไป คที่ไม่มีเวลาเรื่อยเปื่อยในช่วงวันหยุดจะไม่ได้รับประโยชน์ด้านสุขภาพเช่นนั้น 7. ทำงานอดิเรก ทำงานเพื่อความพอใจเพียงอย่างเดียว ไม่ว่าจะเป็นถักนิตติ้ง ดูนก หรือสะสมสิ่งที่คุณสนใจ งานอดิเรกช่วยให้คุณมีความมั่นใจและได้สร้างความสัมพันธ์กับคนที่มีความสนใจร่วมกัน การใช้เวลาอยู่กับกิจกรรมเหล่านี้จะกันคุณจากความหดหู่ซึ่งเกี่ยวข้องกับการทำงานของภูมิคุ้มกัน และเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งและอื่นๆ 8. เรียนรู้การกำหนดตารางเวลา พยายามเขียนรายการที่จะทำในแต่ละวันถ้าคุณเป็นคนขี้ลืม หรือถ้าทำให้คุณรู้สึกเป็นระบบมากขึ้น จัดลำดับความสำคัญของเป้าหมายที่จะทำในแต่ละวันแล้วแบ่งเวลาให้อย่างเป็นจริง ถ้าบางอย่างทำวันนี้ไม่ได้ให้เลื่อนไปทำในวันรุ่งขึ้น 9. อ่าน ไม่มีอะไรที่จะหันเหจิตใจของเราออกจากความวิตกกังวลได้เท่าหนังสือดีๆ สักเล่ม เพราะการอ่านเป็นกิจกรรมเงียบๆ และช่วยให้หลบเสียงรบกวนที่เป็นตัวกระตุ้นความเครียดได้พักหนึ่ง 10. เล่น คราวหน้าถ้าคุณรู้สึกวิตกหรือเครียด หยุดพักแล้วไปเล่นอะไรก็ได้แบบเด็กๆ หาสีเทียนสักแท่งมาวาดรูป ดูหนังเด็กที่คุณชอบ เป่าฟองลูกโป่ง หรือหยิบของส่วนตัวที่เก็บเอาไว้มาหวนรำลึกถึงความทรงจำที่ดี 11. ขอความช่วยเหลือ เมื่อคุณรู้สึกว่าตัวเองเก็บกดจนทนไม่ไหว ให้รีบขอความช่วยเหลือ อย่ากลัว เพราะเรามีครอบครัวและเพื่อนฝูงไว้เพื่อการนี้ และพยายามเอาชนะนิสัยปฏิเสธไม่เป็น เตือนตัวเองอยู่เสมอว่าสุขภาพต้องมาก่อน และการยอมมากเกินไปบั่นทอนระบบภูมิคุ้มกันของคุณได้ 12. ปลูกฝังความเมตตา ขอบคุณพนักงานที่จัดของชำให้คุณใส่ถุงเป็นอย่างดี โทรศัพท์หรือแวะไปหาเพื่อนที่ต้องอยู่แต่บ้าน ทำขนมไปให้ญาติมิตรหรือคนรู้จัก การให้ทำให้เกิดความรู้สึกทางบวก และช่วยสารสัมพันธ์อันดีกับบุคคลอื่น 13. อย่าละเลยความรู้สึกเชิงลบ ความรู้สึกของเราก็ส่งสัญญาณเตือนได้เช่นเดียวกับไฟหน้าปัดรถยนต์ ถ้าคุณรู้สึกโกรธ อิจฉา อึดอัด หรือแค่รำคาญ นั่นเป็นสัญญาณเตือนว่าให้สูดหายใจเข้าลึกๆ และหาวิธีเปลี่ยนเรื่องไปเสีย 14. พยายามยิ้ม การพยายามทำให้ตัวเองมีความสุขโดยการยิ้มหรือหัวเราะ ทำให้ร่างกายแสดงปฏิกิริยาด้วยการหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลออกมาน้อยลง 15. ให้รางวัลกับความสำเร็จของคุณเอง หาเวลาพักสักเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มทำงานชิ้นต่อไป
ที่มาข้อมูล : https://www.readersdigestthailand.co.thรูปภาพจาก : dekmor.cmu.ac.th
