เก๊กฮวย เป็นพืชพื้นเมืองของประเทศจีน อยู่ในตระกูลเดียวกับเบญจมาศ บางคนก็เรียกว่าเบญจมาศสวนหรือเบญจมาศหนู เป็นสมุนไพรที่ขึ้นชื่อถึงความอร่อย ราคาไม่แพง และยังเป็นที่นิยมนำมาประกอบอาหาร อีกทั้งยังมีสรรพคุณในการบำบัดโรคได้
หากจะกล่าวว่า พืชสมุนไพรเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนไทยก็คงไม่แปลก เพราะทั้งอาหารที่บริโภคก็มีส่วนประกอบของพืชสมุนไพร ซึ่งทั้งอร่อยและบำบัดโรค รวมถึงน้ำดื่มดับกระหายคลายร้อน ที่เคยดื่มเคยจิบกันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยนั่นก็คือ เก๊กฮวย โดยไม่รู้ว่านอกจากรสชาติที่อร่อยชื่นใจแล้ว ยังกำนัลด้วยประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่ด้วยวันและเวลาผ่านไป ใครหลายคนคงลืมน้ำสมุนไพรเหล่านี้ไปแล้วลองย้อนวันเวลากลับไปทบทวนความรู้สึกเมื่อครั้งวัยเยาว์ที่ได้ดื่มน้ำสมุนไพร ว่าทำให้เรามีแรงกระโดดโลดเต้นได้มากมายเพียงใด นอกจากนี้แล้วยังมีวิธีการทำที่ไม่ยากเลย
วิธีทำน้ำเก๊กฮวย
1.นำดอกเก๊กฮวยแห้ง มาล้างน้ำ แล้วใส่ในหม้อต้ม 5-10 ดอก/น้ำ 2 ลิตร เคี่ยว 5 นาที
2.เติมน้ำตาลทราย ชิมรสตามใจชอบ ก็จะได้น้ำเก๊กฮวย สีเหลีองอ่อนรสหวานเย็น ถ้าต้องการให้น้ำสีเหลืองอ่อนน่าดื่มยิ่งขึ้น ให้ใส่เมล็ดพุดจีนต้มเคี่ยว เมล็ดพุดจีนจะให้สีเหลือง ทำให้น้ำเก๊กฮวยมีสีสันสวยขึ้น
ประโยชน์ของน้ำเก็กฮวย นอกจากจะหอมสดชื่นแล้ว น้ำเก็กฮวยยังมีสรรพคุณที่สำคัญคือ
- เป็นยาเย็น ดับพิษร้อน แก้ร้อนใน
- เป็นยาแก้ปวดท้องและช่วยระบาย
- ช่วยขยายหลอดเลือดแดงใหญ่ที่เลี้ยงหัวใจ จึงช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดต่างๆ เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเส้นเลือดตีบ และโรคหัวใจได้
- สำหรับคนที่เป็นมะเร็งและเข้ารับการรักษาด้วยการฉายแสงหรือเคมีบำบัด ตับก็จะต้องทำงานหนักมากในการขจัดสารพิษออกไป เมื่อตับทำงานหนักก็จะทำให้ร่างกายเกิดอาการร้อน ดูได้จากการที่คอแห้ง ปากแห้ง ตาแห้ง ท้องผูก ปวดเมื่อยร่างกาย ฯลฯ การดื่มน้ำเก็กฮวยก็จะสามารถลดความร้อนของร่างกายได้เนื่องจากเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์เย็น จะช่วยขับพิษร้อนจากตับออกมาได้
เห็นไหมว่า นอกจากจะมีรสชาติดี ราคาไม่แพง แล้วยังมีสรรพคุณในการบำบัดรักษาโรค บางโรคได้ ดื่มได้ตลอดเวลา ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพอีกด้วย ส่วนวิธีการดื่มที่ถูกวิธี ควรดื่มแบบจิบช้าๆ และควรดื่มทันทีที่ปรุงเสร็จ เพื่อให้ได้คุณค่าทางอาหารและยา การดื่มน้ำสมุนไพรชนิดเดียว ติดต่อกันเป็นระยะเวลานานๆ อาจทำให้เกิดการสะสมสารบางชนิดที่มีฤทธิ์ต่อร่างกายได้
"การดื่มน้ำสมุนไพรร้อนๆ ที่มีอุณหภูมิ 60 องศาเซนเซียสขึ้นไปทำให้เยื่อบุผิวหลอดอาหารเสียสภาพภูมิคุ้มกันเฉพาะที่ และอาจทำให้มีการดูดซึมสารก่อมะเร็ง,จุรินทรีย์ ฯลฯ ได้ง่าย"
ข้อมูลจาก Internet
เรียบเรียงโดย Sanook! Guru