ผ่าแผน

  
     ทำความเข้าใจเกี่ยวกับพิจารณา หลังองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ(นาซ่า)ซึ่งของใช้สนามบินอู่ตะเภาศึกษาวิจัยสภาวะของบรรยากาศภายใจค้ชื่อโครงการ Southeast Asia Composition Cloud,Climate Coupling Reginonal Study (SEAC4RS)ได้ขีดเส้นตายให้ไทยได้ตัดสินใจ           รศ.ดร.เสริม หนึ่งคณะทำงาน ซึ่งเคยร่วมสำรวจชั้นบรรยากาศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ใน 7 ประเทศ (7-SEAS)และผู้ร่วมอยู่ในโครงการของนาซ่าในครั้ง เริ่มต้นทำความเข้าใจพร้อมอธิบายสาเหตุที่ต้องการทำการวิจัยในเขตภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ว่าเนื่องจากเป็นบริเวณที่มีสภาวะอากาศซับซ้อน โดยเฉพาะในประเทศไทยที่มีการเผาป่า เผาวัสดุเหลือใช้ทางการเกศตร รวมถึงมีการปล่อยฝุ่นละอองจากอุตสาหกรรมจำนวนมาก"ฝุ่นละอองเหล่านี้มีอิทธิพลต่อการเกิดเมฆและความเสถียรภาพของบรรยากาศซึ่งมีผลต่อการเกินพายุที่รุนแรง"ข้อมูลต่างๆเหล่านี้ รศ.ดร.เสริม บอกว่า ไทยยังไม่ได้มีการศึกษามาก่อน
     นาซ่าก็ไม่ได้ทำเพื่อ ไทย เพียงประเทศเดียว ซึ่งผ่านมาโครงการลักษณะนี้เคยทำที่ตะวันออกกลาง และแอฟริกาใต้มาแล้ว ซึ่งเป็นการปฏิบัติเป็นประจำ ขณะที่อุปกรณ์และการดำเนินการต่างๆ เพื่อการสำรวจทางวิทยาศาสจร์อย่างชัดเจนและสามารถตรวจสอบได้ ฉะนั้นไทยจึงไม่ควรเอาไปเชื่อมโยงกับเรื่องอื่นๆ
     อู่ตะเภาเหมาะสม ปลอดภัย-ใกล้ กรุงเทพฯ     รศ.ดร.เสริม ก็อธิบายชัดว่า เหตุที่ต้องใช้สนามบินอู่ตะเภา เริ่มต้นมาจากกรณีการเข้าร่วมประชุมที่ฮานอย ประเทศเวียดนามเขาเองเป็นผู้เสนอให้ใช้สนามบินผลเรือนเป็นที่ตั้งศูนย์วิจัย เพราะสามารถขออนุญาตได้ง่ายและไม่มีการบินมารบกวน          "ในตอนแรกได้มีการเสนอให้ใช้สนามบินสุราษฎร์ธานี รวมถึงที่เชียงใหม่ แต่เมื่อเข้าไปสำรวจพบว่า สนามบินไม่มีความพร้อมและไม่เหมาะ เนื่องจากมีรันเวย์สั้น อาจะเกิดอุบัติเหตุได้ ไม่มีโรงเก็บอุปกรณ์ทดลอง รวมถึงอยู่ใกล้จากจากกรุงเทพมหานคร ดังนั้นจึงใช้พื้นที่ของสนามบินอู่ตะเภา"
     สำหรับขั้นตอนการทำสำรวจนั้น นาซ่า จะใช้เครื่องบิน บินออกไปในระยะ 5,000 กิโลเมตร ถึงประเทศฟิลิปปินส์ อินโดนีเซยโดยจะบิน 3 ระดับ คือ     1. ระดับ 20 กิโลเมตร เพื่อสำรวจชั้นบรรยากาศสูงสุด โดยเครื่องบินที่ใช้บินในชั้นนี้แปลงมาจากเครื่องบิดสอดแนม แต่ใช้ในทางวิทยาศาสตร์และสามารถตรวจสอบได้     2. ระดับ 10 กินโลเมตร เพื่อสำรวจในชั้นบรรยากาศระดับกลาง     3. ระดับ 2 กิโลเมตร โดยบินเป็นลักษณะคลื่นเพื่อสำรวจมลภาวะในระดับต่างๆ
     ด้านนริศรา หนี่งในผู้จัยร่วมกับนาซ่า และเคยเข้าร่วมโครงการนี้ในภูมิภาคอื่นๆ กล่าวว่า ที่ผ่านมานาซ่าเคยสำรวจชั้นบรรยากาศที่เกาะฮ่องกงและญี่ปุ่นมาก่อนแล้ว แต่ข้อมูลที่ได้ในครั้งนั้นไม่สามารถทำมาใช้กับเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ได้     "สำหรับการเข้ามาในประเทศไทยในครั้งนี้ใช้งบประมาณ 900 ล้านบาท ซึ่งจะมีการบินภายใน 2 เดือนจำนวน 20 ครั้งนั่นคือ เฉลี่ย 45 ล้านบาท" อาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ สจล.บอก เและเห็นว่า ดังนั้น ต้องใช้งบประมาณดังกล่าวอย่างฉลาดซึ่งการวางแผนการบินนั้นไม่สามารถที่จะบอกล่วงหน้าได้ เนื่องจากสภาพอากาศมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา"       "คำถามที่เกิดขึ้นคือ ในเมื่อเราไม่มีศักยภาพในการทำเองมีคนอื่นมาทำให้ฟรีๆ ทำไมเราไม่ทำ และที่สำคัญคือเราจะตอบประชาคมโลกได้อย่างไร ว่าการทดลองทางด้านวิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อมเพื่อแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศถูกปฏิเสธในเมืองไทย"
      นางสาวบุศราศิริ กล่าวเสริมถึงสาเหตุที่นาซ่าต้องเข้าทำการวิจัยในช่วงนี้ ว่า เนื่องจากโดยปกติไทยจะได้รับอิทธิพลจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือยและมรสุมตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งช่วง 2-3 เดือนนี้ ไทยอยู่ในช่วงของมรสุมตะวันออกเฉียงใต้ จึงเป็นสภาพอากาศที่เหมาะสมในการตรวจ
      "ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีละอองลอย 3-4 ประเภท คือ 1.ละอองลอยที่เกิดจากทะเลยคือ เกลือ 2.ละอองที่เกิดจากทราย 3.ละอองที่เกิดจากการเผาไหม้ ซึ่งการตรวจวัดลักษณะแบบนี้จะทำให้เราทราบชนิดและขนาดของละอองลอย ซึ่งจะทำให้ เราทราบถึงการก่อตัวของเมฆว่าจะทำให้เกิดฝนหรือไม่ด้วย"
      ฉะนั้น การดำเนินการในโครงการนี้จะช่วยให้มีข้อมูลที่ขาดหายไปและช่วยในการพยากรณ์อากาศอย่างแม่นจำ
      ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/