ความรู้ เกร็ดความรู้ สารานุกรม สารานุกรมออนไลน์ ความรู้รอบตัว ความรู้ทั่วไป พจนานุกรม เกมส์ เพลงใหม่ เพลง

สมดุลของของเหลวในพืช, สมดุลของของเหลวในพืช หมายถึง, สมดุลของของเหลวในพืช คือ, สมดุลของของเหลวในพืช ความหมาย, สมดุลของของเหลวในพืช คืออะไร
| เปิดอ่าน 0 | ความคิดเห็น 0
สมดุลของของเหลวในพืช

           พวกสาหร่ายทะเลซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำที่ยังไม่มีระบบการนำน้ำและนำอาหารและไม่มีอวัยวะสำหรับสะสมอาหารได้เหมือนกับพืชชั้นสูง  แม้ว่าปัจจุบันนี้ยังไม่นับว่าเป็นพืช แต่เนื่องจากมันมีคลอโรฟิลล์ที่สามารถสังเคราะห์แสงได้  และเป็นตัวแทนของสิ่งมีชีวิตที่มีคลอโรฟิลล์ที่มีชีวิตอยู่ในน้ำทะเล จึงจะขอนำเอามากล่าวไว้รวมกับในพวกพืชด้วยสาหร่ายทะเลที่กล่าวถึงนี้จะครอบคลุมไปถึงพวกที่ลอยไปลอยมาอยู่ในทะเล (phytoplankton) สาหร่ายสีน้ำตาลและสาหร่ายสีแดง (brown and red algae) ซึ่งสามารถมีชีวิตอยู่ในน้ำทะเลและมีแขนงสาขายาวนับเป็นร้อยๆ ฟุตได้ นับเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์อย่างยิ่ง   เพราะพืชชั้นสูงจะไม่สามารถเติบโตอยู่ในน้ำทะเลได้เหมือนสาหร่ายพวกนี้  สาหร่ายทะเลมีลักษณะแตกต่างไปจากสัตว์ทะเลมากมายภายในร่างกายสัตว์ทะเลมีของเหลวอาบอยู่ภายนอกเซลล์ในลักษณะเป็นน้ำเลือดและน้ำเหลืองประมาณ ๕๐% ของเหลวเหล่านี้ไม่ติดต่อโดยตรงกับน้ำทะเลที่มันอาศัยอยู่ ส่วนสาหร่ายทะเลนั้นไม่มีของเหลวดังกล่าว  คงมีแต่น้ำทะเลเท่านั้นที่อยู่รอบๆ สามารถซึมผ่านเข้าไปในช่องว่างระหว่างเซลล์ได้  ดังนั้นส่วนประกอบที่อยู่ภายนอกเซลล์ของสาหร่ายทะเลจึงมีปริมาณเกลือแร่เหมือนกับที่เราตรวจพบในน้ำทะเล และที่น่าสนใจยิ่งขึ้นไปอีกก็คือสาหร่ายทะเลเหล่านี้สามารถสร้างสารประเภทเจลาตินออกมารอบๆ ตัว เรียกว่า ไฟโคคอลลอยด์ (phycocolloid) ป้องกันไม่ให้น้ำระเหยออกมาได้โดยง่าย  ซึ่งมีประโยชน์ในการรักษาระดับความเข้มข้นของน้ำที่อยู่ระหว่างเซลล์ให้คงอยู่เท่าเทียมกับของน้ำทะเล แม้ในยามน้ำลงมันจะอยู่เหนือระดับน้ำทะเลขึ้นมาก็จะยังรอดชีวิตอยู่ได้ไม่แห้งตาย

           พืชบกชั้นสูง เช่น พวกไม้ดอก มีของเหลวอยู่นอกเซลล์เป็นของเหลวในดินซึ่งรากดูดเข้ามาแล้วลำเลียงไปตามท่อไซเล็ม  (ท่อลำเลียงน้ำ) สู่ส่วนต่างๆ  ทั่วต้น ของเหลวนี้ซึมผ่านผนังเซลล์ไปสู่เซลล์ต่างๆ ได้โดยตลอด ของเหลวที่พืชดูดเข้ามาในท่อไซเล็มติดต่อกับของเหลวที่รากดูดจากดิน จึงมีส่วนประกอบไม่แตกต่างไปจากน้ำในดินเท่าไรนัก ลักษณะเช่นนี้แตกต่างไปจากในสัตว์ซึ่งมีเส้นเลือดและผิวหนังคอยกั้นไม่ให้เลือดและน้ำเหลืองติดต่อกับน้ำทะเลหรือสิ่งแวดล้อมอื่นๆ ที่อยู่ภายนอกร่างกายได้โดยเด็ดขาดดังนั้นสิ่งแวดล้อมภายนอกจึงมีความสำคัญต่อการดำรงชีพของพืชบกมาก เพราะน้ำและเกลือแร่  ภายในดินที่รากดูดขึ้นไปนั้นเปลี่ยนแปลงได้เสมอเมื่อฤดูกาลเปลี่ยนไป ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ พืชเมืองหนาวจะทิ้งใบในฤดูใบไม้ร่วง และจะแตกใบออกดอกและเกิดผลใหม่ในฤดูใบไม้ผลิ  ระดับของเกลือแร่ต่างๆ ในดินและในท่อไซเล็มที่พืชดูดเข้าไปในระหว่างฤดูใบไม้ร่วง และฤดูใบไม้ผลิ แตกต่างกันมาก ดังแสดงในกราฟ ข้อมูลทำนองนี้อาจเป็นประโยชน์อย่างยิ่งที่จะนำมาประกอบในการที่จะปลูกพืชเมืองหนาวในบ้านเรา

           ได้กล่าวไว้ในตอนต้นแล้วว่า เซลล์ของสาหร่ายทะเลนั้นติดต่อโดยตรงกับน้ำทะเลโดยเซลล์ไม่เป็นอันตราย เพราะของเหลวภายในเซลล์ ส่วนประกอบของเกลือแร่หลายชนิดคล้ายคลึงกับส่วนประกอบของน้ำทะเลมาก จริงอยู่แม้ส่วนประกอบทางเคมีของน้ำทะเลในปัจจุบันไม่เหมือนกับส่วนประกอบของน้ำทะเลสมัยที่เพิ่งเริ่มมีชีวิตเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในโลกก็ตาม   แต่การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนั้นเป็นไปอย่างช้าๆ และกินเวลานานเพียงพอที่จะทำให้สิ่งมีชีวิตแรกๆ ในทะเลได้มีโอกาสปรับตัวได้ทันโดยไม่ได้รับอันตรายสำหรับพืชบกและพืชน้ำจืด แม้ว่าของเหลวภายในเซลล์จะมีส่วนประกอบเปลี่ยนแปลงไป ได้ตามฤดูกาล แต่ก็มีความคงทนได้ดีกว่าสัตว์มาก ในสัตว์นั้นถ้าสมดุลของของเหลวในร่างกายผิดปกติไปเพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้สัตว์ได้รับอันตรายถึงตายได้ ที่เป็นเช่นนี้เพราะเซลล์ของสัตว์สลับซับซ้อนกว่าเซลล์ของพืชมาก เซลล์จะทำหน้าที่ได้อย่างปกติก็ต่อเมื่อความเข้มข้นของของเหลวในเซลล์ใกล้เคียงกับของเหลวในเลือดและน้ำเหลือง ถ้าความเข้มข้นของของเหลวในเซลล์ต่างกับของเหลวในเลือดและน้ำเหลืองมากแล้ว เซลล์จะไม่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างปกติและอาจทำให้เซลล์ตายได้

           ลักษณะสำคัญอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งพืชบกและพืชน้ำจืดแตกต่างไปจากสัตว์ก็คือ  ของเหลวที่พืชดูดเข้าไปจะต้องมีความเข้มข้นน้อยกว่าของเหลวที่อยู่ในเซลล์มาก เซลล์จึงจะดูดน้ำเข้าโดยวิธีออสโมซิสได้ เซลล์พืชดูดน้ำเข้าไปแล้วจะไม่แตก เพราะมีผนังเซลล์ที่มีความแข็งแรงหุ้มเซลล์ไว้ เมื่อเซลล์ดูดน้ำมากพอแล้วก็จะไม่สามารถดูดเข้าไปได้อีก ด้วยเหตุนี้ภายในเซลล์พืชบกและพืชน้ำจืดจึงมีความเข้มข้นของสารละลายสูงกว่าภายนอกเซลล์เสมอ เมื่อใดที่ของเหลวจากภายนอกมีความเข้มข้นสูงกว่าในเซลล์ อย่างเช่น เมื่อใส่ปุ๋ยมากเกินไปจะเป็นผลให้น้ำจากเซลล์ออสโมซิสออกมาสู่ภายนอก ทำให้โปรโตพลาสซึมแยกตัวออกมาจากผนังเซลล์เรียกว่า "พลาสโมไลซิส"   (plasmolysis) ทำให้พืชเฉาและตายได้ ปรากฏการณ์นี้ไม่ค่อยเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เพราะพืชมีขบวนการอื่นๆ ที่คอยช่วยป้องกันไม่ให้เกิดได้โดยง่าย

          พืชบกยังมีปัญหาเกี่ยวกับการสูญเสียน้ำโดยระเหยเป็นไอออกทางใบ พืชแต่ละชนิดมีการปรับปรุงตัว เพื่อแก้ไขปัญหานี้แตกต่างกันไป เช่น พืชบกส่วนมากจะมีสารคล้ายขี้ผึ้งเป็นชั้นบางเรียกว่า คิวติเคิล ฉาบที่ผิวด้านนอกของใบป้องกันไม่ให้น้ำระเหยจากใบ (ดูภาพจากเรื่องการหายใจ) พืชในทะเลทรายหรือในที่แห้งแล้งจะไม่มีใบหรือมีใบขนาดเล็กลงมาก และสามารถสะสมน้ำไว้ในลำต้นได้ด้วย เช่น ต้นกระบองเพชรและสลัดได ส่วนพวกมอสส์  และเฟิร์น  ซึ่งชอบขึ้นในที่ร่มและที่ชื้นนั้น แม้ใบจะสูญเสียน้ำไปขณะที่อากาศแห้งแล้งก็จะยังไม่ตาย แต่กลับมาทำหน้าที่ได้ใหม่ เมื่อมีความชื้นเพียงพอ

สมดุลของของเหลวในพืช, สมดุลของของเหลวในพืช หมายถึง, สมดุลของของเหลวในพืช คือ, สมดุลของของเหลวในพืช ความหมาย, สมดุลของของเหลวในพืช คืออะไร

ร่วมเป็นแฟนเพจเรา บน Facebook..ได้ที่นี่เลย!!

บทความอื่น ของสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่มที่ 4

สารานุกรมเล่มอื่นๆ

คำยอดฮิต

Sanook.commenu