ความรู้ เกร็ดความรู้ สารานุกรม สารานุกรมออนไลน์ ความรู้รอบตัว ความรู้ทั่วไป พจนานุกรม เกมส์ เพลงใหม่ เพลง

นิทานอีสป, นิทานอีสป หมายถึง, นิทานอีสป คือ, นิทานอีสป ความหมาย, นิทานอีสป คืออะไร
| เปิดอ่าน 0 | ความคิดเห็น 2
นิทานอีสป

นิทานอีสป นับว่าเป็นนิทานที่ได้รับความนิยมและเชื่อว่าเป็นที่รู้จักกันทั่วโลกมากที่สุดรวมถึงในประเทศไทย นอกจากจะมีเรื่องราวที่สนุกสนานแล้ว ด้านหลังเล่มยังมีคติสอนใจจากเนื้อเรื่องด้วยประโยคจำที่ว่า “นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ….” ตอนนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับที่ไปที่มาของ นิทานอีสป ว่ามีต้นกำเนิดมาจากที่ใด และเกิดการแพร่หลายมาจนถึงบ้านเราได้อย่างไร

อีสป เป็นชื่อของชายคนหนึ่งซึ่งเกิดในเมืองฟรีเยีย ราว 620 - 560 ปีก่อนคริสตกาล หรือก่อนสมัยพุทธกาลเพียงเล็กน้อย  ในปัจจุบันดินแดนแห่งนี้มีชื่อเรียกว่า เอเซียไมเนอร์ เป็นดินแดนที่ทวีปเอเชียและทวีปยุโรปมาชนกันจนกลายเป็นดินแดงที่มีความเจริญรุ่งเรืองมากในยุคสมัยของอีสป แต่เนื่องจากดินแดนแห่งนี้เป็นแหล่งรวมของพ่อค้าวาณิช ทูต และนักท่องเที่ยว เป็นดินแดนที่มีการค้าทาสกันอย่างแพร่หลายในสมัยนั้น อาจกล่าวได้ว่า อีสป ก็เป็นทาสคนหนึ่ง มีสมญานามว่า Ethiop (เอธิออป) หมายถึง คนผิวดำ เชื่อกันว่าที่มาของชื่อมาจากชื่อประเทศเอธิโอเปีย กลายมาเป็น อะบิสซีเนีย ต่อมาชาวยุโรปได้ออกเสียงผิดเพี้ยนไปจนกลายเป็น Aesop (อีสป) ในบางตำนานได้มีการถกเถียงกันว่า ตำนานอีสป นั้นอาจจะมาจากเมืองเทรซ ไพรเกียเอธิโอเปีย ซามอส เอเธนส์ หรือเมืองซาร์ดิส ซึ่งยังไม่มีใครรู้ข้อมูลตรงนี้อย่างแน่ชัด

คามาริอุส (Camarius) ผู้เขียนประวัติของอีสปได้พรรณนากายภาพของอีสปว่า เขามีรูปร่างหน้าตาอัปลักษณ์จนผิดมนุษย์ ปากแบะ จมูกบี้ มีลิ้นคับปาก ผิวมืดดำ เวลาเดินหลังจะงุ้ม อีสปมักพูดเสียงอยู่ในลำคอ ไม่ค่อยมีใครได้ยินเวลาที่อีสปกล่าว หรือพูดจาปราศรัยกับใคร

แต่เดิม อีสป นั้นเป็นทาสอยู่ที่เมืองซามอส (Samos) ประเทศกรีซ นายอิดมอน หรือเอียดม็อน เจ้านายของอีสป ได้ให้เขาทำหน้าที่เป็นครูสอนหนังสือให้กับลูกๆ ของอิดมอน และเนื่องจากว่าบ้านของอิดมอนเป็นที่พบปะสังสรรค์ในหมู่บุคคลสำคัญของกรีก อีสปจึงได้มีโอกาสพบเห็นและทำความรู้จักกับบุคคลเหล่านั้น ว่ากันว่า อีสป มีความสามารถพิเศษในการมองคนด้วยการสังเกตรู้ได้โดยวิจารณญาณว่าใครเป็นอย่างไร  และอิดมอนก็รู้ในความสามารถพิเศษนั้นของอีสป จึงได้ให้อีสปติดตามไปด้วยเสมอเมื่อต้องไปพบปะกับคนใหญ่คนโตของกรีก เขาได้มีโอกาสเล่านิทานให้คนเหล่านั้นฟังจนทำให้กลายเป็นที่ชื่นชอบนับแต่นั้นมา

ต่อมา อิดมอนได้ให้อิสรภาพแก่อีสป ซึ่งกว่าที่เรื่องราวของเขาจะได้การยอมรับจากประชาชนชาวกรีกนั้น เขาต้องใช้เทคนิคเฉพาะตัวเพื่อทำให้ผู้ฟังเกิดความคล้อยตาม เพราะเป็นที่แน่นอนอยู่แล้วว่าในนครรัฐกรีกต่างก็มีนักปราชญ์และนักคิดอยู่เป็นจำนวนมาก ในขณะที่อีสปเองไม่ได้มีชื่อ หรือความน่าเชื่อถืออะไรติดตัวอยู่เลย ทั้งยังเป็นเพียงทาสคนหนึ่งที่พิกลพิการ หวังให้ใครมาเชื่อถือก็ยากเอาการอยู่ 

นิทานอีสป

สุดท้ายด้วยความพยายามของอีสป เขาสามารถเอาชนะใจชาวกรีกด้วยการเล่าเรื่องที่สุดแสนจะธรรมดา แต่แฝงไปด้วยข้อคิด ปรัชญา และคติสอนใจต่างๆ หลากหลาย ใครที่ได้ฟังจะเข้าใจได้ง่าย สามารถนำคติสอนใจที่ได้รับกลับไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวันของตัวเองได้อีกด้วย อีกทั้งลักษณะเด่นของเรื่องราวที่อีสปเล่า เขามักจะตัวละครที่เป็นบรรดาสิงห์สาราสัตว์ทั่วไป อาทิ หมาป่ากับลูกแกะ สุนัขกับเงา ราชสีห์กับหนู หรือสุนัขจิ้งจอกกับกา เป็นต้น

ชื่อเสียงของอีสปโด่งดังไปจนถึงหูของกษัตริย์เครซุส ซึ่งเป็นกษัตริย์ที่มีความร่ำรวยมหาศาล อีสปได้เข้าพักอาศัยอยู่ในวังและได้รับคำสั่งให้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในราชสำนักในตำแหน่งราชทูต เขาต้องเดินทางไปเจรจาความกับเมืองต่างๆ เนื่องจากกษัตริย์เครซุสเห็นว่าอีสปนั้นเป็นคนที่มีปฏิภาณไหวพริบและเป็นนักจิตวิทยาชั้นสูง เขาได้พบกับรัฐบุรุษของเมืองเอเธนส์และนักปราชญ์ผู้รอบรู้ต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะนักปราชญ์ที่ชื่อ โซลอน โดยในบางตำนานได้เล่าว่า อีสปเคยเข้าไปอยู่ในสำนักของโซลอน ซึ่งเป็นนักกฎหมายที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก โซลอนเป็นญาติของปีซัสเตรตัส ผู้ปกครองแห่งเมืองเอเธนส์ ในขณะนั้นชาวเมืองคิดที่จะขับไล่ให้ปีซัสเตรตัสออกจากตำแหน่งเจ้าเมือง เพราะเห็นว่าปีซัสเตรตัสนั้นปกครองประชาชนโดยใช้อำนาจเป็นใหญ่ กดขี่ข่มเหงสารพัด อีสปจึงได้เล่านิทานเรื่อง กบเลือกนาย ให้กับประชาชนชาวเอเธนส์ฟัง ทำให้ประชาชนชาวเมืองเลื่อมใสการปกครองของปีซัสเตรตัสได้สำเร็จ นอกจากนั้น อีสปยังได้แสดงความคิดเห็นในทางการปกครอง และเล่านิทานเชิงเปรียบเทียบอีกหลายๆ เรื่องในสำนักกฎหมายของโซลอน 

ในนิทานอีสปมักจะมีตัวละครเป็นสัตว์

  • สิงโต หรือราชสีห์ หมายถึง หรือเป็นตัวแทนของผู้ที่มีอำนาจ คนบุญหนักศักดิ์ใหญ่ ผู้ปกครอง
  • หนู หมายถึง หรือเป็นตัวแทนของผู้ต่ำต้อย
  • ลา หมายถึง หรือเป็นตัวแทนของผู้ที่ด้อยสติปัญญา
  • หมาจิ้งจอก หมายถึง หรือเป็นตัวแทนของคนเจ้าเล่ห์

นั่นเป็นเพียงตัวละครบางส่วนที่อีสปมักนำมาใช้ดำเนินเรื่องราว และได้มีการเปรียบเทียบในเชิงอุปมา อุปไมยเพื่อใช้สอน นักปราชญ์บางท่านได้ให้ความเห็นเอาไว้ว่า นิทานของอีสปส่วนใหญ่มักมีเค้าโครงมาจากเรื่องเล่าเก่าๆ ของอินเดียบ้าง อาระเบียบ้าง หรืออาจจะมาจากเปอร์เซีย ไม่ก็เป็นแถบดินแดนอื่นๆ ผสมผสานกัน โดยที่อีสปได้นำเรื่องราวเหล่านั้นมาดัดแปลงเพื่อเล่าใหม่ รวมถึงเรื่องเล่าเก่าๆ ของกรีก

นิทานอีสป เป็นนิทานที่ใช้วิธีการแบบเล่าปากต่อปาก ไม่มีการจดบันทึกไว้เป็นหลักฐาน จนในศตวรรษต่อๆ มา จึงได้มีผู้บันทึกเอาไว้ ดังจะเห็นได้จากหลักฐานบนแผ่นปาปิรัสอียิปต์โบราณ รวมถึง ฟีดรัส ทาสชาวมาซีโดเนียนในยุคจักรพรรดิออกุสตุส จักรวรรดิแห่งแรกของโรมัน ก็ได้เป็นอีกคนหนึ่งที่รวบรวมเรื่องราว นิทานอีสป เอาไว้เป็นภาษาลาติน บางตำนานก็บอกว่า เดมิตริอุส ซึ่งเป็นชาวกรีก ได้รวบรวม นิทานอีสป โดยเขียนเป็นหนังสือไว้เมื่อราว 30 ปีก่อนคริสต์ศักราช ต่อมาจึงมีผู้เขียนขึ้นใหม่อีกหลายคนจนถึงพระรูปหนึ่งที่มีชื่อว่า มาซิมุล พลานูด ได้แปล นิทานอีสป จากภาษาลาตินมาเป็นภาษาอังกฤษ เมื่อ ค.ศ. 1400 โดยนับแต่นั้นมา ชาวยุโรปก็ได้แปล นิทานอีสป ให้เข้ากับสภาพสังคมบ้านเมืองของตนอย่างแพร่หลาย แต่คติสอนใจและข้อคิดหลักที่เป็นหัวใจสำคัญของเรื่องยังคงได้รับการรักษาเอาไว้เป็นอย่างดีมาจนถึงปัจจุบัน

6 ข้อคิดดีๆ จากนิทานอีสป

  1. ไม้นวมดีกว่าไม้แข็ง: จากนิทานอีสป เรื่อง ลมกับพระอาทิตย์ ที่แข่งกันว่าใครจะทำให้นายพรานถอดเสื้อคลุมออกได้ ลมพยายามพัดให้แรงที่สุด แต่นายพานก็ยิ่งเอาเสื้อคลุมกระชับตัวเข้า ส่วนพระอาทิตย์เพียงแค่ส่องแดดให้แรงขึ้นเรื่อยๆ นายพรานก็เริ่มร้อนจนต้องถอดเสื้อคลุม เรื่องนี้เปรียบเทียบเป็นข้อคิดได้ว่า แทนที่เราจะวีนแตก หรือโยนระเบิดใส่เพื่อน ทำเราไม่ใจเย็นแล้วหันหน้ามาค่อยๆ พูดกันตรงๆ อย่างใจเย็น ไม่มีใครชอบถูกสั่ง หรือถูกบังคับในสิ่งที่ตัวเองไม่อยากทำ
  2. อย่าหาเหตุผลจากคนพาล: จากนิทานอีสป เรื่อง ลูกแกะกับสุนัขจิ้งจอก สุนัขจิ้งจอกหาเรื่องเทียวจะกินลูกแกะให้ได้ สุนัขจิ้งจอกโยนความผิดหาว่าลูกแกะทำน้ำในลำธารขุ่น ถึงแม้ว่าลูกแกะจะพยายามแก้ตัวยังไงก็ไม่รอด เรื่องนี้เปรียบเทียบเป็นข้อคิดได้ว่า ช่วงเวลาที่คนโกรธ มันเป็นช่วงเวลาที่สมองส่วนเหตุผลหยุดทำงาน ในบางครั้ง อาการพลุ่งพล่านที่เห็นนั้นอาจะไม่ได้ต้องการเหตุใดๆ เพียงแต่ต้องการที่ระบาย และหากคนๆ นั้นเป็นคนใจแคบ ก็อยากให้เก็บพลังที่จะระบายเหล่านั้นไปกับการให้อภัยจะดีเสียกว่า
  3. พอใจในสิ่งที่ตัวเองมี: จากนิทานอีสป เรื่อง สุนัขคาบเนื้อกับเงา สุนัขได้คาบเนื้อชิ้นใหญ่ข้ามแม่น้ำไป เมื่อมันมองลงไปในน้ำเห็นเงาตัวเอง มันกลับคิดว่ายังมีสุนัขตัวอื่นที่ได้ชิ้นเนื้อใหญ่กว่าที่มันมี มันจึงคายก้อนเนื้อนั้นทิ้งไป แล้วตัดสินใจกระโจนลงน้ำ สุดท้าย สุนัขตัวนี้ก็ไม่มีอะไรเหลือเลย เรื่องนี้เปรียบเทียบเป็นข้อคิดได้ว่า เมื่อเรามีสิ่งที่ดี ทำให้เรามีความสุขอยู่แล้ว เหตุใดยังต้องสอดส่องมองหาสิ่งที่ดีมากกว่านี้อยู่อีก เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าสิ่งที่เราคิดว่ามันดีกว่า มันจะดีจริง หรือเป็นเพียงแค่ภาพลวงตาที่สร้างขึ้นมา หากปล่อยสิ่งดีๆ ที่มีอยู่แล้วไป เราอาจจะต้องมาเสียใจทีหลังก็เป็นได้
  4. ทุกอย่างต้องเกื้อกูลกัน: จากนิทานอีสป เรื่อง ร่างกายของเรา เมื่ออวัยวะอื่นๆ เกิดอิจฉาท้องที่ได้อาหาร แต่ตัวเองต้องทำงานหนักจึงเกิดการประท้วง มือไม่ยอมหยิบอาหาร ฟันไม่ยอมเคี้ยว หลังจากผ่านไปสองสามวัน อวัยวะหลายๆ ส่วนไม่มีแรงเหลือ เนื่องจากทุกส่วนต้องทำงานประสานกันถึงจะอยู่ได้ เรื่องนี้เปรียบเทียบเป็นข้อคิดไดว่า ไม่มีใครเคยบอก ว่า One Man Show คือ การทำงานที่ได้ผลดีที่สุด การอยู่ร่วมกันกับคนอื่นด้วยความเอื้ออาทรเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่มนุษย์ธรรมดาพึงต้องมี หากเมื่อใดที่คุณเกิดลำบาก ต้องการความช่วยเหลือจากคนอื่นบ้าง แต่กลับไม่มี คุณอาจจะทำงานได้ลำบากมากขึ้นกว่านี้เป็นหลายเท่าก็ได้
  5. อย่าประมาท: จากนิทานอีสป เรื่อง ตั๊กแตนกับมด ในช่วงระหว่างฤดูร้อน มดทำงานทั้งวัน สร้างรัง และกักตุนอาหาร แต่ตั๊กแตนเอาแต่ร้องเพลงเที่ยวเล่น เมื่อฤดูหนาวมาถึง ตั๊กแตนเกิดอาการหิวโซ ในขณะเดียวกัน มดก็มีรังดีๆ อยู่ และอาหารเหลือเก็บไว้พร้อมกินตลอด เรื่องนี้เปรียบเทียบเป็นข้อคิดได้ว่า ไม่มีใครรู้ว่าอนาคตเราจะต้องพบเจอกับอะไรบ้าง เราอาจจะไม่สบาย เราอาจจะเกิดอุบัติเหตุจนไม่สามารถทำงานได้ ถ้าเราไม่ระมัดระวัง หรือไม่เตรียมพร้อม แล้วเราจะมีชีวิตที่ดี มั่นคง ปลอดภัยได้อย่างไร
  6. ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม: จากนิทานอีสป เรื่อง กระต่ายกับเต่า กระต่ายวิ่งมาด้วยความเร็วแต่ชะล่าใจ ในขณะที่เต้าคลานอย่างช้าๆ แต่มีความพยายามสม่ำเสมอ ทำให้เต่าเข้าเส้นชัยไปได้ก่อนจนชนะในการแข่งขันครั้งนั้น เรื่องนีเปรียบเทียบเป็นข้อคิดได้ว่า หากเปรียบกับเรื่องของความรัก คู่ครอง อยากให้ใช้เวลาศึกษากันและกันไปเรื่อยๆ อย่าให้ความใคร่ ความหลง ที่ร้อนแรงเมื่อตอนยังคบกันใหม่ๆ มามีอิทธิพลต่อการตัดสินใจในทุกๆ อย่าง เราควรที่จะข่มใจตัวเองบ้าง แล้วทุกอย่างก็จะออกมาดีเอง

ถึงแม้ว่าอีสปจะจากไปนานกว่าหลายศตวรรษแล้ว แต่นิทานของเขาก็ยังคงได้รับการเล่าสืบทอดต่อกันมาตั้งแต่อดีต ปัจจุบันมีการนำนิทานอีสปไปแปลเป็นภาษาต่างๆ มากถึง 250 ภาษาทั่วโลก รวมทั้งภาษาไทยของเราอีกด้วย เหตุนี้เองนิทานอีสปจึงเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายและได้รับความนิยมมาโดยตลอด

10 นิทานอีสปน่าอ่าน

  1. กบกับหนู
  2. กวางป่ากับพวงองุ่น
  3. กากับนกนางแอ่น
  4. ค้างคาวเลือกพวก
  5. คนตัดไม้กับสุนัขจิ้งจอก
  6. ชายโง่กับต้นไผ่
  7. กาอยากเป็นหงส์
  8. กาหลงฝูง
  9. ชาวนากับงูเห่า
  10. นกกระเรียนกับหมาป่า

เสน่ห์ที่น่าอ่านของนิทานอีสป

ถึงแม้ว่านิทานอีสปจะเป็นนิทานจะมีการดำเนินเรื่องที่สั้น แต่ก็มีการดำเนินเหตุการณ์ต่างๆ ตลอดทั้งเรื่องได้อย่างกลมกล่อม ด้วยการแฝงความสนุก ผสมผสานแง่คิดและารกระทำที่เกี่ยวข้องกับคุณธรรม ซึ่งส่วนประกอบหนึ่งที่ทำให้ผู้อ่านจดจำได้ง่าย คือ การใช้ตัวละครที่เป็นสัตว์มาเป็นตัวดำเนินเรื่องหลัก พร้อมกับสอดแทรกนัยต่างๆ ที่ทำให้ผู้อ่านได้คิด ทบทวนถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น อาทิ ราชสีห์ เป็นตัวแทนของผู้ที่มี อำนาจ, หนู เป็นตัวแทนของชนชั้นล่างผู้ต่ำต้อย, ลา เป็นตัวแทนของผู้ที่ด้อยสติปัญญา ไปจนกระทั่ง หมาจิ้งจอก เป็นตัวแทนของผู้ที่มีความเจ้าเล่ห์ นั่นเองจึงเกิดเป็นส่วนผสมที่ลงตัว ทำให้นิทานอีสปเป็นที่นิยมจนถูกเล่าสืบต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ด้วยข้อคิดต่างๆ และวิธีการเล่าเรื่องที่แตกต่างจากนิทานเรื่องอื่นๆ

ข้อมูลเพิ่มเติม: Jantar OKNation, Manager.com, Dek-d.comkroobannok.com

นิทานอีสป, นิทานอีสป หมายถึง, นิทานอีสป คือ, นิทานอีสป ความหมาย, นิทานอีสป คืออะไร

ร่วมเป็นแฟนเพจเรา บน Facebook..ได้ที่นี่เลย!!

คำยอดฮิต

Sanook.commenu