นายสง่า ดามาพงษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ และที่ปรึกษาสำนักโภชนาการกรมอนามัย กล่าวว่า การรับประทานอาหารในช่วงอากาศร้อน ต้องระวังเพราะอุณหภูมิที่สูงขึ้นทำให้เชื้อโรคเจริญเติบโตรวดเร็ว สำหรับเมนูอาหารที่ควรรับประทานในช่วงอากาศร้อน ควรประกอบด้วยผักที่ให้น้ำเยอะ เช่น ฟักเขียว แครอต หัวไช้เท้า ผักกาด แตงกวา โดยเฉพาะผักพื้นบ้านตามฤดูกาล เช่น ขี้เหล็ก ผักกูด ผักหวาน ถือเป็นภูมิปัญญาพื้นบ้าน มีคุณสมบัติดับร้อน ทำให้ร่างกายปรับสภาพอุณหภูมิให้เข้ากับฤดูได้ โดยสามารถนำไปทำอาหารได้ทุกประเภท ทั้งต้ม ผัด ส่วนการกินอาหารทุกประเภทควรปรุงสุกใหม่ หรือทำให้ร้อนก่อนรับประทาน ล้างมือทุกครั้งและใช้ช้อนกลางเพื่อป้องกันโรคทางเดินอาหาร
สำหรับอาหารที่ควรหลีกเลี่ยง ควรลดอาหารรสจัด เผ็ดร้อน เปรี้ยวจัด หวานจัด
โดยเฉพาะอาหารรสเผ็ด รสหวาน อาหารที่ให้ไขมัน พลังงานสูง เพราะจะทำให้ร่างกายเกิดความร้อน และเกิดการอักเสบติดเชื้อได้ง่ายขึ้น จะยิ่งกระหายน้ำ นำไปสู่ภาวะขาดน้ำ เมนูที่ควรระวังหรือหลีกเลี่ยงในช่วงหน้าร้อน เช่น ส้มตำ น้ำตก ยำ ลาบ แกงกะทิ อาหารทะเล ขนมจีน และอาหารค้างคืนทุกประเภท เพราะเสี่ยงต่อการบูดเสียได้ง่าย วิธีสังเกตว่าร่างกายขาดน้ำ คือ รู้สึกกระหายต้องการน้ำทันที ริมฝีปากแห้ง น้ำลายเหนียว ปัสสาวะน้อย มีสีเหลืองเข้ม มีแผลในปาก ปวดหัว เกิดตะคริวตามร่างกาย การดื่มน้ำที่ดีที่สุดคือ ดื่มน้ำเปล่า โดยดื่มมากกว่าปกติที่วันละ 8 แก้ว เป็น 8-12 แก้ว อาจแตกต่างไปตามเพศ วัย และการใช้แรงงาน
" วิธีการดื่มน้ำที่ดีที่สุด คือ ค่อยๆ จิบให้น้ำโดนริมฝีปากก่อน เพื่อให้สมองสั่งการให้เกิดความสดชื่น โดยไม่ดื่มน้ำเย็นจัด ร้อนจัด เพราะจะทำให้กระเพาะเกิดการเกร็งหดตัว น้ำดูดซึมเข้าร่างกายได้น้อย ถูกขับออกมาเป็นปัสสาวะ ไม่ควรดื่มอย่างรวดเร็ว ครั้งละมากๆ เพราะเสี่ยงทำให้เกิดตะคริวหรือช็อกได้ หากรู้สึกกระหายน้ำมาก ควรดื่มน้ำที่มีรสเปรี้ยว หรือผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เช่น น้ำมะนาว น้ำส้ม หรือบีบน้ำมะนาวครึ่งซีกลงในน้ำเปล่าจะช่วยดับกระหายได้ หรือน้ำสมุนไพร ที่สำคัญคือ ควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ น้ำรสหวาน กาเฟอีน ซึ่งจะนำไปสู่การขาด น้ำได้ "
แหล่งที่มา : https://www.banprak-nfe.com/webboard/index.php?PHPSESSID=d17b8756f2fc6f0928f853c28b1f54b6&topic=2731.0
