ความรู้ เกร็ดความรู้ สารานุกรม สารานุกรมออนไลน์ ความรู้รอบตัว ความรู้ทั่วไป พจนานุกรม เกมส์ เพลงใหม่ เพลง

การใช้คอมพิวเตอร์ทางด้านกฎหมายและการปกครอง, การใช้คอมพิวเตอร์ทางด้านกฎหมายและการปกครอง หมายถึง, การใช้คอมพิวเตอร์ทางด้านกฎหมายและการปกครอง คือ, การใช้คอมพิวเตอร์ทางด้านกฎหมายและการปกครอง ความหมาย, การใช้คอมพิวเตอร์ทางด้านกฎหมายและการปกครอง คืออะไร
| เปิดอ่าน 0 | ความคิดเห็น 0
การใช้คอมพิวเตอร์ทางด้านกฎหมายและการปกครอง

          การใช้คอมพิวเตอร์ช่วยแก้ปัญหาด้านกฎหมายที่น่าจะมีประโยชน์มากที่สุดอย่างหนึ่งก็คือ การใช้ในงานระบบข้อมูลทางกฎหมาย ในงานนี้เราต้องนำตัวบทกฎหมายทุกฉบับ  รัฐธรรมนูญทุกฉบับ กฎหมายอาญา กฎหมายแพ่งพระราชบัญญัติ พระราชกำหนด พระราชกฤษฎีกา กฎกระทรวง กฎ ก.พ. กฎ ก.ม. กฎ ก.ต. ประกาศต่างๆ  ฯลฯ สรุปคดีทุกคดีว่าใครฟ้องใคร เรื่องอะไร  ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์  ศาลฎีกา ตัดสินว่าอย่างไร เข้าคอมพิวเตอร์ทั้งหมด หลังจากนั้นคอมพิวเตอร์ก็จะช่วยงานได้หลายอย่าง เช่น
            ๑. ต้องการทราบว่ารัฐธรรมนูญฉบับไหนเหมือนหรือแตกต่างกับฉบับไหนมากน้อยเท่าใด  ก็ให้คอมพิวเตอร์ค้นหา และวิเคราะห์เปรียบเทียบพิมพ์ผลให้
            ๒. ต้องการทราบว่าคดีแบบไหนเคยมีฟ้องร้องแล้วศาลตัดสินอย่างไร ก็ให้คอมพิวเตอร์ช่วยค้นหาให้ เช่น ในสหรัฐอเมริกาเคยมีกรณีภรรยาอยากทราบว่า สามีบีบหลอดยาสีฟันตรงกลางหลอดทุกที อ้อนวอนขอร้องอย่างไรก็ไม่ยอมบีบตรงก้นหลอดอย่างนี้แล้วจะฟ้องหย่าได้หรือไม่ ถ้าให้ทนายไปค้นหลักฐานคดีเก่าๆ ก็จะเสียเวลานับเป็นวันๆถ้าใช้คอมพิวเตอร์ช่วยหาให้ก็จะได้คำตอบภายในเวลาเป็นนาที
          ในสหรัฐอเมริกา เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๓ มีหน่วยงานของรัฐบาลกลางของรัฐ  ศาล และคณะนิติศาสตร์ในมหาวิทยาลัย ที่ใช้คอมพิวเตอร์ในงานระบบข้อมูลด้านกฎหมายอย่างเต็มที่มากกว่า  ๕๐ แห่ง เช่น แอสเปน (Aspen System Corporation) ซึ่งเป็นหน่วยงานเอกชนได้นำกฎหมายต่างๆเข้าคอมพิวเตอร์ไว้รวมแล้วกว่า ๒๐๐ ล้านคำ
          ในแคนาดามีรัฐแมนิโทบา (Manitoba) ที่ใช้คอมพิวเตอร์เก็บตัวบทกฎหมายของรัฐทั้งหมดไว้ในแถบแม่เหล็กเมื่อจะพิมพ์หรือจะแก้ไขเปลี่ยนแปลง ก็ใช้คอมพิวเตอร์ทำทั้งสิ้น
          ในอังกฤษมีบริการให้ทนายเช่าพิมพ์ดีดคอมพิวเตอร์ไว้ในสำนักงาน  เสียค่าเช่าเดือนละประมาณ ๒,๐๐๐ บาทบวกค่าเวลาคอมพิวเตอร์ เมื่อมีปัญหาใดก็พิมพ์คำถามเข้าคอมพิวเตอร์ จะได้รับคำตอบในเวลาเป็นนาที
          ในฝรั่งเศสและเบลเยียมมีบริการคอมพิวเตอร์ให้ทนายถามปัญหาได้ ในราคาปัญหาละเพียง ๓๐-๕๐ บาทเท่านั้น แต่ในกรณีนี้ผู้ถามจะส่งคำถามไปที่ศูนย์ตอบปัญหาทางกฎหมายซึ่งมีเทอร์มินัลใช้ เจ้าหน้าที่ศูนย์จะพิมพ์คำถามเข้าเครื่อง เมื่อเครื่องพิมพ์คำตอบแล้วจึงส่งคำตอบไปให้ผู้ถามทางไปรษณีย์หรือโทรพิมพ์
          ในรัสเซียก็ได้มีการใช้คอมพิวเตอร์ทางด้านกฎหมายตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๑๓ โดยสถาบันกลางด้านการวิจัยวิทยาศาสตร์ทางกฎหมาย (Central Scientific research Institute for Legal Matters)ในระดับนานาชาติก็ได้มีการตั้งสมาคมเอกสารกฎหมายนานาชาติ (International Association of Legal Documentation-Interdoc) ขึ้น เมื่อเดือนตุลาคม
พ.ศ. ๒๕๑๒โดยมีวัตถุประสงค์ข้อหนึ่งในบรรดาหลายข้อว่า จะจัดตั้งศูนย์คอมพิวเตอร์เพื่อข้อมูลทางกฎหมายระหว่างชาติขึ้น
          อีกตัวอย่างหนึ่งของการใช้คอมพิวเตอร์ช่วยแก้ปัญหาเรื่องกฎหมายก็คือ เรื่องพยานหลักฐาน ในอังกฤษมีพระราชบัญญัติพยานหลักฐานทางกฎหมาย (Criminal EvidenceAct of 1965) เป็นกฎหมายฉบับแรกในโลกที่ยอมให้ใช้หลักฐานจากคอมพิวเตอร์เป็นพยานหลักฐานทางกฎหมายได้ กฎหมายฉบับนี้ระบุว่าในกรณีที่พยานไม่สามารถให้ปากคำได้ โดยเหตุเพราะอยู่ต่างประเทศ ตาย วิกลจริตหายสาบสูญ หรือความจำเสื่อม ให้ใช้หลักฐานที่ได้บันทึกไว้ในคอมพิวเตอร์ในการปฏิบัติงานตามปกติ  มาเป็นพยานหลักฐานได้ เช่น ถ้ามีการซื้อขายรถ โดยการจ่ายเช็คเข้าธนาคารซึ่งใช้คอมพิวเตอร์ ต่อมาเกิดการสืบสวนสงสัยว่าจะเป็นรถเถื่อน ต้องการทราบราคาซื้อขาย ก็อาจใช้เอกสารที่ธนาคารบันทึกไว้ในคอมพิวเตอร์เป็นหลักฐานในการดำเนินคดีได้
          ทางด้านการปกครองนั้นก็อาจจะเริ่มตั้งแต่รัฐบาลอันที่จริงแล้ว ผู้สนับสนุนให้นักวิทยาศาสตร์คิดค้นสนใจสร้างคอมพิวเตอร์ขึ้นมาก็คือรัฐบาลนั่นเอง เริ่มตั้งแต่รัฐบาลอังกฤษให้เงินสนับสนุนสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องแรกเมื่อ พ.ศ. ๒๓๕๕ ต่อมาในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ ๒รัฐบาลสหรัฐอเมริกาก็สนับสนุนให้อาจารย์มหาวิทยาลัยต่างๆช่วยกันสร้างคอมพิวเตอร์ ปัจจุบันรัฐบาลอังกฤษก็ยังสนับสนุนคอมพิวเตอร์อยู่โดยเป็นหุ้นใหญ่ในบริษัทไอซีแอล (ICL)และบังคับให้หน่วยราชการใช้เครื่องของไอซีแอล  ส่วนรัฐบาลสหรัฐอเมริกาก็จัดตั้งสำนักงานกิจกรรมคอมพิวเตอร์ (Office of Computer Activities) ขึ้นในมูลนิธิวิทยาศาสตร์แห่งชาติ (National Science Foundation) ให้ทุนสนับสนุนการวิจัยด้านคอมพิวเตอร์มากมาย รัฐบาลญี่ปุ่นก็มีนโยบายสนับสนุนกิจกรรมคอมพิวเตอร์อย่างกว้างขวาง รัฐบาลรัสเซียและรัฐบาลจีนก็พยายามแสวงหาวิทยาการด้านคอมพิวเตอร์จากสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และญี่ปุ่น
          อีกตัวอย่างหนึ่งที่อาจใช้คอมพิวเตอร์ได้ก็คือ การเลือกตั้ง ในสหรัฐอเมริกามีหลายรัฐที่มีเครื่องลงคะแนนเสียงโดยกดเข้าคอมพิวเตอร์ พอถึงเวลาปิดการลงคะแนนคอมพิวเตอร์ก็บอกให้ได้ทันทีว่า ผู้สมัครคนใดได้คะแนนเท่าใด ในบ้านเราก็ได้มีการนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในการประมวลผลการเลือกตั้งหลายครั้งแล้ว และมีแนวโน้มว่าจะใช้เพิ่มขึ้น
          เมื่อเลือกตั้งกันเรียบร้อยแล้ว ก็อาจใช้คอมพิวเตอร์เข้าช่วยในการจัดตั้งรัฐบาล  ตัวอย่างเช่น  ในการจัดตั้งรัฐบาลมีข้อเรียกร้องต่อรองต่างๆ มากมาย ในชุดคำสั่งอาจสมมติให้ผู้ใหญ่ในแต่ละพรรคเสนอ เช่น นาย ก. ต้องการเป็นนายกรัฐมนตรีแล้วต้องให้นาย ข. เป็นรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมหรือกระทรวงมหาดไทย  นาย ข. จะยอมเป็นรัฐมนตรีกลาโหม ถ้านาย ค. หรือนาย ง. เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกลาโหม และถ้านาย จ. ไม่เป็นรัฐมนตรีมหาดไทยส่วนนาย ค. ต้องเป็นรัฐมนตรีอุตสาหกรรม หรือรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์  และต้องการอย่างอื่นๆ อีกหลายข้อ ทุกคน ทุกพรรคก็มีข้อเรียกร้องมีข้อต่อรองกันมากมายนอกจากนี้   ยังมีหลักการกว้างๆ อีก เช่น รัฐมนตรีว่าการและช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการจะต้องมีวุฒิอย่างน้อยจบปริญญาตรี รัฐมนตรีทบวงมหาวิทยาลัย ถ้าเป็นศาสตราจารย์ได้ก็ดี รวมแล้วมีข้อเรียกร้องต่างๆ เป็นร้อยๆ ข้อถ้าผู้มีหน้าที่จัดตั้งรัฐบาลให้คอมพิวเตอร์ทำก็ใช้วิธีที่เรียกว่าซีโรวัน (zero-one  programming) คอมพิวเตอร์จะพิมพ์บอกออกมาให้ว่าข้อต้องการต่างๆ ทั้งหมดนั้นมากเกินไปทำไม่ได้จะต้องยอมยกเลิกบางข้อบ้าง เช่น ถ้านาย ก. และนาย ข. ต่างก็ต้องการจะเป็นนายกรัฐมนตรีทั้งคู่ และไม่ยอมรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงใดแทนเลย  คอมพิวเตอร์ก็ต้องบอกว่าเป็นไปไม่ได้ ต้องให้ทั้งนาย ก. และนาย ข. หรืออย่างน้อยก็ ๑ ใน ๒ คนนั้นยอมรับตำแหน่งรองนายก.หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงที่สำคัญ หรือเรียกร้องตำแหน่งให้ลูกพรรคเพิ่มขึ้น ถ้าข้อเรียกร้องทั้งหมดทั้งปวงมีทางทำให้ทุกคนพอใจได้ คอมพิวเตอร์ก็จะเสนอคณะรัฐบาลหลายๆ ชุด แต่ละชุดทำให้ทุกคนพอใจได้หมด บางคนก็ได้ตำแหน่งที่ตนเลือกเป็นอันดับ ๑  บางคนก็ได้ตำแหน่งที่ตนเลือกเป็นอันดับ ๒  หรืออันดับ ๓  แต่อย่างน้อยทุกคนก็ได้ตำแหน่งตามที่เลือกไว้  ต่อจากนั้น บุคคลผู้มีอำนาจได้รับมอบหมายให้จัดตั้งรัฐบาล ก็จะเลือกคณะรัฐมนตรีชุดใดชุดหนึ่งตามความพอใจของตน โดยอาจใช้เหตุผลส่วนตัวที่ไม่ต้องการเปิดเผยให้ผู้ใดทราบมาประกอบการตัดสินใจได้
         เมื่อตั้งรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว หากมีโครงการใดเป็นพิเศษ เช่น การจัดสรรที่ดิน การออกโฉนดให้ได้จำนวนมากในเวลาอันรวดเร็ว ก็ใช้คอมพิวเตอร์ช่วยได้  ถ้ามีโครงการผันเงินไปช่วยตำบลหรือชนบทต่างๆอาจใช้คอมพิวเตอร์ช่วยจดประวัติ  ลงทะเบียน  และให้ข้อมูลในการคัดเลือกโครงการและเพื่อการติดตามประเมินผล เป็นต้น
         โดยสรุปแล้วรัฐบาลก็คล้ายๆ กับคณะผู้จัดการบริษัทใหญ่ๆ บริษัทใหญ่ๆ ใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการปฏิบัติงานช่วยในการบริหารกิจการให้ได้ผลรวดเร็วคุ้มค่าฉันใด รัฐบาลก็ควรจะใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการบริหารบ้านเมืองให้ได้ผลดีแก่ประชาชนและประเทศฉันนั้น
          ส่วนด้านการปกครองท้องถิ่นกรุงเทพมหานคร หรือกทม. ก็ได้ดำเนินการใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการเก็บภาษีโรงเรือนให้ได้ผลดีขึ้น ในต่างประเทศบางแห่งได้ใช้คอมพิวเตอร์ในด้านการเงินเพื่อวิเคราะห์รายรับรายจ่าย ควบคุมงบประมาณ  และทำบัญชีต่างๆ ทางด้านการศึกษาประชาบาลได้ใช้คอมพิวเตอร์ช่วยเก็บประวัติเด็ก ช่วยพยากรณ์ว่าปีต่อไปจะต้องเพิ่มห้องเรียน เพิ่มครูหรือไม่อย่างไร หนังสือเรียนที่พิมพ์ไว้แล้วยังเหลือเท่าใด ควรจะเปลี่ยนเป็นเล่มใหม่หรือไม่ ถ้าเปลี่ยนแล้วจะต้องเริ่มพิมพ์เมื่อใดจึงจะพิมพ์ได้ทันโรงเรียนเปิดเทอม และทางด้านสาธารณสุขก็ใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการทำทะเบียนยาที่ใช้ในการปลูกฝีฉีดยา ในการควบคุมโรคระบาดต่างๆ เป็นต้น

การใช้คอมพิวเตอร์ทางด้านกฎหมายและการปกครอง, การใช้คอมพิวเตอร์ทางด้านกฎหมายและการปกครอง หมายถึง, การใช้คอมพิวเตอร์ทางด้านกฎหมายและการปกครอง คือ, การใช้คอมพิวเตอร์ทางด้านกฎหมายและการปกครอง ความหมาย, การใช้คอมพิวเตอร์ทางด้านกฎหมายและการปกครอง คืออะไร

ร่วมเป็นแฟนเพจเรา บน Facebook..ได้ที่นี่เลย!!

บทความอื่น ของสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่มที่ 11

สารานุกรมเล่มอื่นๆ

คำยอดฮิต

Sanook.commenu