วันขึ้นปีใหม่?
มนุษย์เราฉลองปีใหม่กันมานานแล้วหรือยัง ประชุมพร จ ชลบุรี
มนุษย์เราฉลองปีใหม่กันมานานแล้วหรือยัง ประชุมพร จ ชลบุรี
คำว่า “ วันหยุด ” Holiday มาจากคำภาษาอังกฤษในสมัยกลางที่มีความหมายว่า “ วันศักดิ์สิทธิ์ quot Holy day เนื่องจากแต่เติมมาการเฉลิมฉลองของมนุษย์เราล้วนเกี่ยวพันกับศาสนาทั้งสิ้น และในบรรดา “ วันศักดิ์สิทธิ์ quot ทั้งมวล วันขึ้นปีใหม่เก่าแก่และเป็นสากลมากที่สุด น่าแปลกมากที่วันขึ้นปีใหม่มีมาตั้งแต่สมัยที่การนับปีตามปฏิทินยังไม่เกิดขึ้นด้วยซ้ำในสมัยโบราณ คำว่า “ ปี ” คือช่วงเวลาระหว่างการหว่านเมล็ดพันธุ์ และการเก็บเกี่ยวผลผลิต พิธีเฉลิมฉลองปีใหม่ครั้งแรกสุดตามที่บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ มีขึ้นเมื่อ ๒ ๐๐๐ ปีก่อนคริสตกาลในนครบาบิโลน เมืองหลวงของอาณาจักรบาบิโลเนีย ซากอาณาจักรโบราณนี้อยู่ในเขตประเทศอิรักในปัจจุบัน พิธีจะเริ่มขึ้นราวปลายเดือนมีนาคมเมื่อฤดูใบไม้ผลิมาถึง และดำเนินไปเป็นเวลา ๑๑ วัน ติดต่อกัน เพื่อเป็นการเริ่มต้นวาระสำคัญนี้ พระผู้ทรงสมณศักดิ์สูงสุดจะตื่นนอนก่อนพระอาทิตย์ขึ้น ๒ ชั่วโมง ชำระล้างร่างกายด้วยน้ำศักดิ์สิทธิ์จากแม่น้ำยูเฟรทิส จากนั้นจะท่องบทสวดสรรเสริญ มาร์ดัก เทพเจ้าแห่งการเพาะปลูกประจำท้องถิ่นนั้น พร้อมทั้งสวดอ้อนวอนให้ผลผลิตในฤดูกาลเพาะปลูกใหม่ที่มาถึงอุดมสมบูรณ์ ตามพิธีจะนำสะโพกของแกะตัวผู้ซึ่งหัวถูกตัดทิ้งไปมาถูกับกำแพงวัด เพื่อดูดซับโรคติดต่อที่อาจจะแพร่เชื้อร้ายเข้ามาในบริเวณวัดอันศักดิ์สิทธิ์ พิธีกรรมนี้มีความหมายโดยนัยว่า ผลผลิตในปีใหม่จะคลาดแคล้วจากภยันตรายใด ๆ ในช่วงแห่งการเฉลิมฉลอง ผู้คนจะพากันบริโภคอาหารเหล้าองุ่น และสุรา อย่างไม่อั้น เพื่อเป็นการขอบคุณต่อมาร์ดักสำหรับพืชผลอันอุดมในปีที่ผ่านมา ในวันที่ ๖ ของงานฉลองจะมีการแสดงละครสวมหน้ากาก เพื่อเป็นบรรณาการแด่เทพธิดาแห่งความสมบูรณ์พูนผล ติดตามด้วยขบวนพาเหรดอันยิ่งใหญ่ ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่ดนตรี การเต้นรำ และเครื่องแต่งกายขบวนจะตั้งต้นจากวัดไปสิ้นสุดที่ “ โรงปีใหม่ ” เป็นอาคารพิเศษที่สร้างขึ้นเพื่อวาระนี้โดยเฉพาะ ตั้งอยู่ชานกรุงบาบิโลน เหตุที่วันปีใหม่เลื่อนจากต้นฤดูใบไม้ผลิไปอยู่ปลายฤดูหนาว เป็นเรื่องแปลกยากที่จะเข้าใจได้ ทั้งนี้เพราะเดือนมกราคมเป็นช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสมเลยต่อการเริ่มต้นฤดูกาลเพาะปลูก ไม่ว่าจะพิจารณาโดยหลักทางดาราศาสตร์หรือทาง การเกษตร การเลื่อนวันขึ้นปีใหม่เกิดขึ้นในสมัยอาณาจักรโรมันตามปฏิทินโบราณ ชาวโรมันถือเอาวันที่ ๒๕ มีนาคม ซึ่งเป็นวันเริ่มต้นของฤดูใบไม้ผลิเป็นวันแรกของปี แต่บรรดาจักรพรรดิและขุนนางชั้นสูงมักจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงแก้ไขระยะเวลาของเดือนและปี เพื่อ “ ต่ออายุราชการ ” ของตนเอง จนทำให้วันที่ตามปฏิทินไม่สอดคล้องกับมาตรฐานทางดาราศาสตร์ดังนั้นในปีที่ ๔๖ ก่อนคริสตกาล จูเลียส ซีซาร์ จึงประกาศให้ วันที่ ๑ มกราคม เป็นวันขึ้นปีใหม่ และให้ใช้ปฏิทินใหม่ที่เรียกกันว่า ปฏิทินจูเลียน เป็นเกณฑ์ เมื่อพวกโรมันหันไปรับนับถือศาสนาคริสต์ในศตวรรษที่ ๔ จักรพรรดิโรมันยังคงถือปฏิบัติพิธีฉลองปีใหม่สืบมา อย่างไรก็ตาม นิกายคาทอลิกที่เพิ่งมีขึ้นได้ประณามการฉลองดังกล่าวว่าเป็นกิจกรรมที่น่าอับอายของพวกนอกรีต และประกาศห้ามคริสต์ศาสนิกชนเข้ามีส่วนร่วมเด็ดขาด ต่อมาในสมัยกลางเมื่อคริสตจักรมีอำนาจแข็งแกร่ง พิธีการเฉลิมฉลองปีใหม่ก็หายสาบสูญไปในนครรัฐและประเทศที่ยอมรับนับถือนิกายคาทอลิกและเมื่อการฉลองปีใหม่กลับมาอีกครั้งหนึ่ง ก็จัดขึ้นในวันที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละภูมิภาค ตัวอย่างเช่น ในระหว่างศตวรรษที่ ๑๑-๑๓ ชาวอังกฤษจะฉลองวันขึ้นปีใหม่ในวันที่๒๕ มีนาคน ชาวฝรั่งเศสในวันอีสเตอร์ ชาวอิตาเลียนในวันคริสต์มาสบ้าง วันที่ ๑๕ ธันวาคมบ้าง เฉพาะบนคาบสมุทรไอบีเรีย เป็นที่ตั้งของประเทศสเปนและโปรตุเกส เท่านั้น ที่ถือเอาวันที่ ๑ มกราคม เป็นวันขึ้นปีใหม่ จนเมื่อ ๔๐๐ ปีที่ผ่านมานี้เอง ที่วันที่ ๑ มกราคม ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางเป็นสากลว่าเป็นวันขึ้นปีใหม่ “ ข้อมูลสนับสนุนจากหนังสือ ๑๐๘ ซองคำถาม สำนักพิมพ์สารคดี ”
ร่วมเป็นแฟนเพจเรา บน Facebook..ได้ที่นี่เลย!!