เป็นอีสุกอีใส ห้ามทานอะไรบ้าง?
เป็นอีสุกอีใส ห้ามทานอะไรบ้าง
เป็นอีสุกอีใส ห้ามทานอะไรบ้าง
เนื่องจากโรคอีสุกอีใสเป็นโรคที่หายเองได้ โดยอาจมีไข้อยู่เพียงไม่กี่วัน ส่วนตุ่มจะตกสะเก็ด และค่อยๆ หายใน 1-3 สัปดาห์ ผู้ป่วยจึงควรพักผ่อน และดื่มน้ำมากๆ ถ้ามีไข้สูงใช้ยาพาราเซตามอล เพื่อลดไข้ แต่ห้ามใช้ยาแอสไพริน เพราะทำให้เกิดอาการทางสมอง และตับ ทำให้ผู้ป่วยเด็กถึงแก่กรรมได้ ควรอาบน้ำ และใช้สบู่หรือสบู่ฆ่าเชื้อฟอกผิวหนังให้สะอาด เพื่อป้องกันเชื้อแบคทีเรียมาแทรกซ้อน ควรตัดเล็บให้สั้น และหลีกเลี่ยงการแกะ หรือเกาตุ่ม เพราะอาจทำให้ติดเชื้อกลายเป็นหนองได้ ในรายที่มีอาการคันมากอาจให้รับประทานยาพวก คลอเฟนิรามีน ช่วยลดอาการคันลงได้ ในปัจจุบันมียาที่ใช้ยับยั้งการเจริญของเชื้อไวรัส โรคอีสุกอีใส แต่ต้องใช้ขนาดสูง และแพงมาก นอกจากนี้จะต้องเริ่มใช้ภายในวันแรกที่มีอาการ มิฉะนั้นอาจไม่ได้ผล หรือได้ผลไม่ดี สมัยก่อนโรคอีสุกอีใสเป็นโรคที่เชื่อว่าจะเกิดขึ้นกับทุกๆ คน ในช่วงหนึ่งช่วงใดของชีวิต เช่นเดียวกับหัด แต่เดี๋ยวนี้มีวัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใสที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายในหลายๆ ประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น คุณพ่อคุณแม่จึงสามารถนำบุตรหลานของท่านไปรับการฉีดวัคซีนป้องกัน โรคอีสุกอีใส ได้ตั้งแต่วัย 1 ปีขึ้นไป ข้อควรรู้เกี่ยวกับอีสุกอีใส โรคนี้เมื่อเป็นแล้วอาจมีโอกาสเป็นงูสวัดได้ภายหลัง ควรแยกผู้ป่วยออกต่างหาก เพื่อป้องกันการติดต่อ ทั้งนี้ระยะแพร่เชื้อจะเริ่มตั้งแต่ 24 ชั่วโมง ก่อนที่ผื่น หรือตุ่มขึ้นจนตุ่มแห้งหมดแล้ว ซึ่งใช้เวลาประมาณ 6-7 วัน ในระยะนี้ผู้ป่วยต้องหยุดเรียน หรือหยุดงาน โรคนี้ไม่มีของแสลง แต่ควรให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารจำพวกโปรตีน เช่น เนื้อ นม ไข่ มากๆ เพื่อจะได้มีภูมิต้านทานโรค ปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใสแล้ว โรคอีสุกอีใส ไม่ใช่โรคร้ายแรงอะไร แต่ก็เป็นสาเหตุของการขาดเรียน หรือขาดงาน รวมทั้งก่อให้เกิดความรำคาญจากอาการคัน และตุ่มหนอง และอาจส่งผลให้เกิดโรคแทรกซ้อน หรือแผลเป็นขึ้นได้ ปัจจุบันคุณสามารถป้องกันโรคอีสุกอีใส ให้แก่บุตรหลานของคุณได้ด้วยการติดต่อแพทย์ เพื่อรับการฉีดวัคซีนป้องกัน โรคอีกสุกอีใส เสียแต่วันนี้ ที่มา
ร่วมเป็นแฟนเพจเรา บน Facebook..ได้ที่นี่เลย!!