ปัจจัยเสี่ยงของโรคมะเร็งหลอดอาหาร?
อยากทราบว่าอะไรเป็น ปัจจัยเสี่ยงของโรคมะเร็งหลอดอาหาร บ้างคะ
อยากทราบว่าอะไรเป็น ปัจจัยเสี่ยงของโรคมะเร็งหลอดอาหาร บ้างคะ
ปัจจัยเสี่ยงของโรคมะเร็งหลอดอาหาร xml namespace prefix o ns urn schemas-microsoft-com office office แอลกอฮอล์และยาสูบ มะเร็งหลอดอาหาร มีอุบัติการค่อนข้างสูงในกลุ่มประชากรที่ดื่มแอลกอฮอล์จนติดเป็นนิสัย และมักพบร่วมกับกลุ่มประชากรที่สูบบุหรี่จัด ผู้ที่ดื่มน้ำชาร้อนๆ ก็มีโอกาสเป็นมะเร็งหลอดอาหารมากกว่าผู้ที่ดื่มชาอุ่นๆ หรือเย็นๆ ปริมาณและจำนวนของปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้มีความสัมพันธ์กับโรคด้วย ยิ่งทั้งสูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์ด้วย อัตราเสี่ยงก็ยิ่งสูงขึ้น จากการศึกษาอัตราตายของผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์ทุกวัน และสูบบุหรี่มากกว่าวันละ 20 มวน เท่ากับ 27 9 แสนคน ส่วนอัตราตายของผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มแอลกอฮอล์เท่ากับ 7 6 แสนคน เท่านั้น การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์จึงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ชัดเจนมาก โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับมะเร็งที่อวัยวะอื่นๆ ได้มีการทดลองกับสัตว์ทดลองโดยให้สัตว์ทดลองได้รับสารก่อมะเร็ง ที่ได้จากทาร์ของบุหรี่ร่วมกับการให้แอลกอฮอล์ พบว่า สารดังกล่าวจะแพร่กระจายไปในเยื่อบุผนังหลอดอาหาร และทำให้เกิดมะเร็งได้ แต่เมื่อใส่สารนี้โดยไม่ให้แอลกอฮอล์ แต่ให้น้ำมันมะกอกแทน พบว่าไม่เกิดมะเร็งหลอดอาหารแต่อย่างใด อุปนิสัยการกิน การกินอาหารร้อนๆ หรือเครื่องดื่มร้อน กินอาหารที่มีสารไนโทรซามีนมากไป กินอาหารที่มีพวกสารอาหารพวกทองแดง และ หรือ ดีบุกมากหรือน้อยไป ก็เป็นปัจจัยเสี่ยงที่มีผลต่อการเปลี่ยนของเซลล์บริเวณเยื่อบุผนังหลอดอาหาร นอกจากนั้นภาวะความไม่สมดุลย์ทางโภชนาการ การขาดสารเหล็ก ก็น่าจะเป็นปัจจัยที่ควรนึกถึงด้วย การขาดไวตามินบี 2 ช่วยหนุนให้เกิดมะเร็งที่ตับและผิวหนัง รวมทั้งเกิดโรคที่เยื่อบุผนังหลอดอาหาร ระดับสารสังกะสีจะมีน้อยมากในคนที่เป็นมะเร็ง โดยเฉพาะแถวอิหร่าน และเมื่อทดลองไม่ใส่สารสังกะสีในอาหารของหนู หนูก็เป็นมะเร็งหลอดอาหาร จึงน่าคิดว่า การขาดสารอาหารที่สำคัญ เช่น ไวตามินบี 2 สารไนอาซิน สารสังกะสี สารแมกนีเซียม จะเสริมให้การเจริญของเยื่อบุผนังหลอดอาหารเปลี่ยนจากปกติเป็นเซลล์มะเร็งได้ ลักษณะเฉพาะตัวแต่ละบุคคลที่ทำให้เกิดโรค ลักษณะเฉพาะตัวของผู้ป่วยเอง อาจมีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งหลอดอาหาร เนื่องจากพบผู้ป่วยที่มีการอักเสบเรื้อรังในช่องปาก แล้วเป็นมะเร็งหลอดอาหารในระยะต่อมา ที่มาและข้อมูลเพิ่มเติม
ร่วมเป็นแฟนเพจเรา บน Facebook..ได้ที่นี่เลย!!