โคบาล - คาวบอย?
อยากให้ |สารคดี| ทำเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ของคาวบอย nbsp ผมว่าน่าจะมีเกร็ดที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย สุธิศักดิ์ ผดุงผล สระบุรี
อยากให้ |สารคดี| ทำเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ของคาวบอย nbsp ผมว่าน่าจะมีเกร็ดที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย สุธิศักดิ์ ผดุงผล สระบุรี
|สารคคี| ไม่ทำเรื่องนี้ แต่ให้ |ซองคำถาม| หาข้อมูลเรื่องโคบาลมาตอบคุณสุธิศักติ์และคนอื่น ๆ ที่อาจสนใจ โคบาลอเมริกัน เป็นกลุ่มบุคคลที่มีพลังสำคัญทำให้ธุรกิจการค้าวัวรุ่งโรจน์ในเขตเกรตเพลนส์ Great Plains ของสหรัฐอเมริกา ในปลายคริสต์ศตวรรษที่ ๑๙ นอกจากโคบาลจะเชี่ยวชาญในการปราบม้าป่าและวัวเถื่อน maverick แล้ว ยังได้รับยกย่องให้เป็นอัศวินแห่งทุ่งราบภาคตะวันตก ผู้ไม่มีรีรอที่จะเสียงชีวิตเข้าช่วยเหลือเด็ก และสตรีให้รอดพ้นจากการทำร้ายของพวกอินเดียนแดงโจรผู้ร้าย และภัยพิบัติทางธรรมชาตินานาประการ โคบาลมีชีวิตอยู่อย่างอิสรเสรีในโลกของตนเองที่ห่างไกลจากเงื้อมมือกฎหมายของบ้านเมือง มีความเก่งกาจรอบรู้วิธีการเอาตัวให้รอดพ้นจากภยันตรายต่าง ๆ ในทะเลทรายอันกว้างใหญ่ไพศาล ขณะทำหน้าที่ต้อนฝูงวัวแต่ละฝูงซึ่งมีจำนวนไม่ต่ำกว่า ๒๕๐ ๐๐๐ ตัวให้เดินทางไกล long drives หลายพันไมล์เป็นเวลาหลายเดือน จากภาคใต้ไปขึ้นรถไฟที่รับบรรทุกวัวโดยเฉพาะในภาคเหนือ เพื่อส่งต่อไปยังโรงงานฆ่าสัตว์ในภาคตะวันออก งานหนักที่ต้องเสี่ยงชีวิตอยู่เป็นนิจเช่นนี้ ทำให้พวกโคบาลภาคภูมิใจและทะนงในศักดิ์ศรีแห่งอาชีพของตนยิ่งนัก โคบาลอเมริกันเริ่มมีใน ค ศ ๑๘๒๑ เมื่อนักบุกเบิกจากภาคตะวันออกผู้เข้าไปตั้งถิ่นฐานทำกินทางตอนใต้ของเขตแดนเท็กซัสได้เรียนรู้วิธีการทำฟาร์มปศุสัตว์ในทุ่งโล่งจากพวกเม็กซิโกเชื้อสายสเปน โดเริ่มจากการจับม้าป่าและวัวเถื่อนที่มีอยู่กลาดเกลื่อนในตอนใต้ของภาคตะวันตกมาเลี้ยงไว้ ม้าและวัวเหล่านั้นสืบพันธุ์มาจากพันธุ์ที่ชาวสเปนนำมาเลี้ยงไว้ในเม็กซิโกตั้งแต่ ค ศ ๑๕๑๙ เรื่อยมา โดยปล่อยให้สัตว์เหล่านั้นหาหญ้ากินเอง ก่อนหน้านี้พวกสเปนได้ถ่ายทอดศิลปะการขี่และบังคับม้ากับการเลี้ยงวัวโดยอาศัยโคบาลนั่งอยู่บนหลังม้าคอยดูแลฝูงวัวที่เลี้ยงไว้ให้แก่ชาวพื้นเมืองในเม็กซิโก เมืองซานอันโตนิโอ San Antonio ในเท็กซัสที่เคยเป็นของสเปนมาก่อน ได้กลายเป็นเมืองศูนย์กลางของการศึกษาศิลปะการเป็นโคบาลที่ดี หนุ่มโคบาลมักมีรูปร่างสันทัด เพื่อให้เหมาะที่จะต้องอยู่บนหลังม้าตลอดวัน นอกจากนั้นโคบาลจะต้องเป็นผู้ช่างสังเกตและจดจำทุกสิ่งที่ตนเห็นและได้ยินอย่างแม่นยำ มีใจกล้าแข็ง มีความคิดริเริ่มและความรู้รอบตัวดี ชักปืนได้ไวกว่าผู้อื่น และพร้อมที่จะกำหนดโชคชะตาชีวิตของตนเองเพื่อ แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ทันทีไม่ว่าจะเกิดจากภัยธรรมชาติ หรือโจรผู้ร้ายในระหว่างที่รอนแรมต้อนฝูงวัวนับแสน ๆ ตัวไปขึ้นรถไฟในภาคเหนือ ส่งตามปกติจะใช้โคบาลเพียง ๖ คนคุมฝูงวัวแต่ละตอนซึ่งมีจำนวนราวตอนละ ๒ ๐๐๐-๓ ๐๐๐ ตัว โดยต้องคอยระมัดระวังมิให้เกิดการแตกฝูงเพราะอาจจะเกิดภัยธรรมชาติ อาทิ ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า ทรายดูดแผ่นดินถล่ม พายุลูกเห็บที่ตกหนักจนร่างกายฟกช้ำ หรือลมร้ายต่าง ๆ สดแต่จะเกิดในทุ่งโล่ง โคบาลจะต้องรู้ใจสัตว์จนสามารถเรียกฝูงสัตว์ที่แตกเตลิดให้กลับเข้าขบวนให้ได้ ต้องจดจำทางน้ำและทุ่งหญ้า ที่ต้องให้ฝูงวัวพักดื่มกินให้ได้แม่นยำในระหว่างการเดินทางนับเป็นพัน ๆ ไมล์ ผ่านทะเลทรายอันแห้งแล้งร้อนระอุด้วยแสงแดดในเวลากลางวันและเย็นจัดในตอนกลางคืน ทั้งจะต้องคอยระวังพวกโจรผู้ร้ายที่ลักขโมยวัวในตอนกลางคืนซึ่งมักเกิดขึ้นอยู่เสมอ จนถือกันเป็นเรื่องธรรมดา หากถูกขโมยไปบ้างสัก ๒ ๐๐๐-๓ ๐๐๐ ตัว ในระหว่างการเดินทาง โคบาลมักจะต้องวิวาทกับคนเลี้ยงแกะเพราะแย่งทุ่งหญ้ากัน ชีวิตของโคบาลยังเป็นชีวิตที่อ้างว้างโดดเดี่ยว งานหนักจำเจอยู่ตลอดปี เพราะทุ่งเลี้ยงสัตว์บางแห่งที่โคบาลรับจ้างดูแลใหญ่กว่ามลรัฐในภาคตะวันออกหลายมลรัฐรวมกัน โคบาลมักมีเครื่องหมายประจำตัวและเครื่องแต่งกาย ซึ่งให้ความภาคภูมิใจและความสะดวกในการทำงานด้วย มีปืนพกที่ยิง ๖ นัด six-shooter revolver หมวกปีกกว้าง sombero ไว้กันแดดและลม ผ้าผูกคอสีสดใส เพื่อให้เพื่อนโคบาลผู้ร่วมงานเห็นได้แต่ไกล และยังใช้ปิดจมูกและปากเมื่อเกิดพายุฝุ่นตลบ อานม้าที่มั่นคงหนักถึง ๔๐ ปอนด์ รองเท้าบู๊ตติดสเปอร์ และมีส้นแหลมไว้ยึดพื้นทรายช่วยให้ทรงตัวได้ดี ขณะที่ขว้างบ่วงบาศยาวถึง ๒๐ ฟุตคล้องเขาวัว และมีแผ่นหนังใช้คลุมขาเพื่อป้องกันวัวขวิดหรือหนามจากต้นตะบองเพชรตำเมื่อพลัดตกจากหลังม้า นอกจากนั้น การที่ต้องคอยต้อนฝูงวัวอยู่ตั้งแต่เช้าจดเย็นในทุ่งอันอ้างว้างบังคับให้พวกโคบาลถือเอาการผิวปากและร้องเพลงเป็นเรื่องจำเป็นต่ออาชีพของตน เพราะเสียงเพลงนอกจากจะปลอบใจและแก้เหงาแล้ว ยังกล่อมฝูงสัตว์ให้หันความสนใจจากเสียงต่าง ๆ ซึ่งอาจทำให้ตื่นเตลิดไปทั้งฝูงได้ ระหว่างปี ค ศ ๑๘๗๐-๑๘๘๐ เป็นช่วงที่เริ่มมีการล้อมรั้วไร่นาและฟาร์มปศุสัตว์ในภาคตะวันตกด้วยลวดหนาม ซึ่ง โจเซฟเอฟ กลิดเดน Joseph F GIidden เป็นผู้ประดิษฐ์ขึ้น และไม่จำเป็นต้องใช้โคบาลต้อนฝูงวัวไปขึ้นรถไฟส่งโรงงานฆ่าสัตว์ในภาคตะวันออกอีกต่อไป เนื่องจากนับตั้งแต่ ค ศ ๑๘๗๕ เป็นต้นมาได้มีการรวมทุนกันจัดตั้งโรงงานฆ่าสัตว์ขึ้นในภาคตะวันตก และมีรถตู้เย็นขนเนื้อวัวชำแหละแล้วไปขายในภาคตะวันออก ในฤดูหนาวระหว่าง ค ศ ๑๘๘๕-๑๘๘๖ อากาศหนาวจัดจนถึงกับทำให้วัวกว่าร้อยละ ๘๕ ในภาคตะวันตกอดอาหารและแข็งตาย ในฤดูหนาวปีรุ่งขึ้นเลวร้ายยิ่งกว่า มีฝูงสัตว์ล้มตายจนซากกลาดเกลื่อนไปทั่ว ที่เหลืออยู่ก็พิการเพราะหิมะจับขาแข็งไปหมด ภัยพิบัติจากอากาศติดต่อกันถึง ๒ ปี ทำให้บริษัทรับซื้อวัวและเจ้าของฟาร์มต่าง ๆ ล้มละลายไปตาม ๆ กัน ความเป็นอยู่อย่างหรูหราและชีวิตโคบาลที่น่าตื่นเต้นพลอยสิ้นสุดลงด้วย ใน ค ศ ๑๘๙๐ ฟาร์มปศุสัตว์รุ่นใหม่มีรั้วลวดหนามล้อมเกือบทุกแห่ง เจ้าของฟาร์มปศุสัตว์ปลูกหญ้าไว้ให้วัวกินในฤดูหนาวการเลี้ยงวัวในทุ่งโล่ง การต้อนฝูงวัวเดินทางไกลหลายพันไมล์และวีรกรรมทั้งหลายที่โคบาลในยุคนั้นได้ทำไว้จึงเหลือแต่เพียงความทรงจำที่บันทึกไว้ในภาพยนตร์ ละคร โคลงกลอน นิตยสารเริงรมย์ หนังสือการ์ตูน และเป็นตำนานที่เล่าขานกันมาจนทุกวันนี้ “ ข้อมูลสนับสนุนจากหนังสือ ๑๐๘ ซองคำถาม สำนักพิมพ์สารคดี ”
ร่วมเป็นแฟนเพจเรา บน Facebook..ได้ที่นี่เลย!!